สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - ตอนที่ 114 ตรวจสอบการสมัคร
ตอนที่ 114 ตรวจสอบการสมัคร
ไป๋เยี่ยเปิดคอมพิวเตอร์และค้นหาเว็บไซต์สถาบันแพทย์แผนจีนแห่งชาติ ทว่าการลงทะเบียนสิ้นสุดลงแล้ว หน้านั้นจึงถูกล็อกไว้!
ถูโยวเห็นท่าทีของไป๋เยี่ยก็อดหัวเราะให้ความเป็นเด็กของเขาไม่ได้ “อย่ากังวลไป มันไม่ใช่ระบบย้ายสายแต่เป็นระบบตรวจสอบสิทธิ์สมัครเหมือนของป.เอกน่ะ”
“พอดีเมื่อวานฉันมีประชุมกับผอ.หลิวเรื่องการดำเนินการต่างๆ หลังจากเปลี่ยนแปลงโครงสร้างแล้ว ฉันจะไม่เล่ารายละเอียดให้คุณฟัง แต่หลังจากที่ฉันออกมาก็ถึงได้รู้ว่าผอ.หลิวตั้งใจจะรับนักศึกษาเข้ามาสองคน ฉันเลยนึกถึงคุณไงล่ะ”
“เดี๋ยวฉันจะอ่านคุณสมบัติผู้สมัครให้ฟัง 1. ต้องได้คะแนนสอบเรียนต่อปริญญาโทหรือเอกสามร้อยห้าสิบคะแนนขึ้นไป 2. กำหนดให้ได้คะแนนสอบวัดมาตรฐานภาษาอังกฤษระดับหกห้าร้อยคะแนนขึ้นไป…”
“พวกนี้ไม่สำคัญหรอก คุณน่าจะผ่านเกณฑ์อยู่แล้ว สำคัญที่สุดคือระบบตรวจสอบการรับสมัคร ซึ่งจะอิงตามระบบการคิดคะแนนอย่างเคร่งครัด”
“จะมีส่วนของคะแนนพิเศษดังนี้ 1. คะแนนสอบเรียนต่อปริญญาโท x 10% 2. คะแนนไอเอฟของธีสิส x 1 3. จำนวนและระดับของโครงการที่เคยเข้าร่วม (อิงตามแผนปฏิบัติงานของโครงการ) และ 4. ผู้มีผลงานโดดเด่นหรือสร้างคุณประโยชน์จะได้รับการพิจารณาก่อน”
ไป๋เยี่ยได้ฟังก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย นี่เหรอ… เกณฑ์รับสมัครนักศึกษาป.โท
แน่ใจนะว่าไม่ได้รับสมัครโพสต์ด็อกน่ะ
ต่อให้เรียนป.เอกจะเคยเขียนบทความสักกี่บทความ แล้วผลงานโดดเด่นกับการสร้างคุณประโยชน์นี่หมายความว่าไงอีก
แต่คนอื่นทำไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าเราจะทำไม่ได้ซะหน่อย!
นี่คงเป็นช่องวีไอพีที่สร้างมาเพื่อเราแน่ๆ
คะแนนไอเอฟของบทความ…ไหนลองคำนวณดูซิ บทความสองบทความที่ได้ตีพิมพ์ในวารสาร ‘เซลล์’ ได้ไปหกสิบเอ็ดคะแนน ส่วนบทความจากวารสาร ‘การส่งเสริมการใช้สัตว์ทดลอง’ ของเอ็มไอโอได้ไปยี่สิบสามคะแนน
ส่วนวารสารชั้นนำอีกสิบฉบับจากคาริส เดซี่และคนอื่นๆ ได้คะแนนรวมหนึ่งร้อยหกสิบคะแนน
ของจางฮั่นหลินสิบเอ็ดคะแนน และของสวี่เหยียนอีกสามคะแนน
เมื่อเอามารวมกัน…จะได้ทั้งหมดสองร้อยห้าสิบแปดคะแนน!
ทว่าคะแนนสอบเรียนต่อสี่ร้อยหกสิบเอ็ดคะแนนที่แสนน่าภาคภูมิใจของไป๋เยี่ยกลับเหลือเพียง 46.1 คะแนนเท่านั้น…
คิดได้ดังนั้นไป๋เยี่ยก็เผลอกลืนน้ำลายก่อนจะครุ่นคิดแล้วถามออกไป “อาจารย์ถู… ระบบคิดคะแนนมันเข้มงวดมากเลยเหรอครับ มันมีเบื้องลึกอะไรอีกไหมครับ”
ถูโยวหัวเราะ “คุณคิดว่าหลิวป๋อหลี่เป็นใครล่ะ เบื้องลึกงั้นเหรอ ถ้าบุคลากรแนวหน้าอย่างเขายังมีเรื่องลับลมคมในเกี่ยวกับการรับสมัครล่ะก็ คุณคิดว่าคนอื่นจะมองเขายังไงบ้าง อีกอย่างเขาเป็นตัวแทนของแพทย์แผนจีนด้วย ไม่ต้องกังวลไป ดูจากคะแนนสอบเข้าและคะแนนไอเอฟของคุณแล้วคุณว่าคุณจะได้สักเท่าไหร่ล่ะ”
ไป๋เยี่ยตอบไปตามความจริง “ผมได้คะแนนสอบเข้าสี่ร้อยหกสิบเอ็ดคะแนน พอแปลงแล้วจะเหลือ 46.1 คะแนน ส่วนคะแนนธีสิส…สองร้อยห้าสิบแปดคะแนนครับ”
ถูโยวได้ยินก็แทบสำลัก “คะแนนธีสิสเท่าไหร่นะ”
“สองร้อยห้าสิบแปดครับ…” ไป๋เยี่ยตอบ
ถูโยวถึงกับพูดไม่ออก เดิมทีเธอกังวลกับการที่ไป๋เยี่ยเรียนที่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีมาก เป็นการยากที่มหาวิทยาลัยที่มีงานวิจัยล้าหลังเช่นนี้จะได้ตีพิมพ์บทความลงในวารสารชั้นนำ ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้คาดหวังในตัวเขามากขนาดนั้น…
คะแนนไอเอฟสองร้อยห้าสิบแปดคะแนน…อย่าว่าแต่ไป๋เยี่ยเลย…ลองดูคนทั้งประเทศ ไม่สิ! คนทั้งโลก! คนได้คะแนนไอเอฟสูงขนาดนี้สักกี่คน!
ไม่ได้การล่ะ ต่อไปตอนคุยกับไป๋เยี่ยคงต้องพกไนโตรกลีเซอรีนมาด้วย…รู้สึกปวดหัวยังไงไม่รู้…
ไม่ต้องพูดถึงสองร้อยห้าสิบแปดคะแนนนั่นหรอก แค่ 25.8 คะแนนก็ไม่น่ามีปัญหากับการสมัครแล้ว!
ระบบตรวจสอบให้ความสำคัญกับผลงานด้านวิชาการมาก เพราะต้องใช้ในการประเมินบุคลากรระดับพิเศษจากทั้งในและต่างประเทศ
ไป๋เยี่ยเห็นว่าถูโยวเงียบไปก็พลันนึกไปว่าคุณสมบัติของเขานั้นยังไม่พอ จึงรีบเอ่ยปากถามขึ้น “อาจารย์ถู คือ…คุณสมบัติผมผ่านใช่ไหมครับ ผมจะสมัครได้ยังไงบ้าง”
ถูโยวยิ้ม “ถ้าอย่างคุณยังไม่พอ ในประเทศจีนก็คงไม่มีใครพอแล้วละ! เดี๋ยวฉันจะส่งเอกสารให้คุณกรอกข้อมูล พอเสร็จแล้วก็ส่งมาให้ฉัน”
“โอ้! แต่ว่า…คุณต้องมีจดหมายแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อยสองคน คุณลองขอให้ผอ.หรืออาจารย์ที่ปรึกษาเขียนให้ก็ได้นะ”
“แต่ช่างมันเถอะ คุณไม่ต้องไปกังวลเรื่องนั้น กรอกข้อมูลเสร็จแล้วก็ส่งให้เดซี่จัดการแล้วกัน ส่วนจดหมายแนะนำ…ฉันจะเป็นคนเขียนให้คุณเอง พอดีเลย พรุ่งนี้ฉันต้องไปพบกับอาจารย์ของคุณ จางเสวียเวิ่น เดี๋ยวฉันจะขอให้เขาเขียนแนะนำคุณด้วยแล้วกัน”
ไป๋เยี่ยได้ฟังดังนั้นก็แทบกลั้นน้ำตาแห่งความซาบซึ้งไว้ไม่อยู่ จดหมายแนะนำจากอาจารย์ถูถือเป็นเกียรติยศอันยิ่งใหญ่สำหรับเขา “ขอบคุณมากครับอาจารย์ถู ต้องรบกวนอาจารย์แล้ว…”
ถูโยวยิ้มก่อนจะพูดต่อ “อย่าเสียใจที่พลาดโอกาสที่ไห่ซื่อ ยังมีที่อื่นรอคุณอยู่! มะรืนนี้ก็มาที่เมืองหลวงสิ จะมีการยืนยันตัวตนที่นั่นน่ะ”
ไป๋เยี่ยครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะตระหนักได้ว่าเรียนที่ไห่ซื่อต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ คืนนี้เขาจะพักผ่อนและเตรียมพร้อมมุ่งหน้าไปเมืองหลวงในวันพรุ่งนี้!
“ไม่มีปัญหาครับ พรุ่งนี้ผมจะไปหาอาจารย์ที่เมืองหลวง”
หลังจากที่วางสาย ไป๋เยี่ยก็กระโดดขึ้นเตียงด้วยความตื่นเต้น!
ไม่ได้คาดหวังเลย! ไม่ได้คาดหวังอะไรแบบนี้เลย!
โอกาสดีๆ แบบนี้จะหาจากไหนได้อีก!
ทันใดนั้นก็มีเสียงแจ้งเตือนจากวีแชทดังขึ้น ไป๋เยี่ยจึงรีบลุกขึ้นไปล็อกอินเข้าวีแชทในคอมพิวเตอร์
เดซี่นั่นเอง เธอส่งเอกสารมาให้เขากรอกข้อมูล
ไป๋เยี่ยใช้เวลากรอกข้อมูลไปราวๆ ยี่สิบนาทีก่อนจะส่งคืนได้ด้วยความพึงพอใจ
ไป๋เยี่ย: [เดซี่ ขอโทษที่รบกวนนะครับ! ฮ่าๆ…ไว้ผมเลี้ยงข้าวคุณนะ]
เดซี่: [เอ่อ…ชวนฉันไปบาร์เหรอ…ตั้งแต่มาจีนยังไม่เคยไปเลย]
ไป๋เยี่ยชะงัก…บาร์…คุณคิดว่าคนโสดแถมยังขี้แพ้แบบผมจะไปที่แบบนั้นเหรอ
เขาเพิ่งจะเคยเห็นเดซี่พิมพ์อะไรแบบนี้…
ไป๋เยี่ยจึงได้แต่ยิ้มแห้ง…
หลังจากที่ได้รับเอกสารแล้วเดซี่ก็ขอตัวไปทำงานต่อ ทว่าจู่ๆ ไป๋เยี่ยก็นึกอะไรขึ้นได้และต่อสายหาจางเหิงทันที
“สวัสดีครับ ผอ.จางใช่ไหมครับ ผมไป๋เยี่ยนะ” ทันทีที่อีกฝ่ายรับโทรศัพท์ ไป๋เยี่ยก็เป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน
เมื่ออีกฝ่ายได้ยินว่าเป็นไป๋เยี่ย เขาก็พอจะรู้สึกยินดีขึ้นมาบ้าง หรือว่าไป๋เยี่ยจะตกลง การพลาดโอกาสไปด้วยคะแนนที่สูงขนาดนี้เป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากจริงๆ แต่ว่า…
“สวัสดีคุณไป๋เยี่ย ว่าไงบ้างครับ”
ไป๋เยี่ยค่อยๆ พูดอย่างใจเย็น “ขอบคุณน้ำใจที่ผอ.จางมอบให้นะครับ แล้วก็ขอขอบคุณความกรุณาของผอ.จ้าวด้วย แต่ผมลองคิดดูดีๆ แล้ว ผมตัดสินใจจะถอนตัวครับ”
จางเหิงเตรียมคำตอบไว้อยู่แล้ว เขาคิดว่าอย่างไรก็ตามไป๋เยี่ยก็ต้องยอมแน่นอน ทว่า…ไป๋เยี่ยกลับไม่ทำ!
จางเหิงตะลึงจนพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง!
“คุณหมายความว่าไง ไป๋เยี่ย ผมว่าคุณควรจะคิดให้ถี่ถ้วนกว่านี้นะ ปีนี้กำหนดการสอบรอบสองของไห่ซื่อช้ากว่าที่อื่นๆ มาก มหา’ ลัยดีๆ ที่อื่นก็ปิดรับสมัครไปหมดแล้ว ไหนจะระบบโอนย้ายสายอีก! ถ้าคุณต้องไปเรียนในมหา’ ลัยระดับล่างๆ ความสามารถของคุณก็จะถดถอยลงไปด้วย…คุณจะทิ้งมันไปไม่ได้!” จางเหิงร้อนรนไปหมด…แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว!
ไป๋เยี่ยส่ายหน้า “ผู้อำนวยการครับ ขอบคุณสำหรับน้ำใจนะครับ ผมรับรู้ถึงความหวังดีของผอ. แต่ผมคงย้ายสายไม่ได้หรอกครับ ยังไงก็ขอบคุณมากนะครับ พรุ่งนี้ผมจะต้องออกเดินทางแล้ว ฝากขอโทษผอ.จ้าวด้วยนะครับ”
พูดจบ ไป๋เยี่ยก็วางสายลงทันที