หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 288-1 น้องเฉียวออกโรง
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 288-1 น้องเฉียวออกโรง
ตอนที่ 288-1 น้องเฉียวออกโรง
จีซวงมองบุรุษตรงหน้าแล้วมองเด็กที่เขาอุ้มอยู่ รวมถึงสตรีที่ยืน “ต่อรอง” กับเด็กต้มยาอยู่ด้านข้าง สีหน้านางพลันบึ้งตึง!
ท่านเขยฉินดูประหลาดใจมากที่ได้พบจีซวงที่นี่ ด้วยนิสัยของจีซวงแล้วนางไม่ชอบออกไปไหนมาไหนเลย ต่อให้ทั้งวันคิดแต่จะอยากออกไปข้างนอก แต่นางไม่ได้เพิ่งคลอดบุตรหรอกหรือ? นางจะทอดทิ้งบุตรแล้วมายังโรงยาที่ชั่วชีวิตนี้นางไม่เคยย่ำกรายมาเหยียบได้อย่างไร
ท่านเขยฉินดูประดักประเดิดอย่างยากจะปกปิด “ซวงเอ๋อร์…”
จีซวงกำนิ้วมือแน่น มองเด็กที่เขาอุ้มอยู่ด้วยสายตาเรียบเย็น น้ำเสียงก็เย็นยะเยือก “ฉินปิงอวี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน โมงยามนี้ไม่ใช่ว่าเจ้าควรอยู่ที่สำนักศึกษาหรอกหรือ เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ได้ เจ้ากับสตรีนางนี้เป็นอะไรกัน เด็กคนนี้เป็นลูกใคร เจ้าบอกความจริงข้ามาเดี๋ยวนี้!”
เสียงของจีซวงทำให้เด็กที่ท่านเขยฉินอุ้มอยู่ตกใจจนร้องไห้จ้าออกมา ส่วนสตรีสาวหันหลังหนีทันทีที่จีซวงเอ่ยปาก นางยืนอยู่ตรงนั้นอย่างทำอะไรไม่ถูก เวลานี้พอได้ยินเสียงบุตรร้องไห้ จึงรีบเข้าไปอุ้มมาแล้วขยับถอยหลังไปหลายก้าว
“เจ้าจะหนีไปไหน? ออกมาเดี๋ยวนี้!” จีซวงตะคอกเสียงเข้ม
สตรีนางนั้นยิ่งกอดบุตรแน่นขึ้น
ท่านเขยฉินเดินเข้ามาเอ่ยกับจีซวงว่า “ซวงเอ๋อร์ เจ้าอย่าเพิ่งโมโหโทโสไป เจ้าฟังข้าอธิบายก่อน…”
หน้าไม่ได้เห็นมาทั้งคืน เดิมทีนางก็ไม่สบายใจอยู่แล้ว บุตรก็ดันมาป่วยอีก เวลานี้ใจนางจึงกำลังร้อนรุ่มราวกับไฟ ส่วนเขากลับดี มาอยู่เสียข้างนอกกับสตรีนางอื่น ถ้าจีซวงยอมฟังคำอธิบายก็คงจะแปลก นางเอ่ยตัดบทอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวว่า “อธิบายอะไร เจ้าจะบอกว่าเจ้ากับนางไม่มีอะไรกันใช่หรือไม่ เช่นนั้นเจ้าบอกข้ามาตามตรงทีว่าเมื่อวานเจ้าไปทำอะไรมากันแน่ ใช่ไปอยู่กับนางมาหรือไม่”
ท่านเขยฉินจับแขนภรรยาไว้ “ซวงเอ๋อร์…”
จีซวงสะบัดมือเขาออก “เจ้าอย่าคิดจะหลอกข้า ฉินปิงอวี่ พี่ใหญ่ข้าคือประมุขตระกูลจี หลานของข้าเป็นอัครเสนาบดีคนปัจจุบัน หากข้าคิดจะสืบว่าเจ้าไปไหนมาบ้างนั้นง่ายราวกับปลอกกล้วย! ทางที่ดีเจ้าควรบอกความจริงมา ไม่อย่างนั้นหากให้ข้าสืบเอง ข้าได้ถลกหนังเจ้าออกมาทั้งตัวแน่!”
ท่านเขยฉินเอ่ยกล่อมเสียงนุ่มว่า “ซวงเอ๋อร์ เจ้าอย่าเพิ่งโกรธไป เจ้าดูสิมีแต่คนดูเรื่องขายหน้าอยู่ทั้งนั้น ข้าถูกคนหัวเราะเยาะไม่เท่าไร แต่เจ้าเป็นคุณหนูตระกูลจี ถ้าข่าวแพร่ออกไปคนอื่นคงได้หัวเราะเยาะตระกูลจีกันพอดี”
จีซวงไม่แม้แต่จะมองคนเหล่านั้น เอ่ยอย่างดูแคลนว่า “หัวเราะเยาะก็หัวเราะเยาะไปสิ! ข้าต้องกลัวหรือ”
ท่านเขยฉินพูดด้วยความหนักใจว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่กลัว แต่เจ้าใจเย็นลงก่อน ฟังข้าพูดให้จบแล้วค่อยด่าว่าข้าก็ยังไม่สาย มิใช่หรือ”
“ซวงเอ๋อร์ ทางนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ ข้าเหมือนได้ยินเจ้าพูดว่า…” หลี่ซื่อเดินออกมาจากห้องส่วนตัวก็เห็นฉินปิงอวี่ที่อยู่ตรงหน้าจีซวงทันที ฝีเท้านางพลันชะงัก “ท่านเขย? เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
“พี่สะใภ้รอง” ท่านเขยฉินเอ่ยทักทาย
หลี่ซื่อเดินเข้ามาด้วยสีหน้าอึ้งงัน
จีซวงมองฉินปิงอวี่ด้วยสายตาเรียบเย็น “ได้ยินรึไม่ แม้แต่พี่สะใภ้รองของข้าก็ยังนึกแปลกใจที่เจ้ามาอยู่ที่นี่!”
“พวกเจ้าสองคนทะเลาะกันด้วยหรือ” หลี่ซื่อถามด้วยความไม่เข้าใจ
จีซวงเอ่ยตอบด้วยความขุ่นข้องว่า “ก็ไม่ใช่เพราะเขาหรือ! ลูกล้มป่วย ข้าเป็นกังวลจนนอนไม่หลับทั้งคืน ต้องตื่นแต่เช้าไปหาท่านหมอให้ช่วยลูกชาย วิ่งวุ่นไปทั่ว จนได้เวลามื้ออาหารแล้วถึงได้หาท่านหมอมาช่วยดูลูกชายได้สักที! แต่เขากลับดี ออกมาเสพสุขอยู่ข้างนอกลับหลังข้า!”
บนหน้าท่านเขยฉินมีแววกังวลอย่างหนักหน่วง “ซวงเอ๋อร์ ลูกข้าป่วยหรือ”
จีซวงถลึงตาใส่อีกฝ่ายด้วยความโกรธ “เวลานี้เจ้ารู้จักเป็นห่วงลูกชายเจ้าแล้วหรือ! เมื่อคืนเขาร้องอยู่ทั้งคืน เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา!”
“ซวงเอ๋อร์ ข้า…”
จีซวงพูดเสียงเย็นว่า “เจ้าหุบปากไปเลยนะ! ข้าไม่อยากฟังคำเจ้า!”
หลี่ซื่อเหลือบมองซวงเอ๋อร์ทีหนึ่ง ตบหลังมือนางบอกให้นางใจเย็นก่อน “เจ้าอย่าเพิ่งทะเลาะกันเลย มีอะไรเข้าใจผิดกันหรือไม่ เจ้าไม่ได้บอกว่าเมื่อคืนท่านเขยไปเยี่ยมสหายหรอกหรือ”
จีซวงหน้าบูดบึ้ง “สตรีนางนี้! กับบุตรของนางก็คือสหายของเขา!”
สตรีสาวเบี่ยงตัวไปเล็กน้อย ใช้ตัวบังเด็กที่นางอุ้มอยู่เอาไว้
สีหน้าหลี่ซื่อเปลี่ยนไปเล็กน้อย หันไปเอ่ยกับท่านเขยฉินว่า “เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่กับสตรีนางหนึ่งได้ ท่านเขย นี่มันเรื่องอะไรกัน”
ท่านเขยฉินเอ่ยด้วยสีหน้าจนใจ “พี่สะใภ้รอง พวกท่านเข้าใจผิดแล้ว ซวงเอ๋อร์เป็นคนใจร้อน พอโกรธขึ้นมาจึงไม่ฟังข้าอธิบายสักนิด แต่ท่านโปรดเชื่อข้า เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิดกัน”
หลี่ซื่อพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เช่นนั้นเมื่อคืนเจ้าได้อยู่กับสตรีนางนี้หรือไม่”
“ข้า…”
หลี่ซื่อเพ่งมองอีกฝ่ายนิ่ง “ก่อนที่เจ้าจะตอบ ควรคิดให้ดีก่อนว่าหากเจ้าโกหก ตระกูลจีจะต้องตามสืบจนรู้ได้แน่”
ฉินปิงอวี่หลุบตาลงถอนหายใจ “ข้าอยู่กับนางจริงๆ”
“ฉินปิงอวี่!” จีซวงเดินเข้าไปด้วยความเดือดดาล กำหมัดชกใส่ท่านเขยฉิน ท่านเขยฉินก็ไม่หลบ ปล่อยให้นางต่อยตีทั้งอย่างนั้น
คนที่มามุงดูมีมากขึ้นเรื่อยๆ หลี่ซื่อเริ่มรักษาสีหน้าไว้ไม่อยู่ เข้าไปดึงจีซวงออกมา “พวกเจ้าเข้าไปคุยกันข้างใน!”
พวกเขาเดินเข้าไปในห้องส่วนตัว แม่นมกับสาวใช้พอได้เห็นท่านเขยก็ตกใจกันยกใหญ่ ยิ่งเมื่อได้เห็นว่าด้านหลังท่านเขยยังมีสตรีอุ้มเด็กมาด้วย พวกนางก็ยิ่งตกใจกันจนพูดไม่ออก
หลี่ซื่อให้บ่าวไพร่ออกไป
จีซวงนั่งลงตรงหัวเตียง บนเตียงมีคุณชายห้าที่กำลังหลับสนิทนอนอยู่
ฉินปิงอวี่เดินเข้ามา อยากมาดูบุตรชายของตนแต่ถูกจีซวงปัดมือออกไป “เจ้าไม่ได้มีลูกอยู่แล้วหรือ จะมาดูบุตรของข้าไปไยกัน!”
“ซวงเอ๋อร์ ข้าไม่มี”
“เจ้าออกไปนะ!”
หลี่ซื่อมองสตรีที่ยืนอยู่ตรงมุมห้องด้วยสีหน้าคงเดิม ไม่มองยังไม่เท่าไร แต่พอได้มองก็พลันตะลึงงันไปในทันที “เป็นเจ้า?”
จีซวงอึ้งไป “พี่สะใภ้รอง ท่านรู้จักนาง?”
เดิมทีสตรีนางนั้นก้มหน้าอยู่ พอได้ยินเสียงหลี่ซื่อจึงเงยหน้าขึ้นมาตามสัญชาตญาณ จากนั้นนางก็จำหลี่ซื่อได้เช่นกัน
หลี่ซื่อบอกว่า “นางก็คือคนที่เมื่อวานพวกเราเจอบนถนน เด็กเป็นหัดที่หว่านอวี๋ไปจับตัวเขาก็คือบุตรของนาง”
จีซวงชี้ไปทางสตรีนางนั้นอย่างโกรธเกรี้ยว “เป็นเจ้าที่แพร่โรคหัดมาให้ลูกข้า?”
สตรีนางนั้นอุ้มบุตรแน่นขึ้นพลางถอยหลังไปทางประตู
หลี่ซื่อกดมือจีซวงไว้ “เจ้าปรักปรำหว่านอวี๋แล้ว ข้าได้ยินว่าโรคหัดนี้ต้องสัมผัสก่อนเจ็ดถึงแปดวันถึงจะเริ่มมีอาการ เจ้าห้าไปติดโรคนี้มาได้อย่างไร เกรงว่าในใจเจ้าคงรู้ดี”
ท่านเขยฉินอธิบายว่า “ข้าก็เพิ่งรู้เมื่อวานว่าเขาออกหัด หากข้ารู้เร็วกว่านี้ข้าคงไม่ไปถูกตัวเจ้าห้า”
หลี่ซื่อพูดด้วยความผิดหวังว่า “ท่านเขย โรคหัดนี้จะยังไม่เอ่ยถึงก่อน ข้าเพียงอยากถามเจ้าว่าซวงเอ๋อร์ดีต่อเจ้าเพียงนี้ เจ้าไปเลี้ยงดูสตรีอยู่ข้างนอกลับหลังนางได้อย่างไร ซ้ำยังมีบุตรด้วยกันอีก”
ท่านเขยฉินถอนใจเอ่ยว่า “พี่สะใภ้รอง ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้ากับนางไม่ใช่อย่างที่พวกท่านคิด นางไม่ใช่อนุภรรยาของข้า นางคือน้องสาวของข้า”
“น้องสาวของเจ้า?” หลี่ซื่ออึ้งไป หันไปมองจีซวงด้วยสายตาซักถาม
สายตาจีซวงสั่นไหวเล็กน้อย “เจ้ามีน้องสาวอายุน้อยเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน เหตุใดข้าจึงไม่เคยได้ยินเจ้าเอ่ยถึงมาก่อน”
ท่านเขยฉินตอบว่า “นางเป็นน้องสาวร่วมบิดาคนเล็กของข้า เดิมทีพวกเราสองคนไม่ได้สนิทสนมกันนัก ครั้งนี้นางเข้ามาเมืองหลวง ข้าบังเอิญไปพบนางเข้าถึงได้รู้ว่าชีวิตนางลำบากนัก ข้าเลยหาที่อยู่ให้นาง มีไปเยี่ยมเยียนบ้างเป็นครั้งคราว เมื่อวานเพราะเด็กป่วยหนักเกินไป นางคนเดียวดูแลไม่ไหว ข้าถึงได้อยู่ช่วยเหลือ”
จีซวงเมินหน้าหนีด้วยความดื้อรั้น “…ข้าไม่เชื่อ!”
ท่านเขยฉินเอ่ยด้วยความเสียใจ “ซวงเอ๋อร์!”