หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 70-2 อวิ๋นจูได้พบมารโลหิต
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 70-2 อวิ๋นจูได้พบมารโลหิต
ตอนที่ 70-2 อวิ๋นจูได้พบมารโลหิต
มารโลหิตฟื้นมาอีกทีก็เป็นช่วงดึกของวันถัดมาแล้ว พอเขาลืมตาก็เห็นว่าตรงหัวเตียงมีใครคนหนึ่งนั่งอยู่
นางนั่งพิงเสาเตียงหลับไป เส้นผมสีขาวเงินซ้อนทับอยู่บนหัวไหล่นาง
วันเวลาที่ฝากร่องรอยเอาไว้บนใบหน้านาง นางไม่ใช่เด็กสาววัยแรกรุ่นอย่างในวันวานอีก
มารโลหิตอึ้งมองนาง
อวิ๋นจูตัวโงนเงนจนรู้สึกตัวตื่น
พอลืมตามาก็เห็นว่ามารโลหิตกำลังมองตรงมาที่ตน
สีหน้าของมารโลหิตเปลี่ยนรวดเร็วจนยากจินตนาการ มุมปากยกขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะชั่วร้าย “หิหิ~”
อวิ๋นจูยื่นมือเย็นเยียบไปลูบหน้าผากเขา
เสียงหัวเราะเย็นๆ ของมารโลหิตพลันชะงักค้าง
“ตัวไม่ร้อนแล้ว” อวิ๋นจูดึงมือกลับ เปลี่ยนไปมองแผลที่ได้จากโซ่หาดมังกรแทน ข้อมือกับข้อเท้าจัดการเรียบร้อยแล้ว แผลตรงหัวไหล่เขายังต้องทำแผลใหม่อีกครั้ง
อวิ๋นจูเอายาเข้ามา
ร่างกายเขาคือมารโลหิต ก่อนที่จะเอาเม็ดโลหิตออกไป ไม่มีแผลใดที่เขารักษาตัวเองไม่หาย บนตัวเขาจึงแทบไม่มีแผลเก่าให้เห็น นอกจากตรงหน้าอกที่เป็นรอยแผลเป็นจากการถูกตะปูสะกดวิญญาณตอกเข้าไป
อวิ๋นจูแสร้งทำเป็นไม่เห็น ใส่ยาลงบนแผลใหม่ให้กับเขา
ยาที่ต้มอยู่บนเตาเดือดได้ที่แล้ว
อวิ๋นจูรินชามหนึ่งมาให้เขา
เขาไม่ดื่ม
อวิ๋นจูบอกว่า “ดื่มยาเสีย เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่นในเมือง”
มารโลหิตหันมองอวิ๋นจูด้วยสีหน้าดุดัน
อวิ๋นจูเอาอาภรณ์บุรุษชุดใหม่วางให้ที่บนเตียง “ของไห่สือซาน เจ้าใส่ไปก่อน ไว้เดี๋ยวข้าไปซื้อที่ตลาดให้ใหม่”
มารโลหิตดึงผ้าห่มออก ก้มมองช่วงตัวด้านล่างของตน ล่อนจ้อนไม่มีอะไรเลย เขาเอาศีรษะซุกเข้าไปในผ้าห่ม
อวิ๋นจูหมุนตัวออกไป
มารโลหิตกินยาอย่างว่าง่ายแล้วเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ ตอนออกมาท่าทางเขาดูกระปรี้กระเปร่าทีเดียว
ไห่สือซานที่แอบอยู่ในห้องเยี่ยนเฟยเจวี๋ย แง้มหน้าต่างเป็นช่องเล็กๆ คอยสังเกตความเคลื่อนไหวของทั้งสองอยู่ส่งเสียงจึ๊จ๊ะ “บ้าไปแล้วจริงๆ ขนาดเม็ดโลหิตถูกควักออกมาแล้ว เหตุใดยังมีชีวิตอยู่ได้อีก”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยโยนส้มกลีบหนึ่งเข้าปาก “แสงสุดท้ายของอาทิตย์อุทัย ไม่ได้หรือ”
ไห่สือซานถอดรองเท้าโยนใส่!
ราชันอสูรก็เคยเสียเม็ดโลหิตในกายไปเหมือนกัน แต่ราชันอสูรก็ยังมีชีวิตรอดมาได้ ไม่เพียงแค่รอดมาได้ แต่ยังกลั่นจนได้เม็ดโลหิตเม็ดใหม่เสียด้วย นี่เป็นถึงมารโลหิตเชียวนะ คุณสมบัติไม่ได้เป็นรองราชันอสูรเลย น่ากลัวว่าคงจะเกิดเรื่องอัศจรรย์ขึ้นเหมือนกันกระมัง
อวิ๋นจูพามารโลหิตเดินไปตามถนน ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
ท่าทางของมารโลหิตยังคงดูประหลาด อวิ๋นจูปล่อยผมเขาลงมา ปิดบังหูที่กางแหลมของเขาเอาไว้
และเพราะเป็นเวลากลางคืน แสงค่อนข้างสลัว จึงไม่มีใครสังเกตเขาสักเท่าไร
“เจ้าคงยังไม่เคยเดินเล่นในเมืองเยี่ยเหลียงกระมัง” อวิ๋นจูถาม
มารโลหิตไม่ตอบ
อวิ๋นจูพาเขาเข้าในไปร้านเสื้อผ้า เลือกเสื้อผ้าตัดสำเร็จให้เขาตัวหนึ่งกับรองเท้าหนังที่ให้ความอบอุ่น
เสื้อผ้าเป็นสีที่เขาชอบ ผ้าไหมสีดำ ไม่เล่นแสง
กระดุมติดเบี้ยว
อวิ๋นจูช่วยติดกระดุมให้เขาทีละเม็ดจนเรียบร้อย
มารโลหิตมองนางอึ้งๆ ยกมือลูบรอยย่นตรงหางตานาง
อวิ๋นจูยิ้มขื่น “แก่แล้ว”
สายตามารโลหิตกวาดไปเห็นปิ่นปักผมไป๋เหมยอันหนึ่งบนชั้น
ตอนออกมาจากร้าน ในมือเขามีของเพิ่มเข้ามาชิ้นหนึ่ง เขาเอาซ่อนไว้ในแขนเสื้อตลอด กำไว้แน่นไม่ยอมให้อวิ๋นจูเห็น
อวิ๋นจูก็แกล้งทำเป็นไม่เห็น
อวิ๋นจูพาเขาไปที่ร้านขายเนื้อแพะเก่าแก่อีกร้านหนึ่ง ร้านนี้มีโต๊ะวางอยู่ทั้งข้างในข้างนอกร้าน แต่น่าเสียดายที่ขายดีเกินไป ทุกโต๊ะจึงมีคนนั่งอยู่เต็มไปหมด
อวิ๋นจูสั่งซี่โครงแพะ น้ำแกงแพงตุ๋น เหล้านมม้า ชานมมันเนยกับนมแผ่น เอาใส่ในกล่องอาหารแล้วเอาขึ้นรถม้า
“เดี๋ยวพาเจ้าไปชมจันทร์นะ” อวิ๋นจูบอก
สารถีคือไห่สือซาน ไห่สือซานพอได้ยินว่าชมจันทร์ก็รีบขับรถม้าไปยังศาลาที่ทิวทัศน์ที่เลิศแห่งหนึ่ง
วันนี้ก็น่าแปลก ในศาลามีคนนั่งอยู่เต็มไปหมดแล้วเช่นกัน
อวิ๋นจูไม่ชอบสถานที่ที่มีคนอยู่เยอะ มารโลหิตก็ยิ่งกว่า โ
อวิ๋นจูเลือกก้อนหินใหญ่ที่อีกฟากของภูเขา หินก้อนนี้อยู่ใต้ต้นไป๋เหมย
เวลานี้ไม่ใช่ช่วงที่ต้นไป๋เหมยออกดอก แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ดอกไป๋เหมยที่อยู่บนต้นกลับเบ่งบางอย่างน่าประหลาด
พอนั่งอยู่บนหินสามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองเยี่ยเหลียงได้ครึ่งเมือง ด้านซ้ายเป็นภูเขาหิมะ ด้านขวาเป็นอาคารบ้านเรือนที่แขวนโคมไฟประดับ
มารโลหิตคงจะเห็นว่าทิวทัศน์บนนี้ไม่เลว จึงนั่งเงียบๆ ลงบนก้อนหิน
อวิ๋นจูนั่งลงข้างๆ เอากล่องอาหารวางไว้ที่อีกด้านของตน
นางมองบ้านเรือนที่มีแสงจากโคมไฟ ไม่รู้กำลังคิดถึงอะไรจึงดูจะเหม่อลอยเล็กน้อย
“สวยหรือไม่” อวิ๋นจูถาม
เขาไม่ตอบ
อวิ๋นจูรู้ว่าอีกฝ่ายพูดได้ เขาแค่ยังโกรธนางอยู่เท่านั้น
อวิ๋นจูหยิบเหล้านมม้าออกมารินใส่ชามให้เขา “จิบหน่อยให้ร่างกายอบอุ่น”
เขายื่นมือผอมแห้งราวกับก้อนถ่านมารับไปแล้วยกจิบเงียบๆ
อวิ๋นจูบังคับตัวเองไม่ให้มองมือของเขาที่ผอมแห้งลงไปเป็นกอง นางหยิบนมแผ่นมา “ลองชิมอันนี้ดูด้วย”
เขาวางชามลง เปลี่ยนไปหยิบนมแผ่น พอหยิบขึ้นมาได้ นิ้วมือก็พลันสั่น นมแผ่นในมือเลยตกลงในจานอีกครั้ง
กระทั่งนมแผ่นเล็กๆ ก็ยังถือไม่อยู่… สองตาของอวิ๋นจูพลันแดงก่ำ แต่กลับอดกลั้นไว้ไม่ช่วยเขา
สุดท้ายแล้วเขาก็หยิบนมแผ่นเล็กขึ้นมาจนได้ เอาเข้าปากด้วยมือที่สั่นเทา
อวิ๋นจูวางนมแผ่นลงแล้วหยิบซี่โครงแพะมาให้เขา “ยังร้อนอยู่ เจ้าชิมดู ดูสิว่าอร่อยเหมือนในเมืองเหนือยอดเมฆหรือไม่”
เขานิ่งไม่ขยับ
อวิ๋นจูกินเข้าไปเองคำหนึ่ง ลำคอบวมปวด แต่กลับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นปกติ “ข้าว่าไม่เลวทีเดียว”
เขารับซี่โครงแพะไป
เขาถือไม่อยู่ ซี่โครงแพะจึงหล่นตุ๊บลงกับพื้นหิมะ
เขาก้มลงไปจะหยิบ
อวิ๋นจูห้ามไว้ “นี่ยังมีอีก”
เขาดึงดันจะโค้งตัวลงไป อดทนกับความเจ็บปวดจากการฉีกตัวของแผลที่ท้อง ฝืนหยิบซี่โครงที่อวิ๋นจูกัดไปคำหนึ่งขึ้นมา
อวิ๋นจูเอ่ยเสียงตะกุกตะกัด “ข้ายังคง… นึกเรื่องในอดีตไม่ออก แต่ข้า…ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเจ้า ข้าจำไม่ได้แล้ว… ขอโทษด้วย… ขอโทษด้วย…”
มารโลหิต “อวิ๋น จู”
…
เฉียวเจิงถอนหายใจเอ่ยว่า “เขาถูกสูบเลือดออกไปหมดแล้ว ข้าจับไม่เจอชีพจรของเขาเลยด้วยซ้ำ โดยหลักการแล้วหากเขาบาดเจ็บขนาดนั้น น่าจะตายไปตั้งนานแล้ว… เขาทนมาถึงที่นี่ได้เพราะความดึงดันและถวิลหา เขามีความปรารถนาที่ยังไม่สมหวัง รีบไปทำให้สำเร็จเถิด”
…
“ขอโทษด้วย…” อวิ๋นจูน้ำตาหลั่งเป็นสาย “ขอโทษด้วย…”
มารโลหิตหลับตาลง ดูคล้ายว่าหลับไป
มือขวาของเขายังคงถือซี่โครงอันนั้นที่ยังกินไม่หมด มือซ้ายกำปิ่นไป๋เหมยที่ยังไม่ทันได้ให้ไปเอาไว้
ลมยามราตรีพัดมา พันพาให้ดอกไป๋เหมยเหนือศีรษะร่วงโรย
กลีบดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์โปรยปรายลงมา
ตกกระทบใบหน้าที่อาบไว้ด้วยน้ำตาของอวิ๋นจู และตกกระทบใบหน้าที่สงบนิ่งของเขา