หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 69-2 มารโลหิตได้สติ
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 69-2 มารโลหิตได้สติ
ตอนที่ 69-2 มารโลหิตได้สติ
หิมะสีขาวไถลลงมาหาคณะของไห่สือซาน
“รีบหนีเร็ว!” องครักษ์เกราะทมิฬที่เป็นหัวหน้า คว้าหัวไหล่ไห่สือซาน ใช้วิชาตัวเบาพาตัวเขาออกจากพื้น
คนอื่นๆ ที่เหลือก็รีบทะยานลอยตัวขึ้น
แต่กระนั้นหิมะถล่มลงมาเร็วเกินไป ไม่ว่าพวกเขาจะรวดเร็วกันเพียงใด แต่ก็ยังคล้ายจะจมหายลงไปในหิมะอยู่ดี
นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หากถูกหิมะหนาเพียงนี้ถล่มทับตัวเข้า ต่อให้วิชาตัวเบาดีเพียงใดก็คงออกมาไม่ได้
วิชาตัวเบาของไห่สือซานไม่มีอะไรน่าเอ่ยถึง อาศัยเพียงองครักษ์เกราะทมิฬที่คว้าตัวเขาไว้ เขารู้สึกเพียงว่าตัวโคลงเคลง ชนนู่นชนนี่จนท้องไส้แทบจะขาด กว่าจะหนีออกมาได้ในที่สุด ก็อยู่ห่างจากปากถ้ำไป “สิบหมื่นแปดพันลี้” แล้ว
กว่าพวกเขาจะวิ่งอ้อมกลับไปถึงปากถ้ำ ปากถ้ำก็ถูกหิมะปกคุลมไปจนไม่เหลือแล้ว
อีกฟากหนึ่งของทิวเขา ท่ามกลางหิมะที่ขาวโพลน มือข้างหนึ่งที่ถูกหิมะชั้นบางๆ สุมทับอยู่ จู่ๆ ก็แทงทะลุหิมะ ยันพื้นปีนขึ้นมาก่อนจะไออย่างเอาเป็นเอาตายให้หลายที
ไม่นานข้างกายนาง มีสหายอีกคนหนึ่งกรุยหิมะออกมาพลางหอบหายใจหนักหน่วง
ลูกศิษย์หญิงทั้งหกมีเพียงสองคนที่เหลือรอด อีกสี่คนที่เหลือถูกฝังจมอยู่ใต้หิมะหนา
แต่ที่โชคดีก็คือ มารโลหิตยังอยู่
ทั้งสองลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ใช้มือที่แข็งจนแทบขยับไม่ได้ยกแคร่ขึ้นแล้วแบกตัวมารโลหิตกลับลัทธิศักดิ์สิทธิ์ไป
…
เรื่องของมารโลหิตแพร่กระจายไปจนลัทธิศักดิ์สิทธิ์วุ่นวายไม่หยุด ช่วงเช้าของวันนั้น ทั้งลัทธิศักดิ์สิทธิ์ก็รู้กันทั่วว่าใต้ทะเลสาบในเกาะอิ๋นหูมีมารโลหิตตัวหนึ่งถูกสะกดอยู่
อันที่จริงเรื่องมารโลหิตน่ะ ถูกสะกดก็ถูกสะกดไปสิ ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรสักหน่อย เหตุใดต้องปิดบังทุกคนมาตลอดด้วย
ข่าวดีไม่แพร่งพราย ข่าวร้ายกระจายไปไกล ส่วนเรื่องที่มารโลหิตสังหารลูกศิษย์กับนักรบมรณะถูกสังหารที่แท่นบวงสรวงนั้น ก็กระจายไปทั่วทุกซอกมุมของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ราวกับเกล็ดหิมะ โ
ผู้พิทักษ์เจิงย่อมไม่ใช่คนเดียวที่ออกมาตั้งข้อสังเกตถึงการล้างสังหารเมื่อในอดีต เพียงแต่เขาเป็นคนแรก
เหมือนที่กล่าวกันว่านกที่อยู่หน้าสุดมักโดนยิงก่อน ผู้พิทักษ์เจิงถูกจับขังคุกใต้ดินของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ในข้อหาว่าเป็นคนปล่อยข่าวลือ
ผลจากการเขียนเสือให้วัวกลัวมีให้เห็นทันตา
ลัทธิศักดิ์สิทธิ์เงียบเชียบลงไปไม่น้อย อย่างน้อยก็ในฉากหน้า ไม่มีใครกล้าออกมาว่ากล่าวอะไร
ยิ่นอ๋องได้ฟังข่าวนี้เมื่อตอนระหว่างทางไปเยี่ยมอวิ๋นซู่ ในตอนนั้นผู้พิทักษ์เจิงถูกจับตัวเข้าคุกไปแล้ว
เขาจึงพลันหักเลี้ยวไปทางคุกใต้ดินทันที
ในคุกใต้ดิน ผู้พิทักษ์เจิงถูกทรมานไปรอบหนึ่ง สองมือถูกโซ่ล่ามไว้ ศีรษะห้อยตกลงมาอย่างไร้เรี่ยวแรง เสื้อผ้ายับเยินอาบชุ่มไปด้วยเลือด
ยิ่นอ๋องเคยลงมาที่คุกใต้ดินมาก่อน พอได้เห็นสภาพก็ขมวดคิ้วมุ่นทันที
“เจ้าสำนักน้อย” ลูกศิษย์ที่เฝ้าดูอยู่สองคนทำความเคารพเขาอย่างนอบน้อม
ยิ่นอ๋องเอ่ยเสียงดุว่า “ใครให้พวกเจ้าทรมานเขา”
ลูกศิษย์ของคนเหลือบมองหน้ากัน ไม่กล้าเปล่งเสียง
ยิ่นอ๋องเอ่ยสั่งว่า “ปล่อยตัวเขาลงมา”
“เรื่องนี้…” ทั้งสองมีท่าทีลังเล
ยิ่นอ๋องตาเป็นประกายดุดัน “ทำไม คำพูดของเจ้าสำนักน้อยอย่างข้าสั่งพวกเจ้าไม่ได้แล้วหรือ”
หนึ่งในลูกศิษย์กลั้นใจบอกว่า “หากไม่มีป้ายคำสั่งของเจ้าสำนัก พวกเราไม่อาจปฏิบัติตามได้ขอรับ”
ป้ายคำสั่งของอวิ๋นซู่ ตราประทับของอวิ๋นซู่ อยู่ในมือสตรีนางนั้นทั้งหมด
นี่นางคิดจะปิดฟ้าด้วยฝ่ามือเดียวหรือ
ยิ่นอ๋องหรี่ตาลงอย่างดุดัน สะบัดแขนเสื้อเดินออกไป
ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ในเวลานี้แทบจะฟังคำพูดของสตรีเพียงนางเดียวแล้ว เขาสงสัยยิ่งนักว่าอวิ๋นซู่รู้เรื่องนี้หรือไม่ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นบุตรในอุทรของเขา ตัวเขาเกิดเรื่อง ไม่อาจตัดสินใจงานในลัทธิศักดิ์สิทธิได้ ก็ควรให้เขาที่เป็นบุตรในอุทรออกหน้าดูแลแทนหรอกหรือ
เหตุใดถึงเป็นผู้พิทักษ์คนหนึ่งไปได้
ผู้พิทักษ์ผู้นั้นยังไม่ได้เป็นอะไรกับอวิ๋นซู่เสียอีก หากนับเรื่องเครือญาติแล้ว ใครจะเป็นญาติสนิทได้มากกว่าเขาอีกหรือ
อวิ๋นซู่หากให้องค์ชายสามเป็นกำลังสำคัญ เจ้าเด็กคนนั้นไม่มีความสามารถอะไร แค่เพียงน่ารักน่าเอ็นดู อวิ๋นซู่จะเอ็นดูเขามากหน่อยก็เป็นเรื่องปกติ
แต่ยัยเฒ่าคนหนึ่ง มีอะไรให้อวิ๋นซู่น่าเชื่อใจนางเพียงนี้
ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่
ยัยเฒ่านั่นไม่แน่อาจจะเล่นลูกไม้อะไรอวิ๋นซู่ก็เป็นได้!
ยิ่นอ๋องเดินเข้าไปในที่พักของอวิ๋นซู่ด้วยใจที่ไม่เป็นสุข ในขณะที่ใจคิดว่าไม่ว่าอย่างไรจะต้องฟ้องเรื่องยัยเฒ่านั่นให้ได้ก่อนนั้น กลับได้รับการบอกกล่าวว่า อวิ๋นซู่มีผู้พิทักษ์เหลียนรับตัวไปรักษาที่เกาะอิ๋นหูแล้ว
รักษา?
หึ น่ากลัวว่าจะกักบริเวณเสียมากกว่า!
ยิ่นอ๋องถือกระบี่ไปที่เกาะอิ๋นหู
เขารู้เส้นทางใต้ทะเลสาบแล้ว ย่อมไม่จำเป็นต้องนั่งเรือให้ลำบากอีก แค่เพียงพริบตาเขาก็ได้ขึ้นมาบนเกาะ
ยิ่นอ๋องต้องเลือกว่าจะเข้าไปอย่างเปิดเผยหรือแอบเข้าไป เขาตัดสินใจเลือกอย่างหลัง เพราะถึงอย่างไรเวลานี้เขาก็เป็นฝ่ายด้อยกว่า เอาชนะนางไม่ได้ ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
หลังจากขึ้นมาบนเกาะ เขาหลบเลี่ยงสายตาของลูกศิษย์หญิง และลอบเข้าไปยังตำหนักนอนของผู้พิทักษ์เหลียน
ดูจากภายนอกผู้พิทักษ์เหลียนเป็นคนไม่สนใจสิ่งของนอกกาย แต่ตำหนักนอนแห่งนี้หรูหราเสียยิ่งกว่าอะไร ทุกที่ล้วนส่งกลิ่นอายอย่างเจ้านายหญิงแห่งลัทธิศักดิ์สิทธิ์ ยิ่นอ๋องรู้สึกขัดหูขัดตายิ่งนัก
ตำหนักนอนมีขนาดใหญ่มาก ยิ่นอ๋องไม่แน่ใจว่าอวิ๋นซู่ถูกขังอยู่ที่ไหน ทำได้เพียงไล่หาไปทีละห้อง
ตอนเดินอ้อมไปถึงสวนดอกไม้ขนาดเล็ก มีลูกศิษย์หญิงคนหนึ่งเดินถือถาดออกมาจากห้องสุดท้ายของทางเดิน
บนถาดมีผ้าป่านเปื้อนเลือด ขวดยา กรรไกรกับพวกที่คีบวางอยู่ แค่ดูก็รู้ว่าใช้ทำแผลให้คนเจ็บ
ยิ่นอ๋องแอบอยู่ด้านหลังภูเขาจำลองเงียบๆ พอลูกศิษย์หญิงเดินหายไปแล้ว เขาก็เร้นกายแทรกเข้าไป แล้วเข้าไปในห้องที่ลูกศิษย์หญิงคนนั้นเดินออกมา
ห้องนี้มองดูแล้วไม่มีอะไรพิเศษ แต่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดกับกลิ่นสมุนไพร เป็นการยืนยันว่าลูกศิษย์หญิงคนนั้นเคยอยู่ในห้องนี้จริงๆ
ยิ่นอ๋องเข้าไปค้นดูในห้องก็บังเอิญเจอกับกลไกเข้า พอตู้หนังสือเลื่อนเปิด ก็เผยให้เห็นห้องลับที่มีแสงไฟเพียงสลัวๆ
ภายในห้องลับคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
ยิ่นอ๋องเอามือปิดจมูก กลั้นใจเดินเข้าไป
ห้องลับนั้นมีขนาดไม่ใหญ่ ไม่มีเครื่องเรือนอะไรมากมาย มีเพียงเตียงขนาดเล็ก โต๊ะหนึ่งตัว เก้าอี้หนึ่งตัว กับขวดและโหลสมุนไพรจำนวนหนึ่ง
บนเตียงหลังเล็กมีบุรุษผู้หนึ่งนอนอยู่ แต่กลับไม่ใช่อวิ๋นซู่แต่เป็นมารโลหิต
ยิ่นอ๋องตะลึงงันไปทันที
มารโลหิตไม่ได้ตายอยู่ที่ถ้ำของตนหรอกหรือ เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
ใครพาตัวเขามา
ยิ่นอ๋องทำใจกล้าเดินเข้าไปใกล้อีกนิด มองมารโลหิตที่เลือดชุ่มเต็มกายอย่างตกตะลึง
ในขณะที่ยิ่นอ๋องมองดูจนใจลอยนั้น มารโลหิตบนเตียงก็ลืมตาขึ้น