Midterm Fantasy - ตอนที่ 47
“รีบจัดการกลุ่มแรกเร็ว กลุ่มที่สองมันใกล้เข้ามาแล้ว”
“ธนูหมดแล้ว”
“ไพลั่มก็หมดแล้ว”
“<Wind Shield>! นี่แน่ะ ตายๆๆๆ”
“เรียกพวกชาวบ้านมา ตั้งแนวหอก พวกเราจะถอยแล้ว เร็วเข้า”
ทหารเริ่มถอยกลับมาช้าๆโดยตั้งหอกยาวไปด้านหน้าข้ามแนวโล่ ออร์ค30กว่าตัวพยายามชาร์จเข้ามาแต่ยังเจอยันไว้ได้
ข้าแต่เทพธอร์แห่งสายฟ้าแต่โบราณกาล โปรดประทานพลังให้แก่ข้าเพื่อหยุดยั้งศัตรู <Thunder bolt>”
แสงไฟสีขาววาบแวบอย่างรวดเร็วเห็นเป็นเส้น ออร์ค5ตัวที่ด้านนอกสุดของกลุ่มล้มลง รอนเข้าไปไล่ฟันคอของพวกมันอย่างรวดเร็ว
“คุณรอน ระวัง”
“โอ๊ย ”
[-2]
รอนกระโดดถอยมา ต้นแขนถูกฟันเป็นรอยลึก … เขาลืมไปว่าตอนนี้เสื้อที่ป้องกันการฟันแทงได้ตัวนั้นเขายกให้โรล่าไปแล้ว
แต่เขายังมีไม้ตาย …. เด็กหนุ่มหยิบน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นออกมา … กรดไขมันสายกลางที่ดูดซึมเร็วจะให้พลังแค่ไหนกันนะ
“ย้าก” ฉัวะ
รอนพุ่งสวนออร์คตัวนั้นเข้าไป
ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดเขาเห็นเหมือนกับว่าข้อมือขวาของมันมีสีแดงขึ้นมาจางๆ ก่อนที่ออร์คจะขยับข้อมือขวา
อ๊ะ คราวนี้มีสีแดงที่ขาซ้าย และมันขยับขาซ้ายถอยหลัง
รอนหรี่ตาดู … มันมีสีแดงที่มืออีกแล้ว …. งั้นหมายความว่า
วู้ส!
เด็กหนุ่มถอยหลบดาบในมือออร์คที่พุ่งเข้ามาก่อนจะฟันสวนกลับไปและฟันข้อมือมันจนขาด แล้วตัดเฉือนที่คอของออร์คตัวนั้นจนล้มลง
ดูเหมือนว่าออร์คที่เขาสู้ด้วยจะมีสีแดงปรากฎขึ้นจางๆที่อวัยวะที่กำลังจะขยับ
“สกิล”
[ออร์คศึกษา Lv 2 15/100]
อ่อ ดูเหมือนว่าถ้าสู้มากพอจะสามารถคาดเดาได้ว่าศัตรูจะเคลื่อนไหวในทิศทางใดสินะ
เด็กหนุ่มพุ่งเข้าไปหาออร์คตัวถัดๆไป เขาพยายามปรับการสู้ของตนให้เข้ากับความสามารถใหม่ที่ค้นพบแต่ยังไม่ค่อยดีนัก
ฉึก
[-0.5]
“เข้ามา ฮ่าฮ่าฮ่า ฟันได้ฟันไป” รอนตะโกนท้าก่อนจะกระดกน้ำมันมะพร้าวอีกอึก
ฉึก
[-1]
‘ทำไมช้าจัง’ รอนคิด ก่อนที่จะมีแสงสว่างเรืองๆขึ้นมา
[+0.3]
เอ๊ะ ทำไมขึ้นแค่นี้ล่ะ
ฉัวะ
[-3]
เฮ้ยๆๆๆ อะไรกัน
ฉัวะ
[-1]
[+0.3]
“คุณรอนติดอยู่ในนั้น พวกเราเข้าไปช่วยเร็ว”
ชาวบ้านค่อยๆเรียงหน้ากระดานถือหอกเข้าไปช่วย ออร์คที่ล้อมอยู่ค่อยๆเดินถอยหนี ก่อนจะหันไปลุยกับทหารและชาวบ้านแทน
“คุณรอนเป็นอะไรมากไหมครับ”โยฮันถามอย่างเป็นห่วง เด็กหนุ่มเจอออร์คฟันยับโดยที่ Healing Auraที่เคยเปล่งประกาย มาบัดนี้ส่องแสงหรี่ๆเท่านั้น
[+0.3]
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากครับ” รอนขอบคุณและงงกับตัวเอง … ทำไมน้ำมันมะพร้าวไม่ได้ผลฟะ!!!
เด็กหนุ่มนั่งดูการฆ่าหมู่ออร์คที่เหลือและมองไปรอบๆ ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้ว อีกไม่นานนักก็ใกล้จะมืด ….
แต่แม้จะไม่ได้ตั้งแคมป์ในจุดที่วางแผนไว้ แต่ตอนนี้อันตรายที่จะมีจากออร์คก็น่าจะหมดไปแล้ว เพราะว่ากลุ่มออร์คนี้คือกลุ่มที่11และ12ที่พวกเขาจัดการ และเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ยังทนอยู่หลังจากเห็นมนุษย์ฆ่าฟันพวกพ้องมันไป
กลุ่มอื่นๆ ต่อให้เป็นมอนสเตอร์ที่โง่แค่ไหน แต่ก็ไม่อาจฝืนสัญชาตญาณความกลัวไปได้
พวกมันถอนกำลังทีละกลุ่มๆ
ชาวบ้านนับถุงผลึกแกนมอนสเตอร์ที่เก็บได้ราวๆ200อัน กับเขี้ยวออร์คที่สามารถนำไปขึ้นเงินได้ที่กิลด์นักผจญภัย
“วิธีของคุณได้ผลจริงๆ” โยฮันชม
หลังจากมีปัญหาว่าถ้าแทรกเข้าไปในช่องระหว่างกลุ่ม จะทำให้ออร์ครอบๆเข้ามาหาในระยะเวลาสั้นๆ
รอนจึงเปลี่ยนวิธี แทนที่จะแทรกไประหว่างกลุ่ม ก็ใช้การบุกไปสู้ตรงๆด้วยกำลังที่มากกว่า แล้วรีบจัดการก่อนที่กลุ่มอื่นๆจะเข้ามาช่วย
เมื่อหลบหลีกไปในช่องว่างระหว่างกลุ่มแอร์ค ออร์คหลายกลุ่มที่เห็นจะรู้สึกว่าเป็นการลุกล้ำเข้าเฉียดเขตของมัน จึงต้องยกพวกออกมาสู้
แต่หากพุ่งชนตรงๆกับออร์คกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง กลุ่มนั้นๆจะสู้แน่ๆ แต่กลุ่มออร์คที่ไกลออกไปจะรู้สึกว่าไม่ใช่หน้าที่ของตนในการไปสู้… ดังนั้นมักจะไม่ออกมาช่วย
“นี่ครับคุณรอน ซากที่คุณรอนสั่งให้เก็บไว้” พอลชี้ไปทางร่างของออร์คที่ยังไม่ได้ผ่าผลึกออก รอนขอให้ชาวบ้านเก็บซากที่ดูสมบูรณ์ที่สุดไว้เพื่อจะทดสอบอะไรบางอย่าง
เด็กหนุ่มเดินไปที่ซากของออร์ค แล้วลงมือชำแหละท่ามกลางสายตาของทหารและชาวบ้าน
คุณรอนทำอะไร!
ทุกสายตามองไปที่มือเปื้อนเลือดและใบหน้าที่กำลังยิ้มของเด็กหนุ่ม …
ถ้าตอนนี้มีออร์คอยู่ใกล้ๆสักกลุ่ม พวกมันคงจะต้องรีบหนีให้กับภาพตรงหน้านี้
และตอนที่ทุกคนกำลังงงนั้นเอง
“คุณพอล กัปตันเรย์ คุณโยฮัน รบกวนมาดูตรงนี้หน่อยครับ” รอนเรียก
ชายทั้งสามเดินเข้าไปช้าๆด้วยความสงสัย ซากออร์คตรงหน้าถูกเปิดแหวะตรงหน้าอกออกมา
“อะไรครับคุณรอน” กัปตันเรย์ถาม
“ดูตรงนี้สิครับ” รอนชี้ไปที่กระดูกซี่โครงท่อนบนๆที่รอนเลาะกล้ามเนื้อออกไปบางส่วน “กระดูกซี่โครงส่วนบนของออร์คมันไม่เหมือนของคนครับ”
ทุกคนดู กระดูกด้านบนตรงนั้นแทนที่จะเป็นซี่โครงซี่ๆ กลับมีแผ่นกระดูกแบนแปะทับอีกทีเป็นแผ่นเหมือนเกราะ
“ผมสังเกตว่าเวลาทหารใช้หอกแทงตรงด้านบน บางครั้งจะแทงไม่เข้า เพราะว่ามันมีกระดูกนี้อยู่ ถ้าเราเลี่ยงจุดนี้เราจะแทงสำเร็จมากกว่าครับ”
[ออร์คศึกษา Lv 3 25/100]
“แล้วก็ตรงนี้ครับ” รอนแหวะท้องของมันออกแล้วลากไส้ออกให้พ้นทาง
“ตรงนี้มีเส้นเลือดใหญ่อยู่ อยู่เยื้องมาด้านขวาตรงข้ามกับของคน ถ้าเราแทงที่หน้าอกไม่ได้ก็ให้แทงท้องด้านขวานิดๆ ก็ฆ่ามันได้เหมือนกัน”
“ที่สำคัญหัวใจออร์คอยู่ด้านขวา ไม่ใช่ด้านซ้าย”
“ตรงหัวที่ข้างบนหู กระโหลกของมันมีช่องที่ไม่ปิดเล็กๆ ถ้าเราสู้ประชิดติดพันจริงๆก็ใช้ของแหลมๆแทงตรงนี้ครั้งเดียวถึงตายได้เลยครับ”
[ออร์คศึกษา Lv 9 68/100]
ทั้งทหารและชาวบ้านต่างค่อยๆมามุงดูอย่างสนใจ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีใครสอนอะไรแบบนี้มาก่อน จะมีก็แต่การสอนการหลบหลีก อาวุธที่พวกมันชอบใช้ หรือจุดอ่อนกว้างๆเท่านั้น
“ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าหัวใจของออร์คอยู่ด้านนั้น มิน่าเล่าที่สู้เมื่อกลางวันนี้ถึงมีตัวที่ข้าคิดว่าแทงหัวใจแล้วแน่ๆแต่กลับยังสู้ได้อยู่”
“ถ้ารู้แบบนี้ข้าแทงต่ำกว่านี้นิดเดียวก็ทะลุแล้ว “
ทหารและชาวบ้านพูดขึ้น
ส่วนรอนเองก็ได้อะไรหลายอย่าง
ทั้งเรื่องการสอน การพูด
[การสอน : Lv 10 10/100]
[การพูดในที่สาธารณะ :Lv6 84/100]
และสำหรับ ออร์คศึกษา เขายังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เดาเอาว่ามันน่าจะเกี่ยวกับการที่เขาเห็นสีแดงขึ้นที่มือและขาของออร์คก่อนการเคลื่อนไหว และนี่เลเวลเพิ่มขึ้นจากเดิมเยอะ เขาชักอยากรู้แล้วว่ามันจะบอกอะไรได้แค่ไหน
“ปล่อยชั้น” เสียงเอะอะดังมาจากด้านหลังจนรอนหลุดจากห้วงความคิด เขาหันไปดูมาเรียที่สะบัดมือออกจากการจับตัวดึงไว้ของชาวบ้านอื่นๆ เด็กสาวสะบัดหลุดก่อนจะวิ่งตรงมาที่รอน รอนมองไปโดยไม่ได้คิดอะไรจนกระทั่ง
[คุณรับรู้ถึงจิตสังหาร]
ตอนนี้ตรงเท้าของมาเรียซึ่งอยู่ห่างออกไปราวๆ5เมตรมีสีแดงขึ้น ที่พื้นมีรอยเท้าสีทองเป็นเส้นทางมาที่ตัวเขา และที่ระดับหน้าของรอน มีภาพเส้นทางสีทองเป็นรูปมือ
มาเรียวิ่งเหยียบตามรอยเท้าบนพื้นจนใกล้จะถึง รอนจึงตระหนักได้ว่าภาพที่เห็นทั้งหมดนี่คือ
‘เส้นทางการเคลื่อนไหว’
รอนรอจังหวะสุดท้าย พอมือของมาเรียเริ่มเงื้อขึ้นเขาก็ถอยหลบ … มือของมาเรียพลาดหน้าของเขาไปไม่กี่นิ้ว … เด็กสาวประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะวาดมืออีกข้างต่อยเสยขึ้น
รอนเอียงศีรษะหลบให้พอพ้นเส้นทางที่เขาเห็น หมัดของมาเรียผ่านหน้าเขาไปนิดเดียว
[ข้างหลังศีรษะ]
รอนได้ยินเสียงเตือนในหัวพร้อมกันกับที่มีเส้นทางสีทองรูปเท้าผ่าน’ออกจากหน้า’ของเขาไป
เด็กหนุ่มทิ้งดิ่งหมอบลงกับพื้น
และก่อนที่คนอื่นรอบๆจะทันพูดอะไร เท้าของมาเรียที่เตะตวัดขาก็วืดลอยข้ามหัวรอนที่หมอบลงไปพอดี
“หยุดเดี๋ยวนี้” เสียงคุณเบรเซอร์ร้องมา
[กลางหลัง]
เฮ้ยๆๆๆหลบยังไงฟะ รอนคิดในใจในท่าหมอบคว่ำหน้า ก่อนจะตัดสินใจหมุนตัวกลิ้งๆๆๆไปทางขวามือ และรับรู้ได้ถึงเท้าของมาเรียที่กระทืบเฉียดสีข้างลงมา
“หยุด!” เบรเซอร์สั่งอีกครั้ง
มาเรียหยุด แต่เห็นได้ชัดว่าไม่เต็มใจและกำลังหัวร้อนโมโหเต็มที่
“ก็เพราะนายคนนี้ถึงทำให้โรล่าบาดเจ็บ”
“หืม คุณโรล่าบาดเจ็บ?”
“ใช่ ก็ตอนที่นายเข้าไปในกลุ่มออร์คแบบคนเดียวแล้วสู้มันไม่ได้ พวกเราต้องเข้าไปช่วย … โรล่าเลยถูกออร์คทำร้ายบาดเจ็บ
“มาเรีย … เราไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก อย่าไปโทษคุณรอนเลย” เสียงใสๆดังมาจากด้านหลัง โรล่าเดินมา มือยังกุมตรงชายโครงและมีสีหน้าเจ็บปวดเวลาเดิน
“โรล่าโดนอะไรมาครับ เป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เป็นไรมากหรอกค่ะ แค่โดนแทงด้วยดาบเท่านั้นเอง” เธอบอก “แต่โชคดีที่มีเสื้อที่คุณรอนให้มา ไม่งั้นตอนนี้ต้องแย่แน่ๆ”
โรล่าเปิดมือที่กุมไว้ทำให้เห็นรอยฉีกเล็กน้อยที่เสื้อแจ็กเก็ตที่ใส่อยู่ หากไม่ใช่มีเสื้อนี้กันไว้ ดาบนั่นน่าจะทะลุเข้าไปแล้ว
“แล้วคุณโรล่าไม่ให้ใครรักษาให้เหรอครับ … ถ้า Heal ตอนนี้ก็น่าจะหายดีขึ้น”
“ตอนนี้ท่านรอคโค่และทหารที่ใช้เวทมนตร์รักษาได้ต้องรักษาคนที่เจ็บหนักก่อนค่ะ ของตัวชั้นเองแค่ฟกช้ำนิดหน่อย รอได้อยู่แล้ว”
“เอาล่ะ มาเรียกลับไปที่ขบวนก่อน อย่าเพิ่งมารบกวนแถวนี้” เบรเซอร์บอกแล้วโบกมือ เด็กสาวมองอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่สามารถขัดขืนอะไรได้ เธอหันไปหารอนแล้วพูดขึ้น
“คุณรอน … คุณเองก็ควรจะระมัดระวังตัวบ้าง เราทุกคนเดินทางด้วยกัน สู้ไปด้วยกัน จะทำอะไรก็ขอให้คิดไว้บ้างว่ามีคนรอบข้างที่เป็นห่วงและไม่อยากให้คุณได้รับอันตราย” เด็กสาวบอก “การเอาตัวไปเสี่ยงอันตรายแบบนี้ นอกจากจะไม่ฉลาดแล้ว คนที่พยายามเข้าไปช่วยคุณก็จะได้รับอันตรายไปด้วย …. และคนที่พยายามช่วยคุณ ก็คือคนที่หวังดีกับคุณทั้งนั้น … คุณไม่คิดถึงตัวเองก็ควรจะคิดถึงคนอื่นบ้าง “
มาเรียพูดแล้วเดินจากไป ….. รอนยืนฟังโดยไม่ได้โต้ตอบอะไร … เพราะตอนนี้เขาก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่ทำให้โรล่าต้องเสี่ยงอันตรายและได้รับบาดเจ็บแบบนั้น
จะว่าไป แพทก็เพิ่งบอกแบบนี้กับเขามาเองนี่นะ
รอนปัดใบหญ้าและเศษดินตามตัว พวกทหารและชาวบ้านยังคงมุงดูเศษซากร่างออร์คที่ถูกชำแหละ ชาวบ้านบางคนถึงกับไปลากศพออร์คตัวอื่นมาแล้วทดสอบแทงตามจุดต่างๆเพื่อดูว่าต้องใช้แรงมากน้อยแค่ไหน
ส่วนเด็กหนุ่ม … เดินตามหลังโรล่าไปห่างๆ … เขาอยากจะคุยด้วย แต่ความรู้สึกผิดมันทำให้เขาไม่ได้พูดออกไป
‘นี่ถ้าเราใช้เวทมนตร์รักษาได้ล่ะก็’ รอนคิดในใจ
“จริงสิ เรายังไม่ได้หัดการใช้เวทมนตร์เลยนี่นา” รอนพูดขึ้น
ชายหนุ่มหันไปมามองซ้ายขวา แล้วก็เห็นแอริสกำลังนั่งอ่านอะไรบางอย่างอยู่เงียบๆใกล้กองสัมภาระ …
“คุณแอริสครับ … ว่างไหมครับ”
“ว่างครับคุณรอน … มีอะไรเหรอครับ”
“คือผมอยากจะหัดใช้เวทมนตร์ครับ คุณแอริสพอจะสอนให้ผมได้ไหมครับ”
“ได้ครับ ว่าแต่คุณรอนมีพื้นฐานถึงแค่ไหนแล้ว”
“ไม่มีเลยครับ ไม่เคยใช้ไม่เคยหัดไม่เคยลองอะไรเกี่ยวกับเวทมนตร์มาเลยครับ”
“……………….” แอริสนั่งนิ่งไป “ เอ่อ …. งั้นน่าจะยากสักหน่อย … คุณรอนเคยหัดใช้เวทอะไรบ้างไหมครับ หรือว่ามีพลังมานาแค่ไหน เคยไปตรวจวัดปริมาณพลังเวทในตัวบ้างไหม”
“ไม่เคยเลยครับ” รอนตอบ
“งั้น …. เอ่อ …. งั้นเราเริ่มที่วัดปริมาณมานาก่อนดีกว่า” แอริสบอก “ เดี๋ยวรอสักครู่นะครับ”
แอริสกวักมือเรียกทหารที่เดินแถวนั้นมาสองคน คุยอะไรกันนิดนึงก่อนที่จะหันกลับมาบอกรอน
“เดี๋ยวผมจะให้ทหารใช้เวทสายความมืดกับคุณรอนนะครับ”
“เวทสายความมืด? แล้วมันเกี่ยวกับการวัดพลังเวทยังไงครับ”
“คืองี้ครับคุณรอน ตามปกติเราจะวัดพลังเวทได้หลักๆสามสี่วิธี เช่น ให้ใช้เวทซ้ำๆจนพลังหมด ให้คนที่มีความสามารถวัดพลังมาวัด หรือให้เอามือไปจับกับหินวัดพลังเวท …. แต่สามวิธีที่ว่าไป มันทำที่นี่ไม่ได้ … ก็เลยมีอีกวิธีนึง คือในเวทความมืดจะมีเวทที่ใช้ทำให้อีกฝ่ายมีผื่นคันตามตัว ว่ากันว่าเป็นเวทคำสาป ที่จะเผาพลังเวทในเป้าหมายแล้วเปลี่ยนให้เป็นผื่นคัน” แอริสอธิบาย
“อ๋อ งั้นถ้าหากผมมีผื่นคันขึ้นเยอะ ก็แปลว่าผมมีพลังเวทเยอะใช่ไหมครับ” รอนถามเพื่อความแน่ใจ
“ใช่ครับ”
“งั้นเอาเลย”
แอริสตกลงกับทหารอีกสองคน หลังจากใช้เวทที่ว่าแล้วและกะประมาณพลังเวทของรอนได้ แอริสและทหารอีกคนจะช่วยใช้เวทมนตร์รักษาให้หายอาการคันอีกที
“ข้าแต่เทพอาไร ขอโปรดกัดกินมานาของชายตรงหน้าข้าและทำให้เขาแสบร้อนทนทรมานด้วยเถิด <พรูริตุส>”
สิ้นเสียง มีหมอกควันสีดำมืดเล็กๆลอยขึ้นในอากาศที่รอบมือของทหารคนนั้นซึ่งกำจับที่แขนของรอน คนทั้ง 4 มองดูควันที่ลอยขึ้นช้าๆ
รอนมองด้วยสายตาปกติไม่ได้คิดอะไรเพราะนี่คือครั้งแรกที่เขาเห็นเวทมนตร์นี้ แต่สำหรับอีก 3 คน
“เฮ้ย ระวังๆ” แอริสร้องขึ้นก่อนที่ทั้งเขาและทหารอีกคนจะกระโดดถอยห่างออกไป ส่วนทหารคนที่กำลังร่ายเวทอยู่ก็พยายามชักมือออก แต่ไม่ทัน ควันสีดำนั้นพุ่งกลับเข้าตัวของเขาเอง
“เฮ้ย โอ้ย คันๆๆๆๆๆๆๆ” ทหารคนนั้นยกมือขึ้นเกาตามตัวแขนขาทันที ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีแดงและเห่อเป็นลมพิษ”
“ข้าแต่เทพไฮจีเน่ โปรดรักษา <Heal>” แอริสรีบร่ายเวทรักษาทันที ผื่นที่แดงตามตัวยุบลงช้าๆ จากนั้นแต่ละคนก็มองหน้ากันแล้วยิ้มๆ
“มันหมายความว่ายังไงครับ” รอนรีบถาม “ ผมไม่เห็นรู้สึกคันเลย”
“มันแปลว่า คุณรอนจะไม่สามารถร่ายเวทใดๆได้เลยแม้แต่นิดเดียว” แอริสตอบ
“เพราะคุณรอนไม่มีพลังเวทในร่างกายเลยครับ”