หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 83-2 ทารุณฆาตดอกบัวขาว (2)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 83-2 ทารุณฆาตดอกบัวขาว (2)
ตอนที่ 83-2 ทารุณฆาตดอกบัวขาว (2)
อวิ๋นฮูหยินสูดจมูก ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา “เขาชอบกินขนมกุ้ยฮวาที่สุด ชอบดูละครที่สุด กลัวแมวที่สุด…แมวตัวเล็กแค่ไหนเขาก็กลัว บุรุษตัวโตคนหนึ่งดันกลัวแมว ข้ามักจะเอาเรื่องนี้มาล้อเขาเสมอ…”
ตอนนั้นเองจังหวะที่รถม้าแล่นผ่านประตูเมืองของเมืองเยี่ยเหลียง รถก็ถูกบุรุษผู้สวมอาภรณ์สีแดงถือร่มกระดาษน้ำมันลายกิ่งท้อสีขาวคนหนึ่งขวางเอาไว้
เฉียวเวยเปิดม่านหน้าต่างรถ มองปราดแรกก็เห็นบุรุษผู้ยืนอยู่กลางหิมะ เกล็ดหิมะเบาหวิวลอยละล่องลงมาจากท้องนภาตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ มันโปรยปรายลงบนร่มของเขา บ้างก็หล่นร่วงลงมาต้องหัวไหล่อันเย็นเฉียบของเขา
อวิ๋นฮูหยินจำได้ว่าอีกฝ่ายคือคุณชายที่เดินทางมาที่บ้านด้วยกันกับจีหมิงซิวเมื่อวันนั้นจึงค้อมกายให้เล็กน้อย กงซุนฉางหลีค้อมกายตอบเล็กน้อยเป็นการคำนับคืน
เฉียวเวยมองกงซุนฉางหลีอย่างไม่เข้าใจ นางพบว่าสีหน้าของเขาซีดขาวอ่อนแรงอยู่เล็กน้อย นางอยากถามเขาว่ารอนานเกินไปจนตนเองหนาวแย่แล้วใช่หรือไม่ แต่เมื่อคิดอีกครั้งก็รู้สึกว่าพูดเช่นนี้ต่อหน้าอวิ๋นฮูหยินจะแลดูว่าระหว่างทั้งสองคนใกล้ชิดสนิทสนมกันเกินไป
เฉียวเวยกระแอมแล้ววางหน้าจริงจังถามว่า “วันนี้ไม่เห็นเจ้าอยู่ที่ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ ที่แท้เจ้าก็อยู่ที่เมืองเยี่ยเหลียงนี่เอง เจ้ามีธุระอันใดหรือ”
กงซุนฉางหลีหันไปมองอวิ๋นฮูหยิน “ข้าอยากเลี้ยงอาหารอวิ๋นฮูหยินสักมื้อ”
อวิ๋นฮูหยินงุนงง
เฉียวเวยเบ้ปาก จะเลี้ยงนางก็บอกว่าเลี้ยงนางสิ ต้องไพล่ไปพูดว่าจะเลี้ยงอวิ๋นฮูหยิน!
อวิ๋นฮูหยินตอบตกลงอย่างมึนๆ งงๆ
แต่เดิมเฉียวเวยคิดว่ากงซุนฉางหลีมาชวนคนไปเลี้ยงอาหารเช่นนี้ เขาจะต้องพาไปสถานที่อันยอดเยี่ยมที่ทั้งเงียบสงบและงามวิจิตรที่ไหนสักแห่งอย่างแน่นอน แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะพามาที่ตลาดอันเอะอะแห่งหนึ่ง ในตลาดเหมือนจะกำลังจัดเทศกาลโคมไฟ ผู้คนคลาคล่ำ บรรยากาศครึกครื้นอย่างยิ่ง
นี่ดูไม่เหมือนแนวที่กงซุนฉางหลีชอบสักนิด แต่เฉียวเวยชอบ ชอบมากที่สุดเสียด้วย
เฉียวเวยเหลือบมองกงซุนฉางหลี บุรุษคนนี้ช่างทุ่มเทเพื่อนางจริงๆ…
ทั้งสามคนเดินเล่นอยู่บนถนนใหญ่ที่มีรถม้าแล่นต่อกันเป็นสาย แล้วจู่ๆ กงซุนฉางหลีก็เอ่ยขึ้นว่า “อวิ๋นฮูหยินยังเป็นห่วงคุณชายอวิ๋นอยู่สินะ”
อวิ๋นฮูหยินยิ้มอย่างขมขื่น “ขายหน้าคุณชายแล้ว”
กงซุนฉางหลีถามต่อว่า “อวิ๋นฮูหยินเชื่อเรื่องวัฏสงสารหรือไม่”
อวิ๋นฮูหยินยิ้มเศร้า “คนตายเฉกเช่นโคมดับแสง มีสิ่งเหล่านั้นเสียที่ไหนกัน”
กงซุนฉางหลีกลับเอ่ยว่า “บางทีอาจจะมีจริงๆ ก็ได้”
อวิ๋นฮูหยินส่ายหน้า พลางคิดว่าคุณชายน้อยคนนี้ยังอายุน้อยเกินไป
พวกเขาเดินไปได้สักพัก จู่ๆ ด้านหน้าก็มีการเชิดมังกรผ่านมา ผู้คนแห่แหนรุมเข้าไปในพริบตา อวิ๋นฮูหยินถูกกระแสฝูงชนเบียดไปด้านหนึ่ง นางเสียหลักเท้าลื่นไถลชนเข้ากับรถม้าคันหนึ่งที่จอดอยู่ตรงปากตรอก
หัวไหล่กระแทกจนเจ็บแปลบ นางสูดลมหายใจดังเฮือก นางยกมือลูบหัวไหล่ของตนเอง ทว่าตอนที่ก้มตัวไม่ทันระวังจึงทำแม่กุญแจอายุยืนในอกเสื้อตก แม่กุญแจอายุยืนร่วงตกพื้นก็กระแทกเปิดออก แก้วนิลกาฬสีรุ้งกลมเกลี้ยงเม็ดหนึ่งกลิ้งออกมา
อวิ๋นฮูหยินฝืนข่มความเจ็บปวดก้าวไปเก็บแก้วนิลกาฬ ทว่าจู่ๆ มือน้อยที่อ้วนป้อมเหมือนมือทารกข้างหนึ่งก็เก็บแก้วนิลกาฬขึ้นมาก่อนนางก้าวหนึ่ง เจ้าของมือน้อยส่งแก้วนิลกาฬมาตรงหน้านาง เสียงนุ่มนิ่มเอ่ยว่า “ฮูหยิน ของของท่านใช่หรือไม่ขอรับ” โ
สายตาของอวิ๋นฮูหยินเลื่อนไปตามมือข้างนั้นแล้วจับจ้องบนใบหน้าน้อยของอีกฝ่าย ชั่วอึดใจที่มองเห็นใบหน้าน้อยอันคุ้นเคยแต่ก็แปลกหน้าดวงนั้น นางนิ่งงันไปทั้งตัว
เด็กชายตัวน้อยถามอย่างมีมารยาทอีกหน “ฮูหยิน นี่คือของที่ท่านทำตกใช่หรือไม่ขอรับ”
อวิ๋นฮูหยินยื่นมือออกไปอย่างเหม่อลอย
เด็กชายวางแก้วนิลกาฬลงกลางฝ่ามือของนาง
“เจ้า…” อวิ๋นฮูหยินกำลังจะเอ่ยปาก ทว่ากลุ่มคนที่เอะอะมะเทิ่งกลุ่มหนึ่งกลับเดินไปชนเสาที่ตั้งอยู่ข้างถนนเข้า แท่งเสาล้มลงมาหาเด็กชายตัวน้อยอย่างแรง
ชั่วสะเก็ดไฟแลบนั้นนางกอดเด็กชายตัวน้อยแล้วโถมกายหลบเสาต้นหนาต้นนั้น
เสาล้มลงมาเสียงดังสนั่นจนฮูหยินนางหนึ่งที่กำลังจ่ายเงินให้ร้านค้าร้านหนึ่งด้านข้างตกใจ ดวงหน้างามของหญิงผู้นั้นถอดสี เมื่อนางเดินเข้ามาพบว่าบุตรชายได้ฮูหยินจิตใจดีงามคนหนึ่งช่วยเอาไว้ก็รีบจูงลูกชายมากล่าวขอบคุณอวิ๋นฮูหยินทันที
อวิ๋นฮูหยินมองเด็กคนนั้น แล้วถามด้วยความรู้สึกอันปั่นป่วน “เจ้า…นามว่าอันใด”
เด็กชายตัวน้อยตอบว่า “อวี้เกอร์ขอรับ”
อวิ๋นฮูหยินย่อตัวลงไปนั่งยองๆ มือสั่นระริกยกขึ้นจับใบหน้าน้อยขาวผ่องของเขา “อวี้เกอร์…เกิดวันไหนหรือ”
เด็กชายตัวน้อยเงยหน้าขึ้นมองมารดาหนหนึ่ง มารดายิ้มน้อยๆ พยักหน้าให้ เขาจึงหันไปมองอวิ๋นฮูหยินแล้วตอบว่า “เดือนสิบ วันที่สิบเก้า ยามอิ๋นขอรับ”
อวิ๋นฮูหยินขอบตาแดงระเรื่อ “อวี้เกอร์…ชอบดูละครหรือไม่”
เด็กชายตัวน้อยพยักหน้า “ชอบสิขอรับ”
อวิ๋นฮูหยินน้ำตาคลอถามอีกว่า “ชอบกินขนมกุ้ยฮวาหรือไม่”
“อืม!”
“แล้วชอบแมวหรือไม่”
เด็กชายตัวน้อยส่ายหน้าเหมือนกลองป๋องแป๋ง “ข้าเกลียดแมว!”
อวิ๋นฮูหยินสะอื้นถามว่า “เกลียดแมว…หรือกลัวแมวเอ่ย”
เด็กชายตัวน้อยก้มหน้าใช้ปลายเท้าบี้หินก้อนน้อย แล้วยืนกรานว่า “ข้าเป็นลูกผู้ชาย ข้าจะกลัวได้เช่นไรเล่า แต่แน่นอนว่าข้าเกลียดมัน!”
น้ำตาของอวิ๋นฮูหยินเอ่อคลอเบ้าตาในพริบตา
ไม่ไกลจากตรงนั้น บุรุษหน้าตาสง่าผ่าเผย สวมอาภรณ์หรูหราคนหนึ่งกำลังเดินถือถังหูลู่สองไม้สาวเท้าเร็วไวมาทางนี้
เด็กชายตัวน้อยหันไปเห็นเขาก็โถมตัวใส่อ้อมแขนของเขาทันที “ท่านพ่อ!”
บุรุษผู้นั้นยิ้มอย่างรักใคร่ เขาอุ้มลูกชายตัวน้อยขึ้นมาชนหน้าผาก จากนั้นยื่นถังหูลู่ในมือให้เขา
เด็กชายตัวน้อยกินอย่างเบิกบานใจ
สตรีนางนั้นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทางนี้ให้สามีฟัง บุรุษผู้นั้นจึงก้าวออกมาข้างหน้าเอ่ยขอบคุณอวิ๋นฮูหยินอย่างนอบน้อม หลังจากนั้นบุรุษผู้นั้นก็อุ้มบุตรชายมือหนึ่ง จูงภรรยาอีกมือหนึ่งเดินจากไปอย่างมีความสุข เด็กชายตัวน้อยถูกโอบอุ้มอยู่ในอ้อมแขนของบิดา เขาจดจ่อตั้งใจกับการกินถังหูลู่ กินจนเปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งใบหน้า
อวิ๋นฮูหยินยิ้มทั้งน้ำตา
อีกด้านหนึ่งเฉียวเวยกับกงซุนฉางหลีเดินเข้ามาหา ก่อนหน้านี้ยามมองอวิ๋นฮูหยิน เฉียวเวยรู้สึกว่าบนร่างนางมีเพียงสีขาวกับดำ ทว่าชั่วพริบตานั้นเมื่อครู่บนร่างนางราวกับทอประกายสีรุ้งสว่างไสว
เฉียวเวยรู้ว่าในที่สุดนางก็ปล่อยวางได้แล้ว