ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่ 186 ไม่เห็นด้วย
คุณหนูกู้?!
กู้ซี!
กู้ซีจะดองกับสกุลเผยก็ดองกันไปสิ แล้วสกุลหยางถูกดึงเข้ามาเกี่ยวตั้งแต่เมื่อไร?!
ทุกคนมองหน้ากันไปมา
คุณหนูรองหน้าแดงก่ำเป็นสีเลือด นางเค้นเสียงลอดฟันว่า “สกุลหยางหมายความว่าอย่างไร? เหตุใดถึงมายุ่งกับเรื่องของพวกเราสกุลเผย?”
สกุลหยางเพิ่งจะหมั้นหมายกับคนของสกุลเผยไปหยกๆ ก็เริ่มมาจุ้นเรื่องของสกุลเผยเสียแล้ว ทั้งยังเป็นสกุลสามีในอนาคตของคุณหนูรองอีก ก็มิแปลกที่คุณหนูรองจะเดือดดาล
อวี้ถังอยากกล่อมนางสักสองสามคำ แต่ในใจก็ตีกันวุ่น มุมปากพะงาบเปิดปิด กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
คุณหนูสกุลเผยคนอื่นๆ เพิ่งจะดึงสติกลับมาได้
คุณหนูสามรีบขอโทษด้วยสีหน้ารู้สึกผิด นางเอ่ยกับอวี้ถังเสียงเบาว่า “พี่อวี้ พวกเราคงไปส่งท่านไม่ได้แล้ว เรื่องเกิดกะทันหัน ผู้อาวุโสในจวนคงไม่มีกะใจคิดถึงเรื่องอื่น รอให้ปัญหาจัดการเรียบร้อยแล้ว ข้าจะไปเชิญพี่อวี้มาเป็นแขกที่จวนด้วยตนเองเจ้าค่ะ”
อวี้ถังอยากจะตอบว่า ‘ไม่เป็นไร’ แต่ลำคอคล้ายถูกบางสิ่งอุดเอาไว้ คนที่ปกติพูดจาคล่องแคล่วอย่างนาง เวลานี้กลับหาเสียงตัวเองไม่พบ
นางปล่อยให้ซวงเถาพยุงไป เดินออกจากจวนสกุลเผยด้วยขาที่ยกสูงบ้างต่ำบ้าง นางขึ้นนั่งบนเกี้ยว จากนั้นก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาถึงเรือนที่ตรอกชิงจู๋ตั้งแต่เมื่อไร
คนสกุลเฉินถามอย่างตกใจว่า “เจ้าเป็นอะไรไป? อากาศหนาวขนาดนี้ ทำไมเหงื่อออกเต็มหน้า? หน้าเจ้าก็ขาวยิ่งกว่ากระดาษเสียอีก?” พอพูดจบ นางก็เริ่มร้อนใจขึ้นมาด้วย ร้องเรียกซวงเถาเสียงดังว่า “มิใช่ไปพบท่านแม่เฒ่าสกุลเผยรึ? ทำไมกลับมาในสภาพนี้? มีใครรังแกเจ้าอย่างนั้นรึ? หรือท่านแม่เฒ่าสกุลเผยพูดอะไร?”
สองมือของนางบีบแน่น คล้ายว่ากำลังต่อสู้อยู่กับอะไรบางอย่าง
อวี้ถังเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็ว นางคล้องแขนมารดาเอ่ยกระซิบบอกว่า “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้เป็นอะไร เพียงแค่ที่จวนสกุลเผย…”
นางได้ยินว่าสกุลหยางมาเป็นแม่สื่อให้กู้ซี ในใจพลันไม่อาจเป็นสุข คิดอะไรไม่ออกก็เท่านั้น
อวี้ถังกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองเป็นอะไร?
กู้ซีชอบพอเผยเยี่ยน ไม่เพียงแค่นาง กระทั่งผู้อาวุโสในสกุลเผยก็คล้ายว่าจะมองออก
นางมิใช่รู้แต่แรกแล้วหรอกหรือ?
เหตุใดตอนนี้แค่สกุลกู้ทำเรื่องราวให้ชัดเจนขึ้น นางกลับรู้สึกเจ็บปวดเพียงนี้?
ใช่แล้ว เป็นความเจ็บปวด
นางไม่ชอบกู้ซี แค่คิดว่าต้องมีสักวันที่กู้ซีได้ยืนเคียงข้างเผยเยี่ยน ต้องมีสักวันที่เผยเยี่ยนจะเผยความอ่อนโยนและรอยยิ้มที่ไม่เคยมีใครได้เห็นต่อหน้ากู้ซี อวี้ถังก็รู้สึกเจ็บแปลบในอกแล้ว
ต้องเป็นเพราะว่านางเห็นเผยเยี่ยนเป็นผู้มีพระคุณแน่ ถึงไม่อยากให้สตรีอย่างกู้ซีมาดูหมิ่นเขา
ใช่แล้ว จะต้องเป็นแบบนั้นแน่
นางถึงได้รู้สึกเจ็บปวดมากขนาดนี้
อวี้ถังถอนหายใจเฮือก เพิ่งรู้สึกถึงไออุ่นของมือเท้า และความอุ่นสบายที่ไหลวนอยู่ในอากาศ
นางคล้ายตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายอย่างกะทันหัน
มือและขากลับมามีกำลังอีกครั้ง สมองก็แล่นปราดอย่างรวดเร็ว
“ท่านแม่” อวี้ถังพยายามพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “ท่านอย่ากังวลใจเลย เป็นสกุลกู้เจ้าค่ะ ท่านยังจำได้หรือไม่? คุณหนูกู้ที่มาเป็นแขกของจวนสกุลเผยพร้อมกับข้าอย่างไรเล่า วันนี้มีแม่สื่อมาคุยเรื่องนาง อยากจะผูกด้ายแดงให้นางกับนายท่านสามสกุลเผย ข้าถึงได้รู้สึกตกใจ”
สายตาที่คนสกุลเฉินลอบประเมินนางยังมีความเคลือบแคลงอยู่ “จริงรึ? ใกล้จะออกจากไว้ทุกข์ให้ท่านผู้เฒ่าแล้ว งานแต่งของนายท่านสามก็สมควรตระเตรียมล่วงหน้า เจ้าจะตกใจทำไม? อย่าคิดมาหลอกข้าเลย!”
“เปล่านะเจ้าคะ” อวี้ถังยืนยันอีกครั้ง “ข้าแค่ประหลาดใจจริงๆ แต่ก่อนรู้สึกว่าคุณหนูกู้อายุรุ่นราวคราวเดียวกับข้า ผลปรากฏว่าคุณหนูกู้อาจจะต้องกลายเป็นภรรยาของนายท่านสามเสียอย่างนั้น…ท่านพอนึกออกไหมเจ้าคะ?”
คำพูดของนางโน้มน้าวคนสกุลเฉินได้ในที่สุด คนสกุลเฉินหัวเราะแล้วพูดว่า “เจ้าเด็กคนนี้ ทำเอาข้าตกอกตกใจหมด ก็เพราะสกุลเรามีลูกหลานน้อย เจ้าถึงไม่เคยเจอปัญหาของพวกเรือนในอย่างไรเล่า ถึงได้รู้สึกประหลาดใจ เหมือนอย่างป้าสะใภ้ของเจ้านั้น นางก็อายุมากกว่าน้องสาวสามีของตัวเองไม่กี่เดือน สองคนเติบโตมาด้วยกัน ทั้งยังแต่งงานปีเดียวกันเสียด้วย”
อวี้ถังยู่ปาก
อย่างไรนางก็คิดว่ากู้ซีไม่คู่ควรกับเผยเยี่ยนอยู่ดี
นางให้อาเสาคอยจับตาฟังข่าวของสกุลเผยไว้
งานแต่งงานของเผยเยี่ยนนับเป็นเรื่องใหญ่ของสกุลเผย เกี่ยวพันถึงว่าใครจะได้เป็นนายหญิงของบ้านสายหลัก ทั้งสกุลเผยยังเป็นสกุลใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองหลินอัน ต่อให้สกุลเผยอยากจะจัดงานอย่างเงียบๆ แต่ก็คงไม่อาจทำเช่นนั้นได้
วันที่สองอาเสาก็นำข่าวกลับมา บอกว่าสกุลกู้จะดองกับสกุลเผยแล้ว
อวี้ถังชะงักไป
เมื่อวานตอนที่ถูกมารดาถาม นางก็เริ่มสงบใจลง แล้วกลับห้องไปพิจารณาดูอีกครั้ง หากว่าเผยเยี่ยนตกลงแต่งงานกับสกุลกู้จริง ท่านแม่เฒ่าสกุลเผยก็ควรจะแสดงท่าทีพอใจกู้ซีบ้าง แต่ตอนที่อยู่คฤหาสน์นอกเมือง มองออกว่าท่านแม่เฒ่าไม่ใคร่จะแยแสกู้ซีสักเท่าไร ท่านหญิงเสิ่นที่มาพร้อมกับกู้ซียังไปล่วงเกินท่านแม่เฒ่าสกุลเผยอีก สิ่งที่เรียกว่าเกี่ยวดองนั้น คงเป็นความปรารถนาของสกุลกู้ฝ่ายเดียวมากกว่า
เวลานี้พอได้ยินอาเสารายงาน นางจึงเริ่มสงสัยข้อสันนิษฐานเดิมที่ตนคิดเอาไว้ทันที
ไม่แน่ท่านแม่เฒ่าสกุลเผยอาจพอใจในตัวกู้ซีมาก ดังนั้นเมื่อเห็นนายหญิงเสิ่นพูดจาไม่เข้าหู จึงได้บันดาลโทสะแล้วขับไล่นายหญิงเสิ่นออกไป ไม่เช่นนั้นคนที่ใจคอกว้างขวางอย่างท่านแม่เฒ่า ก็ไม่น่าจะมีปฏิกิริยาตอบโต้รุนแรงเช่นนี้
ภายหลังนางยังให้คนไปส่งกู้ซีล่วงหน้า เหตุเพราะต้องการคุยเรื่องงานหมั้นหมาย หากว่ากู้ซียังพักอยู่ที่สกุลเผยคงจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก?
ไม่เช่นนั้น สกุลหยางที่เพิ่งจะตกลงหมั้นหมายกับสกุลเผย ทั้งยังไม่ได้ประกาศเรื่องนี้ให้ทุกคนทราบด้วยซ้ำ จะสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องการเกี่ยวดองของสกุลกู้กับสกุลเผยได้อย่างไร
สกุลหยางหาใช่ครอบครัวตกอับ ที่จะไม่เข้าใจมารยาทเสียหน่อย!
อวี้ถังยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเข้าเค้า
หัวใจนางเหมือนแผ่นเหล็กที่ถูกเผา พลิกไปพลิกมา ไม่รู้ว่าเป็นรสชาติใดกันแน่
นางเดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง
ซวงเถาที่ช่วยนางเก็บของอยู่มองตามจนตาลาย จึงเอ่ยอย่างทนไม่ไหวว่า “คุณหนู ท่านคิดอะไรอยู่เจ้าคะ? นายท่านกับนายหญิงรักใคร่ท่านปานนี้ หากว่าท่านพูดออกไป พวกเขาจะต้องตอบตกลงแน่ ไฉนต้องร้อนใจเพียงนี้ด้วย? อยากทำอะไรก็ไปทำเสียเถอะเจ้าค่ะ!”
อวี้ถังตะลึงงัน
นางยังสู้ซวงเถาไม่ได้ด้วยซ้ำ?
นางมัวร้อนรนอยู่ในห้องจะมีประโยชน์อะไร หากงานแต่งของสกุลกู้กับสกุลเผยกำหนดไว้แล้ว ต่อให้กู้ซีมิใช่คนที่จะใช้เชิดหน้าชูตาได้ แต่สกุลเผยก็ต้องเห็นแก่หน้าสกุลกู้อยู่ดี แล้วยอมผ่อนปรนให้นาง อย่างมากก็แค่ส่งกู้ซีไปบำเพ็ญภาวนาที่วัด หากเป็นเช่นนั้น ทั้งชีวิตของเผยเยี่ยนคงจบสิ้นแล้ว…ภรรยาไร้คุณธรรมบุตรอกตัญญู กระทั่งเรื่องในครอบครัวยังจัดการไม่ได้ ยังจะยกเรื่องของสกุลมาพูดได้อีกหรือ?
ไม่ได้ นางจะมองดูกู้ซีแต่งกับเผยเยี่ยนโดยไม่ทำอะไรสักอย่างไม่ได้
นางยังต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในเมืองหลินอันนะ!
มิใช่ว่าเรื่องราวจะซ้ำรอยกับชาติก่อน นางต้องคอยสู้รบปรบมือกับกู้ซีชั่วชีวิต
ทันใดนั้นหัวใจของนางคล้ายกระอักเลือดร้อนออกมา ทำให้นางทรมานไปทั่วร่าง
ชาติก่อน นางอาศัยว่าตนโดดเดี่ยวถึงหนีไปจากสกุลหลี่ จนพบเจอเรื่องราวมากมายต่อจากนั้น บัดนี้นางใช้ชีวิตมาตั้งสองชาติ เหตุใดยังขี้ขลาดหัวหดอยู่อีก ยังสู้คุณหนูที่เปล่าเปลี่ยวตัวคนเดียวเมื่อชาติก่อนไม่ได้เลย
เมื่อบอกให้ทำ นางก็จะทำเสียเลย
อวี้ถังรีบเขียนจดหมายแล้วให้อาเสานำไปส่งที่จวนสกุลเผย ทั้งกำชับเขาว่า “จะต้องมอบให้ถึงมือนายท่านสาม หากว่าหานายท่านสามไม่พบ ก็ฝากไว้กับพ่อบ้านใหญ่หรืออาหมิงก็ได้ บอกพวกเขาว่าข้ามีเรื่องด่วนต้องการพบนายท่านสาม เกี่ยวพันถึงหลายฝ่าย ขอให้นายท่านสามหาเวลาพบข้าให้ได้”
อาเสารับจดหมายแล้วจากไป กลับมาถึงก็รายงานต่อนางว่า “วันนี้นายท่านสามต้องรับแขกทั้งวันขอรับ ถามท่านว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยไปที่จวนได้หรือไม่? หากว่ารอถึงพรุ่งนี้เช้าไม่ไหว ก็เขียนใส่กระดาษให้ข้านำไปส่งได้ขอรับ ทั้งยังบอกกับพ่อบ้านใหญ่ด้วยว่า หากข้าขอพบ ก็ให้พาข้าไปพบเขาโดยตรงได้เลย”
พรุ่งนี้น่าจะยังทันกระมัง?
อวี้ถังดีดลูกคิดในใจ ปากก็เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “วันนี้นายท่านสามต้องรับแขกทั้งวัน? รู้หรือไม่ว่าเป็นแขกคนไหนบ้าง?”
ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกับเรื่องงานแต่งของกู้ซีกับเผยเยี่ยนหรือไม่?
อาเสาส่ายหน้า “ข้าได้ยินแค่ว่าท่านเสิ่นมาหาแต่เช้า ภายหลังก็มีคนจากสกุลกู้แห่งหังโจวมาอีก นายท่ายสามอยู่ในห้องหนังสือที่สวนไม่ได้ออกมา ตอนที่ข้าไปหา ก็เป็นอาหมิงที่ช่วยรายงานให้ขอรับ”
ท่านเสิ่นก็อยู่ที่จวนสกุลเผย!
สกุลกู้ก็ส่งคนมาอีก!
อวี้ถังพลันรู้สึกตึงเครียด จากนั้นก็แอบดีใจ หากว่าตนไม่รีบตัดสินใจแต่แรกเช่นนี้ รอให้เจอเผยเยี่ยนอีกทีก็คงเป็นวันแต่งงานของเขาแล้ว
นางกลับไปที่ห้อง อดจะกอดซวงเถาทีหนึ่งไม่ได้ “วันนี้ต้องขอบคุณเจ้า รอถึงเวลาเจ้าออกเรือน ข้าจะให้รางวัลเป็นเครื่องประดับเงินหนึ่งชุดเลย”
ซวงเถาถูกนางทำให้มึนตึบ แต่ตอนแต่งงานสามารถได้รับของขวัญเป็นเครื่องประดับเงินจากสกุลนายจ้าง นับเป็นเรื่องมีหน้ามีตาอย่างยิ่ง นางหน้าแดงแจ๋แล้วเอ่ยถามอวี้ถังว่า “คุณหนู ท่านทำให้ข้าสับสนไปหมดแล้ว…เหตุใดท่านต้องให้รางวัลข้าด้วยเจ้าคะ?”
อวี้ถังชะงักไป จากนั้นก็หัวเราะเสียงดัง “ถ้าเจ้าไม่รู้ก็ไม่ต้องรู้หรอก จำไว้ก็พอว่า ตอนที่เจ้าออกเรือนอย่าลืมเตือนว่าข้าติดเครื่องประดับเงินเจ้าไว้หนึ่งชุดก็พอแล้ว”
ซวงเถาไม่แน่ใจว่าอวี้ถังกำลังล้อเล่นหรือจะให้รางวัลนางจริงๆ นางนำเสื้อผ้าหน้าร้อนที่คนสกุลเฉินตัดใหม่ให้อวี้ถังไปใส่ไว้ในตู้เก็บของ
เช้าวันต่อว่า เผยเยี่ยนก็มาเจออวี้ถังที่ศาลาเหมันต์หลังซึ่งเคยพบกับอวี้ถังเมื่อครั้งก่อน
สวนป่ายามฤดูใบไม้ผลิ เป็นฉากที่งดงามไปอีกแบบ นอกจากต้นไม้ใหญ่ชอุ่มเขียว ใบหลิวสีเงินที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ ก็ยังมีดอกไม้ป่าดอกเล็กสีสันสดใสโผล่ขึ้นมาจากลำธาร ผีเสื้อและผึ้งบินว่อน เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งวสันต์ ทั้งอากาศก็เริ่มจะอุ่นขึ้นแล้ว
อวี้ถังสงสัยว่าช่วงนี้เผยเยี่ยนงานยุ่งเป็นพิเศษหรือไม่ ดอกไม้ป่าพวกนี้ถึงได้แทงยอดแล้วเติบโตอย่างเหิมเกริมเช่นนี้ หรือพวกสาวใช้กับเด็กรับใช้จะวุ่นวายจนไม่มีเวลามาถอนดอกไม้พวกนี้ทิ้ง หรือเพราะต่อให้นั่งถอนทุกวันก็ไม่มีทางถอนหมดกันแน่?
เผยเยี่ยนมองสำรวจทั่วร่างของอวี้ถังอยู่หลายที
เทียบกับตอนที่อยู่อารามดับทุกข์ อวี้ถังคล้ายจะซูบเซียวไปเล็กน้อย แน่นอนว่าการซูบเซียวนี้มิได้หมายถึงรูปโฉม นางยังคงมีดวงหน้าเฉกดอกท้อ ดวงตาใสกระจ่าง โดดเด่นสะดุดตาดั่งบุปผาที่ปลายกิ่ง แต่เป็นความมีชีวิตชีวาของนางต่างหากที่ซูบเซียวไป คล้ายไม่ค่อยพอใจ หรือได้รับความเจ็บช้ำน้ำใจอย่างนั้น
แต่ช่วงนี้เขาไม่เห็นจะได้ยินว่าสกุลนางเกิดเรื่องอะไรขึ้นนี่!
เผยเยี่ยนครุ่นคิดในใจ น้ำเสียงที่เปล่งออกมากลับราบเรียบ ทำให้คนฟังแยกอารมณ์ไม่ออก “เกิดเรื่องอะไรล่ะ? เจ้ากระหืดกระหอบมาแบบนี้ มิใช่ไปก่อเรื่องอะไรเข้าอีกแล้ว?”
คิดถึงตอนแรก นางเคยแอบอ้างชื่อของสกุลเผยไปหลอกลวงคนอย่างเหิมเกริมที่ด้านนอกโน่น
อวี้ถังโมโหจนทนไม่ไหว
นางไม่น่ามาบอกเขาแต่แรกเลย
ทำไมไม่มีสักคำที่ฟังรื่นหูเลยนะ
เนื้อหาที่เตรียมไว้เมื่อคืนวานถูกโยนทิ้งไว้เบื้องหลัง “ข้าได้ยินว่านายท่านสามกำลังจะแต่งงานกับคุณหนูกู้ คำนึงถึงสิ่งที่นายท่านสามเคยช่วยเหลือสกุลอวี้ของเรามาก่อน จึงมีความในใจอยากบอกให้ฟัง ไม่อาจเก็บงำไว้ได้ หากว่าไม่เข้าหู ขอนายท่านสามเห็นแก่ความจริงใจของข้า อย่าได้กล่าวโทษกันเลย”
มีคนที่อยากพูดเรื่องงานแต่งของสกุลเผยกับสกุลกู้โผล่มาอีกคนหนึ่งแล้ว
เผยเยี่ยนเลิกคิ้วขึ้น เอ่ยว่า “เช่นนั้นก็อย่าพูดสิ!”