ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่ 227 ขอโทษ
คำพูดหยอกเย้าของเถาชิงทำให้เผยเยี่ยนไม่พอใจอย่างยิ่ง
เขาปฏิบัติต่ออวี้ถังเหมือนเห็นเป็นผู้น้อย เถาชิงทำเช่นนี้ไม่เคารพอวี้ถังเกินไปแล้ว
เผยเยี่ยนเปลี่ยนสีหน้าทันที เอ่ยอย่างเรียบเย็น “เถาจวี่เหรินพูดเรื่องอะไร? นายหญิงอวี้เป็นมารดาของแขก ไฉนพอเจ้าพูดกลับเป็นคนของข้าไปได้?”
เถาชิงมองเขา ลอบชมในใจ
นี่คือเขินอายจนกลายเป็นโมโห!
ยังพูดว่าไม่เกี่ยวอะไรกับเขา?
แต่ว่า เขาก็เคยก้าวผ่านช่วงหนุ่มสาวมา เรื่องเช่นนี้เขาย่อมเข้าใจดี
เถาชิงหัวเราะขึ้นมาสองครั้ง ไม่พูดประเด็นนี้อีก ในใจกลับเอาแต่คิดว่า อีกเดี๋ยวต้องส่งคนไปสืบความเป็นมาคุณหนูอวี้ผู้นี้เสียหน่อย หากเกี่ยวข้องกับงานแต่งของเผยเยี่ยน ต้องหาวิธีผูกมิตรล่วงหน้า
เขาดึงเผยเยี่ยนกลับสู่ประเด็นหลัก “ข้าเข้าใจความหมายของเจ้า คาดว่ากู้เจาหยางก็คงเตรียมใช้วิธีนี้แก้ไขวิกฤตครั้งนี้ของพวกเราเช่นกัน แต่ว่า เรื่องล้มเลิกสำนักตรวจสอบการค้าทางทะเลของเฉวียนโจวและหนิงปัว เจ้ามีความเห็นอย่างไรกัน?”
ในเมื่อเถาชิงไม่เอ่ยถึงเรื่องนั้นแล้ว เผยเยี่ยนก็ย่อมไม่พูดอีก
สีหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อย ถกเรื่องเมื่อครู่ที่พูดค้างไว้กับเถาชิงต่อ “ไม่ว่าข้าจะมองอย่างไรล้วนไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือ พวกเราจำเป็นต้องทำเช่นนี้หรือไม่?” ขณะที่เขาพูด ก็ปรายสายตาหยุดลงที่นายท่านสี่สกุลซ่งซึ่งกำลังโต้คารมกับนายท่านใหญ่สกุลอู่ “นี่เป็นเรื่องที่เคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็สามารถกระทบกันเป็นวงกว้าง กลัวเพียงว่าหลังจากเกิดเรื่องจะยากจัดการเท่านั้น!”
เถาชิงไม่คิดเช่นนั้น เอ่ยว่า “ไม่รื้อทำลายย่อมไม่อาจสร้างใหม่ แม้ว่าพวกเราไม่ลงมือ ก็ย่อมมีคนอื่นลงมือแทนพวกเราอยู่ดี”
“เช่นนั้นก็รอคนพวกนั้นลงมือก่อนค่อยว่ากัน” เผยเยี่ยนก้มหน้า ใช้นิ้วโป้งลูบขอบถ้วยชาเบาๆ เอ่ยว่า “พวกเราไม่อาจลงมือก่อนได้ ไม่อย่างนั้นย่อมยากที่จะจัดการ”
เถาชิงเงียบไปพักใหญ่ เมื่อเปิดปากอีกครั้ง พวกสกุลอู่และสกุลซ่งก็โต้เถียงกันเสร็จแล้ว เอ่ยรั้งกู้เจาหยางอยู่ตรงนั้น “พวกเราสืบหาให้ละเอียดก่อนว่าตกลงเงินสองแสนตำลึงนั้นมาจากสกุลใด! ไม่อย่างนั้นพูดเรื่องอื่นเท่าใดก็ล้วนไร้ประโยชน์” เถาชิงเผยสีหน้าไร้อารมณ์ กดเสียงเบาว่า “เช่นนั้นก็ฟังเจ้า”
หากไม่มีแผนที่เดินเรือแผ่นนั้น เขาอาจจะไม่เข้าใจตัวตนที่แท้จริงของเผยเยี่ยนว่าเป็นคนอย่างไรไปตลอดกาล ทั้งคงไม่ร่วมมือกับเขาหลังจากเรื่องนั้นอีกแล้ว
เผยเยี่ยนก็กดเสียงเบา เอ่ยว่า “เช่นนั้นก็จัดการเรื่องที่ไหวอันให้แล้วเสร็จก่อน…” เพียงแต่ยังไม่รอให้เขาพูดจบ ทางนายท่านใหญ่สกุลเผิงก็หมุนตัวทอดมองมายังเผยเยี่ยนและเถาชิงเสียก่อน “พวกเจ้าสองคนนั่งอยู่ตรงนั้นทำไมกัน? มีคำพูดอะไรก็กล่าวต่อหน้าทุกคน มีเรื่องลำบากใจก็พูดออกมาได้ หลายหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว พวกเราทุกคนล้วนช่วยเหลือพวกเจ้าออกความเห็น”
เขามักรู้สึกว่าเผยเยี่ยนและเถาชิงกลายเป็นพันธมิตรกันนานแล้ว ไม่อาจปล่อยให้พวกเขาสองคนดำเนินการเพียงลำพังได้
เถาชิงหัวเราะ
นายท่านใหญ่สกุลเผิงคิดอย่างไร เขากระจ่างใจดี แต่สถานการณ์นี้ เขาไม่จำเป็นต้องล่วงเกินสกุลเผิง พาให้เกิดปัญหายิบย่อย
“ได้สิ!” เขาเอ่ยอย่างเปิดเผย “ข้าและสยากวงล้วนชอบความเงียบสงบเกลียดความวุ่นวาย เห็นว่าพวกเจ้าคุยกันคึกคัก จึงไม่ได้เข้าไปร่วมสนุกด้วย พวกเราทั้งสอง เมื่อครู่กำลังคุยเรื่องของหวังชีเป่า ปรึกษาว่ายามที่ไปพบเขาควรส่งของอะไรให้ดี”
ยามนี้ทุกคนต่างกระตือรือร้นขึ้นมา
หากสามารถทำความเข้าใจ ทราบถึงความชอบของหวังชีเป่าจากเผยเยี่ยนได้ หากมีคราวที่ตีตัวออกจากเผยเยี่ยน พวกเขาก็สามารถสานสัมพันธ์กับหวังชีเป่าได้ไม่ใช่รึ?
ห้องโถงคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง
อาหมิงกลับสืบได้ว่าเดิมทีอวี้ถังก็ไม่ได้ป่วยอันใด ไม่เพียงเท่านี้ อวี้ถังยังเที่ยวเล่นกับคุณหนูสวีอยู่ค่อนวัน
แล้วเขาต้องตอบกลับนายท่านสามอย่างไรกัน?
อาหมิงเกาศีรษะ คิดอยู่พักใหญ่ก็คิดไม่ออก จึงวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากเผยหม่าน
เผยหม่านยุ่งตัวเป็นเกลียว ไหนเลยจะมีเวลามาสนใจเขา ทั้งเห็นว่าเขาเกาะแกะตัวเองไม่ไปไหน จึงเอ่ยอย่างหงุดหงิดใจ “แน่นอนว่ามีอะไรก็พูดอย่างนั้น? หรือยังจะพูดโกหกต่อหน้านายท่านสามอย่างนั้นรึ? ยิ่งไปกว่านั้น คำโกหกมักต้องการคำโกหกนับไม่ถ้วนมาปิดบัง เจ้าคิดว่าเจ้ามีความสามารถปิดบังนายท่านสามได้อย่างนั้นรึ?”
อาหมิงสั่นศีรษะราวกับกลองไม้เขย่า ตัดสินใจทำตามคำพูดของเผยหม่านกลับไปหาเผยเยี่ยน
เผยเยี่ยนได้ยินว่าอวี้ถังแกล้งป่วย สีหน้าก็แปลกประหลาดยิ่ง ในใจกลับขบคิด กำลังโกรธเขาดังคาด ไม่เพียงแกล้งป่วยไม่ออกไปไหน ยังหลบอยู่กับคุณหนูสวี พรุ่งนี้ก็เป็นงานบรรยายธรรมแล้ว สกุลอวี้จะมอบกล่องบริจาค สตรีของสกุลเผยจะบริจาคธูปหอม นางไม่อาจหลบต่อไปได้!
แต่ว่าก็ไม่แน่
แต่ไหนแต่ไรนางก็ไม่ทำเรื่องธรรมดาที่คนเขาทำกัน
ยามนี้นางโกรธเขา หากวันนี้วันเดียวไม่ออกไปไหน บางทีเขาก็อาจจะไม่รู้ มีเพียงงานบรรยายธรรมของพรุ่งนี้ หากนางไม่ปรากฏตัวอีก เขาย่อมรู้แน่
บางทีนางเพียงอยากจะทำเรื่องนี้ให้เป็นธรรมชาติ วันนี้แกล้งป่วย พรุ่งนี้ไม่ออกไป ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แม้ว่าเขาจะรู้ ก็ไม่แน่ว่าจะทราบเรื่องที่นางแกล้งป่วย
เขาควรจะเล่นละครเป็นเพื่อนนางหรือไม่?
ในสมองมีความคิดวาบผ่านขึ้นมา เผยเยี่ยนรู้สึกว่าไม่เหมาะสมทันที
งานวันพรุ่งนี้สำคัญอย่างยิ่ง หากนางไม่ปรากฏตัว ย่อมไม่คุ้มค่า
ยามนี้ควรทำอย่างไรดี?
สมองของเผยเยี่ยนแล่นปราดอย่างว่องไว
คิดไปคิดมา รู้สึกว่าต้องทำให้อวี้ถังเปลี่ยนความคิดเสียหน่อย
ส่วนเรื่องที่นางโกรธเขา เขาต้องคิดให้ไกลหน่อย รองานบรรยายธรรมสิ้นสุดแล้ว ค่อยคิดบัญชีกับนางยังไม่สาย
เมื่อเผยเยี่ยนตัดสินใจได้ ย่อมทำเรื่องอย่างรวดเร็วและเฉียบขาด
เขาหยัดกายขึ้น เอ่ยกับพวกนายท่านใหญ่สกุลเผิงที่กำลังปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรถึงจะสืบได้ว่าเงินสองแสนตำลึงมาจากสกุลใด “มีเรื่องเร่งด่วนเล็กน้อย ข้าจะออกไปสักพัก ทุกคนพูดคุยกันแล้วมีผลลัพธ์อย่างไร ค่อยมาบอกข้าก็ไม่สาย”
พูดจบก็ไม่รอให้พวกนายท่านใหญ่สกุลเผิงได้เอ่ยอันใด สาวเท้าออกจากห้องโถงอย่างว่องไว ก่อนจะหยุดที่ระเบียงด้านนอก กำชับกับเผยชี “เจ้าไปเชิญท่านชูเข้ามา!”
คำพูดเพิ่งจะออกมา ก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม
ทุกสกุลต่างพาผู้ช่วยและคนสนิทมาไม่น้อย ชูชิงต้องต้อนรับคนพวกนี้แทนเขา ยิ่งไปกว่านั้นชูชิงผู้นี้ยังเป็นคนละเอียดรอบคอบ คิดหน้าคิดหลัง หากเขาปรึกษากับชูชิงเรื่องจะขอโทษอวี้ถังอย่างไร ชูชิงย่อมคิดว่าเขาทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
แม้เขาก็รู้สึกว่าตัวเองทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่อยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ว่าอวี้ถังผู้นี้คบค้าสมาคมยากอย่างนั้นรึ?
นางอาจจะไม่ออกมางานบรรยายธรรมของพรุ่งนี้จริงๆ ก็ได้!
“ชูชิงติดธุระ อย่าไปหาเขาเลยดีกว่า” เผยเยี่ยนเปลี่ยนความคิดอย่างว่องไว “ข้าคิดว่า ไม่อย่างนั้นชิงหยวนมา…”
ชิงหยวนละเอียดถี่ถ้วน ทั้งเป็นผู้หญิงเหมือนกัน คงจะรู้ว่าอวี้ถังชอบสิ่งใด
เผยชีไม่คิดมาก รับคำสั่งก็หมุนกายออกไป
เผยเยี่ยนคิดว่าไม่เหมาะสมอีกครั้ง
ชิงหยวนเป็นสาวใช้ข้างกายเขา สายตาความคิดย่อมไม่เหมือนอวี้ถัง สิ่งที่ชิงหยวนชอบไม่แน่ว่าจะเป็นสิ่งที่อวี้ถังชอบเสมอไป หากให้นางรู้ว่าของที่เขาใช้ขอโทษนางเป็นของที่ชิงหยวนชื่นชอบ บางทีอาจจะคิดว่าเขากำลังดูแคลนนาง ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่
“เผยชี เจ้ารอเดี๋ยว!” เขาตะโกนเรียกเผยชีกลับมา ยืนคิดอย่างสุดความสามารถว่าจะขอโทษอวี้ถังอย่างไรดี
เผยชีไม่รู้ว่าเผยเยี่ยนกำลังจะทำอะไร แต่เห็นเขามีสีหน้าลำบากใจ จึงอดเอ่ยไม่ได้ “นายท่านสาม นี่ท่านพบเรื่องยุ่งอะไรมาหรือขอรับ? ต้องการให้เรียกอาหม่านเข้ามาหรือไม่?”
คำพูดของเขาเตือนสติเผยเยี่ยน เผยเยี่ยนเอ่ยว่า “ไม่ต้อง เจ้าไปเรียกหูซิ่งเข้ามา”
เผยชีวิ่งเหยาะๆ ไปตลอดทาง เรียกหูซิ่งเข้ามา
เผยเยี่ยนถามหูซิ่งอย่างตรงไปตรงมา “ข้าล่วงเกินคุณหนูอวี้ เจ้าคิดว่าข้าส่งของอะไรให้นาง นางถึงจะให้อภัย?”
อะไรที่เรียกว่า ‘ล่วงเกินคุณหนูอวี้?’
ในสมองของหูซิ่งมีเสียงวิ้งๆ ดังเต็มไปหมด คิดว่าตัวเองหูฝาดไป
เขาพุ่งสายตามองไปที่เผยเยี่ยน กลับเห็นเผยเยี่ยนกำลังรอเขาตอบกลับด้วยใบหน้าจริงจัง
หูซิ่งอดขยี้ตาตัวเองไม่ได้ เผยเยี่ยนที่เรียกเขามากลับไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย “เจ้าเป็นอะไร? นอนไม่พอ? เช่นนั้นเจ้าก็ไปพักผ่อนก่อน ข้าจะหาคนอื่นมาถาม”
เขาไหนเลยจะกลับไปพักในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ได้?
นี่เป็นยามที่เขาต้องแสดงความสามารถ เป็นยามที่เขาจะแบ่งเบาความทุกข์ของเจ้านาย เขาจะละทิ้งอย่างง่ายดายได้อย่างไร?
หูซิ่งเร่งเอ่ยว่า “ไม่ใช่ขอรับๆ ข้ากำลังครุ่นคิดคำพูดของท่าน” ความจริงในใจเขานั้นว่างเปล่า เดิมทีก็ยังไม่มีความคิด แต่นี่กลับไม่อาจขัดขวางเขาได้ เขาถ่วงเวลาไปพลาง พยายามหาวิธีไปพลาง ทั้งยังชำเลืองหางตามองเผยเยี่ยน พินิจว่าคำตอบของตัวเองทำให้เผยเยี่ยนพอใจหรือไม่ “พวกคุณหนูล้วนชื่นชอบดอกไม้ แต่ธรรมเนียมระหว่างชายหญิงเคร่งครัด แม้จะกล่าวว่าท่านเป็นผู้ใหญ่ แต่อย่างไรก็ไม่เหมาะอยู่บ้าง ตามหลักเครื่องแป้งเครื่องประทินโฉมก็ไม่เหมาะเช่นกัน คุณหนูอวี้เป็นคนสดใสจริงใจ ไม่เหมือนหญิงสาวในห้องหับทั่วไป เป็นคนใจกว้าง ข้าคิดว่านางย่อมชอบให้กระทำหรือพูดอย่างตรงไปตรงมา ของขวัญยามปกติที่พวกเรามักส่งให้…”
เผยเยี่ยนรู้สึกว่าเขาพูดจายืดยาว ตอนแรกไม่ได้ให้ตำแหน่งที่สำคัญกับเขาคงเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว
“เช่นนั้นก็ส่งพวกผลไม้ขนมอะไรไปก็เพียงพอแล้วขอรับ” คำพูดของหูซิ่งก็ย้ำเตือนเขาจริงๆ ในเมื่อเสื้อผ้าเครื่องประดับล้วนไม่เหมาะสม เช่นนั้นก็ส่งของกิน
ไม่ใช่ว่าสกุลอวี้ก็ชอบทำขนมให้เขาหรอกรึ?
ยามนี้เขาหวนคิด เหมือนว่าอวี้ถังจะชอบกินผลไม้
“อิงเถาคงจะขึ้นตลาดแล้วกระมัง?” เผยเยี่ยนเอ่ยต่อ “ส่งไปให้นายหญิงอวี้และคุณหนูอวี้สองตะกร้า ยังมีลูกพลัมและแตงหวานที่เพิ่งวางขายไม่กี่วันมานี้ ส่งเข้าไปสองตะกร้าเช่นกัน วอซือถังของเมืองหลวง ขนมหนวดมังกรของหูเป่ยและหูหนาน ขนมข้าวเหนียวเย็นของเมืองเฟิงเจียงหนาน ครั้งก่อนข้าได้ยินท่านแม่เฒ่าพูดว่าอร่อย ส่งของพวกนี้เข้าไปทั้งหมดเช่นกัน จากนั้นพูดกับคุณหนูอวี้ว่า ขอให้นางหายโดยเร็ว พรุ่งนี้มาร่วมงานบรรยายธรรมแต่เช้าตรู่” ทั้งรู้สึกว่าพูดเช่นนี้ยังไม่มั่นใจว่าคุณหนูอวี้จะเชื่อฟังแต่โดยดี จึงเอ่ยอีกว่า “ยามที่เจ้าไป อย่าลืมบอกนางว่า พรุ่งนี้คุณหนูกู้ก็จะปรากฏตัวเช่นกัน”
นี่คือมอบหมายเรื่องนี้ให้เขาทำอย่างนั้นรึ?
หูซิ่งดีใจอย่างไม่คาดฝัน กลัวว่าเรื่องนี้จะหลุดมือ รีบรับปากทันที ไม่รอให้เผยเยี่ยนได้พูดอะไรอีกสองสามคำ ก็สาวเท้าออกไปแล้ว
เผยเยี่ยนคิดว่าหูซิ่งทำเรื่องไม่เหมาะสมเกินไป อยากจะเรียกเขากลับมากำชับสักสองสามประโยค แต่นายท่านใหญ่สกุลเผิงออกมาตามหาก่อน “นี่เจ้ากำลังทำอะไร? ทุกคนล้วนรอเจ้าอยู่ค่อนวันก็ยังไม่เห็นเจ้ากลับมา เร็วเข้า ยามนี้รอเจ้าเพียงคนเดียว พวกเราวางแผนจะแบ่งเงินสองแสนตำลึงนั่น บอกไปว่าเป็นพวกเราที่ร่วมกันส่งไป”
นี่เป็นความคิดของใครกัน!
โง่เขลาสิ้นดี!
เผยเยี่ยนก่นด่าอยู่ในใจ ไม่อยากให้คนในห้องโถงรู้ว่าเมื่อครู่เขาทำเรื่องอะไรไป จึงตามนายท่านใหญ่สกุลเผิงกลับห้องโถงอย่างรู้แล้วรู้รอดไป
ทุกคนต่างคอยเขาอย่างที่คาด
นายท่านสี่สกุลซ่งยังเสียงดังอยู่ตรงนั้น “สกุลอินและสกุลลี่ก็ขึ้นชื่อเรื่องความร่ำรวยเช่นกัน พวกเขาก็คงยอมแบกความรับผิดชอบส่วนหนึ่งกระมัง?”
ครั้งนี้สกุลอินแห่งเฉวียนโจวและสกุลลี่แห่งหลงเหยียนล้วนไม่มีคนมา
ไม่รู้ว่าจะอยากเข้าร่วมหรือไม่ หรือเพราะข่าวสารไม่ฉับไว ยังไม่ทราบเรื่องที่ราชสำนักต้องการยุบสำนักตรวจสอบการค้าทางทะเลของเฉวียนโจวและหนิงปัว
———————-