สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - ตอนที่ 113 ดีร้ายปะปนกันไป
ตอนที่ 113 ดีร้ายปะปนกันไป
หลังจากที่ไป๋เยี่ยออกมาจากห้องสอบสัมภาษณ์ คำถามของเฮ่ออันก็ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเขา
คุณจะยอมย้ายไปเรียนปริญญาโทสายวิชาการไหม
เขาหมายความว่ายังไง
เขาอยากให้เราไปเรียนสายวิชาการเหรอ
คำว่า ‘ย้าย’ ดูจะเป็นศัตรูกับไป๋เยี่ยมาโดยตลอด!
ตอนสอบเข้าก็โดนย้าย พอจะสอบเข้าปริญญาโทก็มีแววจะโดนย้ายอีก!
การสอบรอบสองของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนไห่ซื่อนั้นล่าช้าเสียจนมหาวิทยาลัยอื่นๆ สอบเสร็จหมดแล้ว ทำให้หมดโอกาสในการย้ายมหาวิทยาลัย เพราะฉะนั้นถ้าจะต้องย้ายก็ต้องย้ายสาขาในมหาวิทยาลัยแทน
ตั้งแต่มีการระบุความแตกต่างระหว่างปริญญาโทสายวิชาชีพและสายวิชาการ ก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ขาดแคลนบัณฑิตปริญญาโทสายวิชาชีพอีกเลย ดังนั้นถ้ามีเหตุต้องย้ายสาขาก็ต้องย้ายไปเรียนสายวิชาการเท่านั้น
ไป๋เยี่ยนึกแล้วก็รีบเดินออกมา
ไป๋เยี่ยเอาแต่นั่งวิตกกังวลทั้งบ่าย จนกระทั่งเวลาห้าโมงกว่าๆ ไป๋เยี่ยก็ได้รับสายจากใครบางคนที่อยู่ในไห่ซื่อ
ไป๋เยี่ยคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะถามขึ้น “ฮัลโหล สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับ ใช่ไป๋เยี่ยหรือเปล่า ผมจางเหิง เป็นผู้อำนวยการฝ่ายปริญญาโทของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนไห่ซื่อ”
ไป๋เยี่ยตะลึง ไหงผอ.ฝ่ายป.โทถึงโทรหาเราล่ะเนี่ย
“สวัสดีครับ ผอ.จาง มีธุระอะไรครับ”
“พวกเราได้ตรวจผลการสอบของคุณแล้ว คะแนนของคุณน้อยกว่าคุณฟู่ย่าตงนะครับ ดังนั้น…ทางเราจึงอยากจะสอบถามคุณเกี่ยวกับการย้ายสายปริญญาน่ะครับ”
ไป๋เยี่ยช็อก!
คะแนนเราสู้คนอื่นไม่ได้งั้นเหรอ
ไป๋เยี่ยแทบไม่อยากเชื่อเลย…
“ใช่แล้วครับ ถึงแม้ว่าผลสอบจะยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่คุณได้คะแนนสอบข้อเขียน 175 คะแนน คะแนนสอบปฏิบัติ 130 คะแนน และคะแนนสอบสัมภาษณ์อีก 135 คะแนน บวกกับคะแนนสอบรอบแรก 461 คะแนน คำนวณแล้วจะได้คะแนนรวม 90.1 คะแนน ส่วนคะแนนสอบของฟู่ย่าตงนั้น เขาได้คะแนนสอบรอบแรก 441 คะแนน คะแนนสอบข้อเขียน 172 คะแนน คะแนนสอบปฏิบัติ 144 คะแนน และคะแนนสอบสัมภาษณ์ 145 คะแนน เมื่อคำนวณออกมาจะได้คะแนนรวม 90.2 คะแนน…น่าเสียดายที่คะแนนของคุณน้อยกว่า”
ไป๋เยี่ยรู้สึกสับสนกับเหตุการณ์ตรงหน้ามาก!
คะแนนสอบปฏิบัติกับคะแนนสอบสัมภาษณ์ต่างกันมาก!
“อย่ากังวลไปเลย นั่นเป็นเหตุผลที่ผมโทรหาคุณ คุณเป็นคนที่มีพรสวรรค์จริงๆ ผมกำลังหมายความว่า ถ้าคุณมีความประสงค์จะย้ายสาย ทางเราจะแจ้งให้อาจารย์คนอื่นๆ ทราบ เพื่อดำเนินการโอนย้ายสายให้คุณ”
ไป๋เยี่ยถามอย่างร้อนรน “ตอนนี้มีสาขาไหนที่ยังเปิดรับบ้างครับ”
จางเหิงดูจะเข้าใจ เพราะมันช่างน่าเสียดายที่คนที่ได้คะแนนสูงเช่นนี้ต้องถูกคัดออก!
“ตอนนี้มีผู้สมัครปริญญาโทสายวิชาชีพเต็มจำนวนแล้วครับ ส่วนสายวิชาการ…ถ้าคุณอยากเรียนก็พอแนะนำคุณให้ผอ.ได้นะ อันที่จริง…ทั้งสายวิชาชีพกับสายวิชาการก็ไม่ได้แตกต่างกันมากหรอก ถ้าคุณทำผลงานระหว่างเรียนได้ดี คุณก็อาจจะได้เรียนต่อป.เอกนะ ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเลวร้ายขนาดนั้นนะครับ อีกอย่างผอ.จ้าวดูจะสนใจในตัวคุณมาก เขาให้คะแนนคุณสูงมากเลยละ ถ้าคุณลองไปสมัครกับผอ.โดยตรง อนาคตของคุณน่าจะดีไม่ใช่น้อยเลยนะ…เข้าใจที่ผมสื่อไหม”
ไป๋เยี่ยชะงักไปนิดหนึ่ง ผอ.เหรอ หมายถึงจ้าวลี่ซูอะนะ
แต่ว่าจ้าวลี่ซูเป็นอาจารย์เฉพาะทางนะ เขาไม่รับนักศึกษาป.โทนี่นา
ไป๋เยี่ยครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะตอบไป “ผอ.จาง ขอบคุณสำหรับความกรุณานะครับ แต่ผมขอเวลาคิดดูก่อนได้ไหมครับ”
จางเหิงพึมพำเบาๆ ก่อนจะพูดต่อ “ได้สิ คุณลองพิจารณาให้ดีๆ ก่อนก็ได้ อันที่จริงสายวิชาการก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีก็ได้! คุณว่าไหมล่ะ อีกอย่างยังมาจากปอ.ด้วย…”
ทั้งคู่พูดคุยกันอีกสักพักก่อนจะวางสายกันไป
ไป๋เยี่ยมองออกไปนอกหน้าต่างโดยไร้ซึ่งคำพูดใดๆ จะย้ายดีไหมนะ
ทว่าจู่ๆ โทรศัพท์ของไป๋เยี่ยก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ไป๋เยี่ยถึงกับตกใจเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ! อาจารย์ถูนั่นเอง! เห็นดังนั้นก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“ไป๋เยี่ย ฉันได้ยินมาว่าคุณไปสอบเข้าป.โทรอบสองมา เป็นยังไงบ้างล่ะ” ถูโยวเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบไร้อารมณ์
ไป๋เยี่ยถอนหายใจก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ถูโยวฟัง
หลังจากที่เล่าจบ ถูโยวก็เงียบไปแล้วจึงเริ่มถาม “เฮ่ออันเขาดังขนาดนั้นเลยเหรอ”
ไป๋เยี่ยชะงัก
ด…ดังขนาดนั้นเลยเหรอ แปลกๆ แฮะ
ไป๋เยี่ยกระแอม “เขาเป็นหมอชื่อดังประจำมณฑลครับ เป็นที่ปรึกษาระดับปริญญาเอก แล้วยังเป็นสมาชิกของโครงการพัฒนาบุคลากรด้วย”
จู่ๆ ถูโยวก็ยิ้ม “โอ้ เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ เลย ถ้างั้นฉันคงไม่มีอะไรจะห่วงคุณแล้ว!”
ไป๋เยี่ยได้ฟังก็อึ้ง!
หมายความว่าไง
ห่วงงั้นเหรอ
ถูโยวพูดต่อ “ฉันนึกว่าคุณจะเจอเรื่องลำบากน่ะ แต่ดูเหมือนว่าฉันจะไม่ต้องห่วงคุณแล้ว ฉันไม่คิดเลยว่าในเมืองไห่ซื่อจะมีคนที่มีพรสวรรค์ด้านการแพทย์แผนจีนเยอะขนาดนี้ แม้แต่คนเก่งๆ อย่างคุณยังไม่เข้าตาพวกเขาเลย”
ไป๋เยี่ยถอนหายใจ เขาไม่พูดอะไรต่อจากนั้น ก่อนที่ถูโยวจะเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน
“อย่าถอนหายใจแบบนั้นสิ การสอบรอบสองก็เหมือนผืนน้ำที่ตื้นเขิน คุณจะแล่นเรือใหญ่บนผืนน้ำนั้นได้อย่างไร อีกอย่างทั้งการสอบปฏิบัติและสอบสัมภาษณ์ก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ก็อย่างที่คุณบอกนั่นแหละ ฟู่ย่าตงมาจากไห่ซื่อ พวกเขาอาจจะมีความเกี่ยวข้องอะไรบางอย่างต่อกันก็ได้ ไม่ก็เขาอาจจะเคยทำวิจัยกับเฮ่ออันมาก่อน ดังนั้นขอแค่คุณเข้าใจก็พอ เราจะไม่คุยเรื่องนี้กันต่อแล้ว เพราะว่าวันนี้ฉันมีอาจารย์ที่ปรึกษามาแนะนำให้คุณไงล่ะ!”
ไป๋เยี่ยตะลึง
“แนะนำอาจารย์ที่ปรึกษาให้ผมเหรอ หมายความว่ายังไงครับ”
ถูโยวพูดต่อ “เคยได้ยินชื่อโรงพยาบาลผู่เจ๋อไหม หลังจากที่มีการปรับปรุงโครงสร้างของโรงพยาบาลแล้ว ผอ.หลิวจะได้รับการแต่งตั้งเป็นผอ.โรงพยาบาลน่ะ”
ไป๋เยี่ยเห็นข่าวนี้จากในกลุ่มแชต ทว่าเขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่าผอ.หลิวคือใคร…แต่เขาไม่รู้ว่าคณบดีหลิวคือใคร…อันที่จริงเขาไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ ใครเป็นผอ.แล้วเกี่ยวอะไรกับเขาล่ะ
ไป๋เยี่ยหลุดอุทาน “โอ๊ะ”
ถูโยวแปลกใจเล็กน้อย… โอ๊ะ? หมายความว่าไงนั่น
“หลังจากที่ปอ.หลิวขึ้นเป็นผอ.โรงพยาบาลผู่เจ๋อแล้ว ทางโรงพยบาลผู่เจ๋อจะเปิดรับสมัครนักศึกษารับปริญญาโทและเอกแล้ว คุณไม่ตื่นเต้นเลยเหรอ”
ไป๋เยี่ยได้ฟังก็พึมพำออกมาเบาๆ “ตื่นเต้นเหรอ ผมจะตื่นเต้นทำไมล่ะครับ…”
ถูโยวดูจะตกใจมาก “คุณรู้ไหมว่าผอ.หลิวคือใคร”
ไป๋เยี่ยส่ายหัว “ไม่รู้ครับ”
ถูโยวยิ้มออกมาในทันใด มิน่าทำไมเจ้าเด็กคนนี้ถึงไม่ตื่นเต้นเลย เพราะเขาไม่รู้จักผอ.หลิวนี่เอง
ถูโยวคิดได้ดังนั้นก็พูดต่อ “หลิวป๋อหลี่ เป็นนักวิชาการจากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ เป็นผู้อำนวยการสถาบันแพทย์แผนจีนแห่งชาติ ผู้สืบทอดศาสตร์ยาจีน และเป็นหนึ่งในปรมาจารย์ทางการแพทย์คนแรกๆ ของประเทศ เฮ้อ…คุณบอกว่าเฮ่ออันเป็นสมาชิกโครงการพัฒนาบุคลากรใช่ไหม แล้วรู้ไหมว่าใครเป็นบุคลากรแนวหน้าของโครงการ”
ไป๋เยี่ยแทบจะอุทานออกมา!
ผอ.หลิว ไม่รู้จัก แต่หลิวป๋อหลี่ใครจะไม่รู้จัก!
มีผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์แผนจีนเพียงไม่กี่คนในประเทศจีนที่ไม่รู้จักหลิวป๋อหลี่ผู้เป็นบุคคลต้นคิดในการพัฒนายาจีนให้ทันสมัย
ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋เยี่ยเคยเห็นชื่อสามตัวอักษรนี้มาตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว! ทำไมน่ะเหรอ เพราะว่าบนปกหนังสือวิชายาจีนแทบทุกเล่มล้วนมีชื่อผู้เรียบเรียงเป็น ‘หลิวป๋อหลี่’
โอ้โห!
แสดงว่าหลิวป๋อหลี่กำลังรับสมัครนักศึกษาอยู่สินะ
จู่ๆ ไป๋เยี่ยก็รู้สึกหัวใจเต้นแรง หายใจไม่ทั่วท้อง
ถูโยวเห็นว่าไป๋เยี่ยเงียบไปก็พูดขึ้นบ้าง “โอเค ถ้าคุณไม่สนใจก็ลืมมันไปซะนะ แต่…ผอ.หลิวเองก็ไม่ได้รับนักศึกษามาหลายสิบปีแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเพิ่งได้รับตำแหน่งเป็นผอ.ที่ผู่เจ๋อ ฉันเดาว่า…”
ถูโยวยังพูดไม่ทันจบ ไป๋เยี่ยก็แทรกขึ้นมาทันที “ตกลงครับ! ผมอยากสมัคร! อาจารย์ถูผมอยากสมัครมากครับ เมื่อกี้ผมยังไม่เข้าใจดี แต่ว่านั่นแหละครับ ผมอยากสมัคร! อยากมากด้วย! ผมต้องสมัครยังไงบ้างครับ”
ไป๋เยี่ยสัมผัสได้ว่าเขากำลังพูดวกไปวนมา เขารู้สึกว่าตนเองโชคดี นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานให้แก่เขาโดยเฉพาะ
“อาจารย์ถู… แล้วผมจะไปสมัครที่ไหนล่ะครับ ในเมื่อตอนนี้ไม่มีมหา’ ลัยไหนในเครือให้ย้ายไปแล้ว…” พูดจบ ไป๋เยี่ยก็เปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเสิร์ชข้อมูลทันที