Midterm Fantasy - ตอนที่ 253
คุณหลิวลี่จงและลูกน้องอีก10คนจับเครื่องจากวานาซูเอเล่มุ่งหน้าไปที่ฮ่องกงด้วยตนเอง หลิวลี่จงบอกว่าอาวุธปืนที่นั่นควบคุมเข้มข้นมากจนทำให้ยากที่จะซื้อหาถ้าไม่ไปเอง
และตอนนี้เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงจะเที่ยงคืน Dimension Lock ก็จะหมดฤทธิ์ เขาจะสามารถกลับไปที่โลกฝั่งโน้นได้แล้ว
ช่วงสามวันนี้เขาวิ่งวุ่นตระเตรียมการเดินทาง พ่อและแม่ของแพทมาคุยกับที่บ้านบอกว่าช่วงนี้รอนอาจจะต้องเดินทางบ่อยโดยไม่บอกเหตุผล ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนั้นมากพอที่จะทำให้พ่อและแม่รู้ว่ามีบางอย่างที่ไม่ปกติเกิดขึ้น
“เรื่องร้ายแรงหรือเปล่า” แม่ถาม “เกี่ยวกับหนูแพทใช่ไหม”
“ครับแม่ หนักอยู่ แต่ผมคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร” รอนบอก “ขอโทษด้วยนะครับที่เกิดเรื่องขึ้นแบบนี้”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก ยังไงก็คุยกับพ่อกับแม่ของหนูแพทเค้า มีอะไรก็ปรึกษากัน” พ่อบอก
“ครับพ่อ”รอนรับคำ
“ยังไงต้องดูแลตัวเองดีๆด้วยนะ แล้วก็ดูแลหนูแพทด้วย อย่าให้เค้ามีอันตรายได้ ถ้าเห็นว่าไม่ปลอดภัยก็ถอยมาตั้งหลักก่อน” แม่บอก
“แม่รู้แล้วเหรอครับ” รอนสะดุ้ง
“อืม ทีแรกพ่อกับแม่ก็ไม่ค่อยแน่ใจหรอก” แม่บอก “แต่พอเห็นเรื่องวุ่นๆที่เกิดขึ้นช่วงนี้เลยแน่ใจ”
“พวกเราเอาใจช่วยลูกนะ สู้ได้ก็สู้ ถ้าสู้ไม่ได้ก็ถอย ยังไงพวกเราอยู่ข้างลูกเสมอ และพ่อแม่ก็เชื่อว่าพ่อแม่ของแพทก็คิดแบบเดียวกัน” พ่อตบบ่า
“ครับ งั้นผมจะรีบไปที่นั่น ผมจะปกป้องแพทให้ได้”
“ต้องอย่างนี้สิลูกพ่อ” พ่อตบบ่าอย่างหนักแน่น “เป็นลูกผู้ชายต้องอย่างนี้ กล้าทำก็ต้องกล้ารับ พาแพทกลับมาให้ได้ บอกเค้าไปเลยว่าพ่อกับแม่รอหลานอยู่”
“หลาน?” รอนงง “หลานอะไรครับ”
“อ้าว ก็ลูกแกกับแพทไง”
“เห? ผมไปมีลูกกับแพทตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับ” รอนกระโดดโหยง
“อ้าว แล้วที่วุ่นวายกันทั้งแกกับพ่อแม่เค้านี่ไม่ใช่ว่าแกไปทำเค้าท้องแล้วเค้าหนีออกจากบ้านไปแล้วแกต้องไปตามหรอกเหรอ” แม่ถาม
“เปล่านะแม่ ไม่ใช่แบบนั้น ผมไม่เคยทำอะไรแพทเค้าเลยจะไปมีลูกด้วยกันได้ยังไง” รอนร้องเสียงหลงพลางดูนาฬิกา “ไม่ได้ละ ไม่ทันแล้ว ผมต้องรีบไปก่อนแค่นี้ก่อนนะครับ”
รอนวิ่งสะพายกระเป๋าออกจากบ้านไป ที่ข้างนอกนั่นเจนัสมารออยู่แล้ว
ทั้งสองคนเดินไปด้วยกันเงียบๆไปที่ปากซอย ที่นั่นเป็นซากปรักหักพังของร้านอาม่า รอนและเจนัสเดินเข้าไป ลงไปในห้องใต้ดิน รอนตรงไปที่แกลลอนน้ำมันที่เคยซื้อมาฝากร้านอาม่าเอาไว้
“โอเคยังอยู่ดีอยู่ งั้นเดี๋ยวจะได้ขนไปได้” รอนพูดขึ้น
“ไปฝั่งโน้นแล้วดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะ” เจนัสบอก
“แน่นอนครับ” รอนตอบ
“แล้วก็ … ไม่เจอแพทสามวัน ตอนนี้เธอตอบใจตัวเองได้หรือยังว่ารู้สึกยังไง” เจนัสถามขึ้นมา
หลังจากผ่านเรื่องหลายๆอย่างมาด้วยกัน รอนก็บอกความลับเรื่องที่ข้ามไปอีกมิติหนึ่งได้ให้กับเจนัสฟัง นอกจากเพราะไว้ใจแล้ว ก็เพราะต้องให้เจนัสช่วยเรื่องการดูต้นทางเวลาเขาข้ามมิติ
ส่วนคำถามที่เจนัสถามขึ้นนั้นแน่นอนว่ารอนรู้คำตอบอยู่แล้ว
ในสามวันที่ไม่ได้พบหน้าแพท เขารู้สึกว่างเปล่าและทรมาน จากที่เคยเห็นหน้ากันทุกวัน เจอกันเกือบตลอด กลายเป็นไม่ได้เจอ ไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้เห็นหน้า ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไรปลอดภัยไหม
รอนไม่ตอบคำถาม เจนัสมองหน้าและยิ้ม
“เอาล่ะ เตรียมตัวไปเถอะ ถ้ารู้ตัวว่ารู้สึกอย่างไรก็ทำทุกอย่างให้เต็มที่จะได้ไม่ต้องเสียใจ ชั้นก็จะช่วยเธออีกแรงเอง” เจนัสบอกก่อนจะเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ จูบที่หน้าผากเบาๆ
“ไปเถอะ”
รอนพยักหน้า เขาสวมชุดป้องกัน ใส่เกราะปราบจลาจลสีดำแบบเต็มตัว สวมหมวกติดกล้อง และเดินไปหิ้วถังน้ำมัน เขาเช็คสเตตัสให้แน่ใจว่าน้ำมันนั้นขนไปอีกฝั่งได้แล้วก็นับถอยหลัง. 5..4..3..2..1 วาร์ป!
ร่างของเด็กหนุ่มและถังน้ำมันหายแว้บไปต่อหน้าต่อตาของเจนัส
หญิงสาวยิ้มให้กับตัวเองอย่างช่วยไม่ได้
เวลาที่สองคนนั้นมีให้กันและกันมันมากเกินกว่าที่เธอจะเข้าไปแทรกได้จริงๆ
….
ร่างของรอนปรากฎขึ้นบนหอสังเกตการณ์ เด็กหนุ่มผงะไปเล็กน้อย รอบตัวของเขาตอนนี้ทุกอย่างดูแปลกตาไปหมด จากทิวทัศน์ที่งดงามตอนนี้รอบข้างมีแต่ความมืดหนาแน่นมองอะไรไม่เห็น จะมองเห็นก็แค่ระยะรอบหมู่บ้านแค่ครึ่งกิโลเมตรเท่านั้น
นอกจากนั้น บรรยากาศในหมู่บ้านก็แปลกไป เสียงผู้คนดังมากกว่าปกติ
“โอ้ว ทำไมคนเยอะแบบนี้เนี่ย”
รอนมองลงไป หมู่บ้านที่เขาเคยคิดว่าสร้างไว้โล่งเกินไปและทำกำแพงกว้างเกินไป ตอนนี้กลับกลายเป็นคับแคบ แทบทุกซอกซอยมีคนเต็มไปหมด ลานกว้างทั้งหลายตอนนี้ถูกจับจองจนหมดสิ้น
รอนทิ้งน้ำมันเอาไว้แล้ววิ่งลงจากหอสังเกตการณ์ตรงไปที่ที่ทำการหมู่บ้าน
“คุณเบรเซอร์แพทล่ะครับ”
“คุณรอน ปลอดภัยใช่ไหม โล่งอกไปที” เบรเซอร์อุทานอย่างดีใจ “คุณแพทกับกัปตันเรย์นำกำลังทหารม้าออกไปที่เมืองกาล่าน่ะ ตอนนี้เมืองกาล่าถูกโจมตี พวกเราเลยคิดจะโจมตีตัดกำลังมอนสเตอร์ที่จะไปสมทบ”
“ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันครับ” รอนถาม
เบรเซอร์เลยจัดการเล่าเรื่องทั้งหลายให้ฟัง ทั้งเรื่องที่เกิดม่านหมอกความมืด เรื่องการโจมตีหมู่บ้านต่างๆของก็อบลิน ไปจนถึงผู้อพยพที่เดินทางมาจากที่ต่างๆเพื่อมาที่หมู่บ้านโอลเซ่นโดยการนำทางของรถม้าท่องเที่ยวที่รอนแนะนำให้พ่อค้าอูเบอร์ทำ
“ถ้าอย่างนั้นติดต่อแพทให้ผมตอนนี้เลยได้ไหมครับ” รอนถาม
“ตอนนี้เวทมนตร์ติดต่อทั้งหมดใช้การไม่ได้เลย” เบรเซอร์บอก “เดี๋ยวข้าจะลองวิทยุสื่อสารนี่ดูหน่อย”
เบรเซอร์ใช้วอล์กกี้ทอล์กกี้กดดู แต่ว่าไม่มีสัญญาณจากอีกฝ่าย ดูเหมือนแพทจะออกไปนอกเขตสัญญาณ
“ติดต่อไม่ได้เลย แต่พวกเขาออกไปสักพักแล้ว ตอนเช้ามืดน่าจะกลับมา”
“เช้ามืดเหรอครับ แบบนั้นคงไม่ทันแน่” รอนบอก
ก่อนจะมาเขาคุยกับพ่อแม่ของแพทไว้แล้วว่า หากเวก้าปล่อยหมอกแห่งความมืดออกมาแบบการโจมตีเมื่อสามสิบปีก่อนแล้ว มันคงจะหาทางทำให้เกิดความวุ่นวายตามพื้นที่ต่างๆสัก4-5วัน จากนั้นเมื่อหมอกสลายไปก็คงจะนำกองทัพใหญ่บุกโจมตี
ตอนนี้หมอกออกมาแล้ว3วัน
ไม่รู้ว่าเวก้าจะโจมตีเมื่อไหร่
ถ้าเขาออกเดินทางช้าเกินไปอาจจะไปไม่ถึงวาเลนเทียก็ได้
“ผมจะเดินทางไปวาเลนเทียไปทำธุระสำคัญ ถ้าหากแพทกลับมาคุณเบรเซอร์กำชับให้เขาอยู่แต่ในหมู่บ้านนะครับ” รอนบอก “อย่าลืมว่าตอนนี้หมู่บ้านโอลเซ่นในตอนนี้มีหน้าที่ดูแลลูกแก้วไพล่อน ห้ามทำตัวเด่นให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีเด็ดขาด”
“ไปวาเลนเทีย? แต่ตอนนี้เส้นทางไม่ปลอดภัยแล้วนะครับ คุณรอนจะไปยังไง” เบรเซอร์ร้องถาม
รอนกลับไปที่คฤหาสน์ ตอนนี้โรงงาน(นรก)ผลิตม้วนเวทและบอลเวทมนตร์ทำงานกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา แต่เดิมมีเพียงเด็กของโอลเซ่นที่ทำหน้าที่ผลิตบอลและกระสุนเวทมนตร์ด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติ แต่ตอนนี้มีเด็กจากที่อื่นมากันเต็มไปหมด
เครื่องพิมพ์สามมิติมีจำกัด แต่ม้วนเวทนั้นใช้Printerธรรมดาพิมพ์ลายก่อนจะให้เด็กๆเหล่านั้นช่วยกันผลิตส่วนที่เหลือต่อ
และคนที่เปิดคอมพิวเตอร์และพิมพ์ก็คือ มาเรีย
“นี่ค่ะคุณรอน” มาเรียยื่นลังให้
“อะไรครับ” รอนรับลังมาไว้
“เป็นชุดม้วนเวท กระสุนเวทมนตร์ กับหน้าไม้ยิงกระสุนเวทมนตร์ คุณแพทให้พวกเราผลิตของและแยกเป็นกล่องๆแบบนี้เพื่อจะได้สะดวกในการเบิกจ่าย” มาเรียบอก “คุณรอนมีปัญหาไม่มีมานาทำให้ใช้กระสุนเวทมนตร์ลำบาก คุณแพทก็เลยให้ช่างอาวุธคนแคระทำหน้าไม้พิเศษขึ้นมา ตรงนี้จะมีตัวประจุเวทมนตร์ เวลายิงกระสุนออกไปแล้วกระสุนจะถูกกระตุ้นให้ทำงาน”
มาเรียสอนวิธีใช้หน้าไม้และการเติมแกนมอนสเตอร์ชาร์จประจุเวทมนตร์ให้ รอนเอากระสุน ม้วนเวทและหน้าไม้ติดไป5ชุดขนออกไป กลับไปเอาน้ำมันทั้งสองถังที่ทิ้งไว้ แล้วมุ่งหน้าไปที่ที่ทำการหมู่บ้าน
บรืน ๆ ๆ
แสงไฟหน้ารถส่องเปิด รถตู้วัคซีนที่จอดอยู่เคลื่อนตัวออก มุ่งหน้าฝ่าฝูงชนไปยังประตูหมู่บ้าน
“คุณรอน คุณรอนกลับมาแล้ว” โรล่าวิ่งลงมาจากกำแพงหมู่บ้าน
“โรล่า ปลอดภัยดีใช่ไหม” รอนเปิดกระจกหน้าต่าง
“ค่ะ คุณรอนหายไปหลายวัน ทุกคนเป็นห่วงมากเลย แล้วนี่คุณรอนจะไปไหนคะ”
“ไปวาเลนเทีย ผมต้องไปทำงานสำคัญ” รอนบอก
“วาเลนเทีย! แต่ตอนนี้เส้นทางมันอันตรายมากนะคะ” โรล่าแย้งขึ้น
แกว๊ก!
เสียงร้องดังมาจากบนท้องฟ้า กริฟฟอน 5 ตัวบินลงมา ทหาร 5 นายบนหลังกริฟฟอนลงมาในสภาพบาดเจ็บ
“ตอนนี้เส้นทางทั้งทางอากาศและทางบกอันตรายขึ้นเรื่อยๆค่ะ เมื่อเย็นนี้เริ่มมีไวเวิร์นของศัตรูโจมตีหน่วยบินกริฟฟินของพวกเรา” โรล่าบอก “คุณรอนรอคุณแพทกับกัปตันเรย์ก่อนดีกว่าไหมคะ”
เมื่อเย็นเริ่มมีไวเวิร์นเหรอ … แปลว่าพวกมันเริ่มตัดเส้นทางแล้วสิ อย่างนี้ถ้ารอต่อไปถนนอาจจะปิดก็ได้
ใจจริงรอนอยากจะรอแพทเหมือนกัน เพราะถ้าให้แพทจูบและรับมานาเข้ามาในตัว เขาก็จะได้เปิดสเตตัสปลดลิมิตพลังของตนเองได้ เพราะที่ผ่านมาเพื่อต้องการฝึกฝีมือการต่อสู้ให้เฉียบคมไม่เน้นการใช้พลังเข้าว่า รอนเลยให้ระบบลิมิตพลังแขนขาไว้ที่200กิโลกรัม ไม่ได้เปิดใช้แบบเต็มที่ 4000 กิโลกรัม
ใครจะไปนึกว่าจะเกิดเหตุคับขันที่ทำให้รอไม่ได้แบบนี้
“ผมไปก่อนนะโรล่า รักษาตัวด้วย แล้วผมจะรีบกลับมา” รอนบอกก่อนจะออกรถ
รถตู้พุ่งออกไปท่ามกลางความมืด แสงไฟหน้ารถสาดส่องปัดเป่าเอาหมอกควันสีดำให้กระจายออกไปเผยให้เห็นถนนเบื้องหน้า เด็กหนุ่มเหยียบครัทช์เข้าเกียร์ 2 3 และ 4
“ขับรถก็ไม่ยากเท่าไหร่นี่นา” รอนบอกกับตนเอง พลางดูสกิล
[ขับรถเกียร์ธรรมดา :Lv1 . 50/100]
“นั่นอะไรน่ะ ก็อบลิน!”
ก็อบลินสีเขียวร่วม20ตัวขวางถนนอยู่ พวกมันมองแสงไฟหน้ารถอย่างงุนงง
“เดี๋ยวต้องหยุดรถแล้วเอาหน้าไม้ไปยิงมัน เบรกอยู่ไหน เบรกอยู่ไหน”
บรืนนนนนนนนนนนน เข็มไมล์ตีไปที่เลข 130
130 ไมล์ต่อชั่วโมง
(200กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
“แว้กกกกกกกกก”
ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง
ก็อบลินทั้งหมดลอยกระเด็นไปในอากาศ เครื่องในแขนขากระจัดกระจายเต็มถนน
เอี้ยดดดดดดด
รถตู้วัคซีนจอดตรงที่ห่างออกไปอีก1กิโลเมตร
“เบรกอยู่นี่เอง”
รอนหอบหายใจอย่างตื่นเต้น เสียงดังใสก้องขึ้นในหัว
กิ๊ง!
[Achievement unlocked คุณได้ค้นพบ เบรก]
[Level Up ขับรถเกียร์ธรรมดา : Lv2 0/100]