หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 97-2 พี่ซิวลงมือ (2)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 97-2 พี่ซิวลงมือ (2)
ตอนที่ 97-2 พี่ซิวลงมือ (2)
วันนี้เป็นวันสิ้นปี การฝึกและการงานทั้งหมดได้รับการยกเว้น ทั้งวังหลวงนอกจากทหารราชองครักษ์ที่ขุดหลุมอยู่พวกนั้นก็ไม่มีฝ่ามือของผู้ใดจะเสียดสีจนเป็นตุ่มพองห้อเลือดเช่นนี้อีก
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกลับไปที่ประตูตะวันออกทันที เขารายงานจีหมิงซิวว่า “…ผู้ตายคือทหารราชองครักษ์ตัวจริง คนผู้นั้นปลอมเป็นขันทีลักลอบเข้ามาในวังจากนั้นสังหารทหาราชองครักษ์ แล้วสวมรอยเป็นอีกฝ่าย ปะปนเข้ามาอยู่ในคนกลุ่มนั้น”
จีหมิงซิวผงกศีรษะนิ่งๆ สายตาเลื่อนไปจับบนร่างของบุรุษผู้นั้น
บุรุษผู้นั้นสัมผัสได้เลือนรางถึงสายตามองสำรวจของจีหมิงซิว หน้าผากเขามีเหงื่อเม็ดเล็กจิ๋วซึมออกมาเป็นชั้นบางๆ
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยหรี่ตาลงมองสำรวจเขาขึ้นๆ ลงๆ อยู่ครู่หนึ่ง “นายน้อย เหตุไฉนข้ามองดูแล้วเขา…ดูหน้าตาคุ้นๆ อย่างไรไม่รู้”
จีหมิงซิวแค่นเสียงหยัน “ก็นั่นมู่ชิวหยาง จะไม่คุ้นตาได้เช่นไรเล่า”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยแววตาไหววูบ “เขาเองหรือ เหตุใดเขาจึงลักลอบเข้ามาในวังหลวง”
จีหมิงซิวตอบอย่างเย็นชา “แน่นอนว่าย่อมต้องมาสืบข่าวน่ะสิ”
อวิ๋นซู่หลบซ่อนตัวก็ส่วนหลบซ่อนตัว แต่จะให้ทำตัวเป็นคนหูหนวกตาบอดจริงๆ ย่อมทำไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นประตูตะวันออกมีเหตุการณ์สะดุดตาถึงขนาดนี้ อวิ๋นซู่จะไม่ส่งคนมาดูย่อมประหลาด
เพียงแต่ว่ามู่ชิวหยางลอบปะปนเข้ามาได้จริงๆ ก็นับว่ามีความสามารถ
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ยว่า “ตามหาจนรองเท้าเหล็กทะลุหาไม่พบ พอจะหาพบไม่ต้องสิ้นเปลืองแรงจริงๆ! อวิ๋นซู่ถึงกับกล้าส่งมู่ชิวหยางมาสืบข่าวต่อหน้าต่อตาพวกเรา เหอะ ขอเพียงพวกเราจับเจ้าหนูคนนี้ได้ ก็ถามที่ตั้งรังของอวิ๋นซู่ได้แล้วกระมัง นายน้อย ให้ข้าไปจับเถิด”
จีหมิงซิวตอบอย่างเย็นชา “อืม ไปจับมาเสีย จำไว้ว่าต้องจับมาเป็นๆ”
“หึ ข้าน้อยรับทราบ!”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยตอบรับอย่างกระตือรือร้น เขาสาวเท้าพุ่งพรวดเป็นดาวตกเข้าไปหามู่ชิวหยาง เพิ่งจะก้าวเท้าได้สองก้าว ก็ถูกจีหมิงซิวเรียกเอาไว้อีก “หากจับไม่ได้จริงๆ ก็สังหารเขาเสีย อย่าให้เขาไปบอกข่าวกับอวิ๋นซู่ได้”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยครุ่นคิด “ข้า…สะกดรอยตามเขาไปที่ฐานที่มั่นของอวิ๋นซู่ดีหรือไม่”
จีหมิงซิวตอบเรียบๆ “หากเขาอยากจะสลัดเจ้าให้หลุด ไม่ใช่เรื่องยาก”
แม้เยี่ยนเฟยเจวี๋ยไม่อยากยอมรับ แต่เจ้าหนูคนนี้วิชาตัวเบาเหนือกว่าเขาจริงๆ! หากสือชีอยู่ที่นี่ก็คงดี สือชีต้องสะกดรอยตามเขาได้แน่…
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยแค่นเสียงดังเหอะ “ท่านคอยดูเถอะ ข้าจะจับเขากลับมาให้ท่านแบบเป็นๆ!”
มู่ชิวหยางกำลังขุดหลุมอยู่ ฉับพลันเขาก็สัมผัสได้ถึงไอสังหารอันดุดันสายหนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นเยี่ยนเฟยเจวี๋ยพุ่งเข้ามาหาตนพร้อมกับไอสังหารพลุ่งพล่าน
คิ้วของเขากระเด้งขึ้นไปบนหน้าผาก!
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเหินร่างขึ้นไปบนฟ้า มีดบินสามเล่มถูกขว้างออกมา!
มู่ชิวหยางเหวี่ยงพลั่วเหล็กในมือขึ้นมา มีดบินกระทบพลั่วเหล็กดัง แกร๊งๆ!
ทหารราชองครักษ์รอบด้านถูกภาพที่ไม่คาดคิดนี้ทำเอาตะลึงนิ่งไป พวกเขามองเยี่ยนเฟยเจวี๋ยผู้เป็นลูกน้องของใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีอย่างงุนงง จากนั้นก็มองอู่จื่อผู้เป็นสหายของตนอย่างมึนงงด้วย ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าอู่จื่อทำผิดเรื่องใดกันจึงถูกใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีสั่งให้ลูกน้องมาสังหาร!
ฝ่ายใต้เท้าอัครมหาเสนาบดียืนเฉยอยู่ด้านข้างอย่างสบายอารมณ์ เห็นชัดว่าอนุญาตอย่างเงียบๆ แล้ว
เรื่องนี้…
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยไม่สนใจความแปลกใจของคนทั้งหลาย เขาไล่ต้อนมู่ชิวหยางจนหลุดออกมาจากหลุมลึก แล้วประมือกับมู่ชิวหยางอยู่ตรงนั้น
ทุกคนพากันถอยหลีก
“วรยุทธ์ของอู่จื่อดีถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน” มีคนพึมพำออกมา
วรยุทธ์ของมู่ชิวหยางไม่ด้อยกว่าเยี่ยนเฟยเจวี๋ย แต่เยี่ยนเฟยเจวี๋ยอยู่กับราชันอสูรมานานขนาดนี้ เขาจะไม่เรียนลูกเล่นอะไรมาบ้างเลยได้อย่างไรกัน เพียงแต่ว่าเยี่ยนเฟยเจวี๋ยต้องจับเป็น นี่จึงทำให้การต่อสู้ตึงมืออยู่บ้าง
เพียงชั่วขณะที่เยี่ยนเฟยเจวี๋ยลังเล ฝ่ามือของมู่ชิวหยางก็ฟาดลงบนหัวไหล่ของเยี่ยนเฟยเจวี๋ย
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยถูกพละกำลังมหาศาลสายหนึ่งฟาดจนถอยหลังไปสิบกว่าก้าว มู่ชิวหยางอาศัยแรงส่งหนนี้ทะยานร่างเหินขึ้นฟ้า กระโจนไปยังอาชาร่างกำยำตัวหนึ่งด้านนอกประตู
“ย่าห์!”
เขาหนีไปอย่างรวดเร็ว
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยถ่มน้ำลายทิ้งคำหนึ่ง แล้ววิ่งออกไปนอกประตูเลือกอาชาร่างกำยำตัวหนึ่งไล่ตามไปเร็วดุจลมกรด!
ทหารราชองครักษ์นอกประตูตะวันออกขวางมู่ชิวหยางไว้ไม่สำเร้จ มู่ชิวหยางฝ่าออกจากวงล้อมไปได้ จากนั้นก็หนีเข้าไปในถนนของเมืองหลวงพร้อมกับมีเยี่ยนเฟยเจวี๋ยและทหารราชองครักษ์ตามไล่หลัง
ค่ำคืนนี้เป็นคืนวันสิ้นปี บนถนนเงียบเหงาวังเวง เสียงกีบเท้าม้าดังฟังชัดเป็นเอย่างยิ่ง
มู่ชิวหยางรีบทิ้งม้า แล้วเปลี่ยนมาใช้วิชาตัวเบาเดินทาง
ตอนที่เยี่ยนเฟยเจวี๋ยไล่ตามมาถึงด้านนี้ บนถนนที่มองไปไร้ที่สิ้นสุดก็เหลืออาชาศึกเดียวดายอยู่เพียงลำพัง
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยทุบกำปั้น “เจ้าเด็กนี่ หนีไวจริงนะ!”
ทหารราชองครักษ์หลายสิบคนไล่ตามมาทัน คนที่เป็นหัวหน้าถามเขาว่า “จอมยุทธ์เยี่ยน ยังต้องตามอยู่หรือไม่”
“ตาม!”
“จับเป็นมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็…”
จับเป็นได้ย่อมดีที่สุด ไม่ว่าอย่างไรหากง้างปากมู่ชิวหยางได้ก็จะรู้แหล่งกบดานของอวิ๋นซู่ ทว่าการจับเป็นยากมาก หากไม่ทันระวังเพียงนิดเดียวก็คงปล่อยให้มู่ชิวหยางหนีไปได้ ตนเองไม่ใช่ตัวอย่างให้เห็นเป็นๆ อยู่นี่หรอกหรือ
หากรู้ก่อน เขาคงลงมือเด็ดขาดกว่านี้ ใช้อาวุธลับปักเจ้าหมอนี่ให้พรุนไปแล้ว!
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกับทหารราชองครักษ์แยกกันเคลื่อนไหว พวกเขากวาดค้นบ้านเรือนแต่ละหลังบนถนนเส้นนี้จนครบทุกหลัง
ไม่นานมู่ชิวหยางก็ถูกคนล้อมไว้ทุกทิศออกตกเหนือใต้ นี่ไม่ใช่เพราะวิชาตัวเบาของเขาไม่ดี จนแม้แต่ทหารราชองครักษ์ตำแหน่งเล็กๆ ไม่กี่คนก็สลัดไม่พ้น แต่เป็นเพราะทหารราชองครักษ์คุ้นเคยกับเมืองหลวงมากกว่าเขา ทะลุบ้านหลังไหนเรือนหลังใดจึงจะไปถึงจุดหมายได้เร็วที่สุด เรื่องนี้พวกเขารู้กระจ่างดุจฝ่ามือ
เมื่อเทียบกันแล้ว มู่ชิวหยางเหมือนแมลงวันไร้หัวตัวหนึ่งที่บินเลี้ยวไปเลี้ยวมา เสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ผิดจากที่คาด หลังจากหลบซ้ายหลบขวาอยู่ครึ่งเค่อ มู่ชิวหยางก็ถูกกองทหารราชองครักษ์เจอตัว หัวหน้าทหารราชองครักษ์ออกคำสั่ง “พลธนูเตรียมพร้อม…ยิง!”
ประกายวาววับเย็นเฉียบของลูกธนุพุ่งเข้ามามืดฟ้ามัวดินประหนึ่งตาข่ายขนาดยักษ์ที่ถี่ยิบจนลมมิอาจลอดผ่าน ห้อมล้อมมู่ชิวหยางเอาไว้อย่างแน่นหนา
มู่ชิวหยางชักกระบี่คู่กายข้างเอวออกมา เขาสะบัดกระบี่จนเป็นประกายรูปบุปผา ฟันลูกธนูที่ล้อมเขามาหาเขาหักครึ่งดังเคร้งคร้างแทบจะทุกชั่วพริบตา
ทว่าลูกธนูระลอกนี้เพิ่งจบลง ลูกธนูระลอกต่อไปก็มาอีกแล้ว เขาขมวดคิ้วอย่างเย็นชา หันไปฟันปราณกระบี่สายหนึ่งใส่คนทั้งหลาย ทุกคนถูกปราณกระบี่ซัดหงายล้มกับพื้น เปิดโอกาสให้เขาหนีไปได้
หลังจากนั้นเขาก็พบการไล่ล่าสังหารจากทหารราชองครักษ์รวมไปถึงเยี่ยนเฟยเจวี๋ยอีกสามสี่ระลอก ทุกครั้งอีกฝ่ายต่างตั้งใจจะเอาให้เขาถึงตาย
เขาจำไม่ได้ว่าตนเองหนีรอดจากเงื้อมมือของคนเหล่านี้มาได้อย่างไร เมื่อเขามาถึงสุสานแห่งหนึ่ง เขาก็พบว่าหัวไหล่ของตนเองถูกมีดบินอาบยาพิษปักอยู่สามเล่ม
“เยี่ยน เฟย เจวี๋ย!”
เขากัดฟันกินยาแก้พิษลงไปเม็ดหนึ่ง หลังจากนั้นเขาจึงมองรอบด้าน เมื่อแน่ใจแล้วว่าสลัดคนทั้งหลายพ้นแล้ว เขาจึงเดินลัดเลาะเข้ามาในสุสานแห่งนี้จนมาถึงหมู่บ้านน้อยแห่งหนึ่ง
“คลาดสายตาไปแล้วหรือ” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยถามทหารราชองครักษ์
พวกเขาก้มหน้าลงอย่างละอายใจ
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยโกรธแทบวางวาย คนมากขนาดนี้! ใช้คนมากขนาดนี้แล้ว! แม้แต่มู่ชิวหยางที่ฝีมือกระจอกๆ คนเดียวก็ยังจับตัวไม่ได้!
บนยอดเขาของหมู่บ้านน้อย ในบ้านของนายพรานที่ไม่มีคนอาศัยอยู่นานแล้วหลังหนึ่ง มู่ชิวหยางเห็นอวิ๋นซู่กำลังนั่งชมหิมะอยู่หน้าประตู
ข้างกายอวิ๋นซู่มีกงซุนฉางหลีนั่งอยู่ด้วย กงซุนฉางหลีนอนอยู่บนเก้าอี้หวายหุ้มหนังเสือตัวหนึ่งอย่างนิ่งสงบ ใบหน้าซีดเผือดจนไม่มีสีเลือดสักนิด
อวิ๋นซู่กุมมือเขาอย่างแผ่วเบา แววตาอ่อนโยนราวกับว่าคนที่ทำร้ายกงซุนฉางหลีจนกลายเป็นสภาพเช่นนี้ไม่ใช่ตัวเขาเอง เขาอมยิ้มหันไปมองกงซุนฉางหลีแล้วเอ่ยว่า “ฉางหลี เจ้าอย่ายั่วให้ข้าหงุดหงิดอีกเลย”
มู่ชิวหยางเดินเข้ามาในเรือน เมื่อได้ยินประโยคที่เสมือนรอยยิ้มซ่อนคมดาบประโยคนี้ ทั้งที่รู้ว่าคำพูดนี้มิได้กล่าวกับตนเอง แต่ไม่รู้อย่างไร เส้นขนทั่วร่างของเขากลับลุกชัน
เขาไม่เห็นใจกงซุนฉางหลี ไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้เขาก็รนหาที่เอง ผู้ใดให้เขาตัดสินใจโดยพลการพาอวิ๋นจูกลับไปคืนให้จีหมิงซิวกันเล่า
ทว่าหลังจากได้เห็นการกระทำของอวิ๋นซู่แล้ว เขาก็เกิดความกังวลว่าตนองอาจจะตกที่นั่งเดียวกันได้
“สืบข่าวได้ความว่าอย่างไรบ้าง” อวิ๋นซู่เอ่ยปากถามนิ่งๆ ไม่มีน้ำเสียงอ่อนโยนไปจนถึงกระดูกเช่นนั้นอีก
มู่ชิวหยางเรียกสติกลับมาคำนับอย่างนอบน้อม จากนั้นรายงานว่า “จีหมิงซิวตามหาอุโมงค์เข้าพระราชวังใต้ดินพบแล้ว มันอยู่ใกล้กับประตูตะวันออกของวังหลวง”
อวิ๋นซู่เอ่ยอย่างไม่แยแส “คงมิใช่ว่าเสแสร้งปั้นเรื่องหลอกลวง คิดล่อให้เจ้าลัทธิคนนี้ไปติดกับกระมัง”
มู่ชิวหยางคิดถึงการไล่ล่าสังหารตลอดทางที่ผ่านมานี้ แล้วตอบด้วยสีหน้ามั่นใจอย่างยิ่ง “เริ่มแรกพวกเขาอยากจะจับข้าเป็นๆ แต่ต่อมาเมื่อพบว่าจับตัวไม่ได้ จึงเปลี่ยนความตั้งใจคิดจะสังหารข้าให้ตายแทน พวกเขาไม่คิดจะปล่อยให้ข้ารอดกลับมาแม้แต่น้อย! ในเมื่อพวกเขาไม่อยากให้ข้ากลับมาแจ้งข่าวแก่เจ้าลัทธิ พวกเขาก็น่าจะตามหาอุโมงค์เส้นนั้นพบแล้วจริงๆ!”