ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่ 248 สาวใช้
กู้ซีคิดว่า ระหว่างอวี้ถังและเผยเยี่ยนไม่ง่ายเสียแล้ว
ด้านคุณหนูอู่คิดว่า คุณหนูกู้ดึงนางเข้ามา หรือคิดบอกเป็นนัยว่าคุณหนูอวี้และเผยเยี่ยนมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกัน? แต่นางเพียงทำตามคำสั่งของผู้ใหญ่ในสกุลเท่านั้น ให้สร้างความประทับใจต่อหน้าเผยเยี่ยน ยามที่สกุลอู่ไปทาบทามสกุลเผย เผยเยี่ยนจะได้เคยเห็นหน้านางก่อน สามารถเพิ่มโอกาสขึ้นบ้างเท่านั้น
หรือนางยังกล้ายุ่งย่ามว่าเผยเยี่ยนชอบใครอย่างนั้นรึ?
แต่หากคุณหนูสกุลอวี้ผู้นี้โผล่ออกมา ชิงความโดดเด่นของนาง ทำให้นางสูญเสียตำแหน่งภรรยาของเผยเยี่ยน นางก็ไม่อาจอยู่เฉยๆ ถอนตัวออกไปอย่างเงียบๆ เช่นนี้ได้
คุณหนูอู่นึกถึงใบหน้าที่แทบจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบนั้นของเผยเยี่ยน อดลอบกัดฟันขึ้นมาไม่ได้
ไม่แปลกใจที่พวกคุณหนูสกุลหลีถึงได้แข่งขันกันอย่างดุเดือด เพื่จะได้แต่งให้กับลูกเขยที่มีความรู้ความสามารถรูปลักษณ์เหนือผู้อื่นดั่งเช่นเผยเยี่ยน ในฐานะสตรีแล้ว ชั่วชีวิตนี้ก็นับว่าพึงพอใจแล้วกระมัง?
ชั่วพริบตานั้นแววตาที่นางมองคนสกุลเฉินก็เปลี่ยนเป็นเฉียบคมขึ้นมาทันที “ช่างหายากจริงๆ นายท่านสามเผยยังส่งคนมาดูแลพวกเจ้าด้วย นี่นับว่าเป็นพระคุณอย่างสูงจริงๆ!”
คนสกุลเฉินกลับไม่ได้คิดมากขนาดนั้น
ฐานะทางสังคมของสกุลอวี้และสกุลเผยห่างไกลกันเกินไป อวี้ถังและเผยเยี่ยนก็อายุต่างกันไม่น้อย
นางได้ฟังก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย เอ่ยอย่างซาบซึ้งว่า “ลูกสาวสามารถฟื้นเร็วเช่นนี้ ดีที่ได้นายท่านสามช่วยเหลือไว้จริงๆ ข้ายังคิดว่า รอลูกสาวลุกจากเตียงได้แล้ว ต้องเชิญพระอาจารย์ในวัดช่วยจุดโคมไฟบูชาให้นายท่านสามเสียหน่อย”
คนสกุลเฉินเผยสีหน้าจริงใจ ไม่เหมือนเสแสร้ง
คุณหนูอู่รู้สึกกระวนกระวายในใจอยู่บ้าง ทำได้เพียงผงกศีรษะให้กับชิงหยวน เอ่ยว่า “แม่นางชิงหยวน”
ชิงหยวนรีบเข้ามาคารวะให้แก่กู้ซีและคุณหนูอู่ เอ่ยติดต่อกันอย่างนอบน้อมว่า “มิกล้า”
คุณหนูอู่เพียงแค่ทักทายเป็นมารยาทเท่านั้น ด้านกู้ซีกลับคล้ายมีแมวซ่อนอยู่ในใจตัวหนึ่ง ข่วนนางอย่างไม่หยุดยั้ง
นางเอ่ยว่า “ลำบากแม่นางชิงหยวนแล้ว! ทางคุณหนูอวี้ไม่ได้มีสาวใช้มากมาย ยังคงต้องขอให้เจ้าช่วยดูแลนางหน่อย”
แม้ว่าชิงหยวนจะเป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่ง แต่นางก็สามารถดูแลรับใช้เผยเยี่ยนในห้องได้ นั่นย่อมเป็นคนที่หัวไวหลักแหลม งานแต่งของเผยเยี่ยนอย่าพูดว่าคนนอกเลย กระทั่งคนในสกุลเผย ก็จับตามองอยู่ไม่น้อย หรืออาจจะคิดให้คนของสกุลมารดาตัวเองแต่งเข้ามา ไม่ก็คิดเป็นแม่สื่อเกี่ยวดองให้สกุลตัวเอง ด้วยเหตุนี้ พวกนางที่เป็นคนข้างกายของเผยเยี่ยนล้วนถูกให้ความสำคัญตาม สกุลอู่มีแผนอะไร หลายวันนี้ชิงหยวนก็ได้ยินมาแล้ว แต่กู้ซี...นางเดาไม่ออกอยู่บ้าง แต่คำพูดนี้ของนาง…คุณหนูสกุลใหญ่ออกเดินทาง ไม่ว่าคนหรือสิ่งของ เพื่อความสะดวกสบายแล้ว ล้วนจะพกพาสิ่งที่คุ้นเคยเพื่อใช้งาน คำพูดของกู้ซีเห็นได้ชัดว่ากำลังพูดว่าอวี้ถังฐานะต่ำต้อย กระทั่งบ่าวรับใช้ล้วนยังใช้การไม่ได้
นึกถึงความขัดแย้งระหว่างนายหญิงใหญ่และนายท่านสามของพวกนาง นางยังจะเกรงใจอันใดกับกู้ซีอีก?
ชิงหยวนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ในคำพูดกลับซ่อนไปด้วยเข็มแหลม “ขอบคุณความใส่ใจของคุณหนูกู้ ทางคุณหนูอวี้มีคนไม่พออยู่บ้าง พูดขึ้นมาแล้ว ก็เป็นเพราะพวกเราไม่ได้จัดการเรื่องพวกนี้ให้ดีเช่นกัน หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ก็คงเรียกพวกหลิ่วซวี่เข้ามาด้วยแล้ว คุณหนูอวี้มักมาเที่ยวเล่นในจวนสกุลเผย หลิ่วซวี่ดูแลนางมานานที่สุด ย่อมเหมาะสมกว่าข้ามาก แต่ว่ายังดีที่คุณหนูกู้ตักเตือนข้า ข้าจะไปรายงานพ่อบ้านสามเดี๋ยวนี้ ให้เขารีบพาพวกหลิ่วซวี่เข้ามา ไม่อย่างนั้นยามที่คุณหนูอวี้ติดตามท่านแม่เฒ่า แม้ว่าจะไม่สบายตรงไหน กลัวเพียงว่าจะไม่เอ่ยอะไรออกมา กลับทำให้คุณหนูอวี้ได้รับความไม่เป็นธรรมเสียเปล่า”
คนสกุลเฉินจับต้นชนปลายไม่ถูก รวมทั้งเป็นคนที่ซื่อสัตย์จริงใจ สิ่งที่กู้ซีพูดเป็นความจริง ฟังจบก็ตกใจยกใหญ่ เร่งเอ่ยว่า “ไหนเลยยังต้องเชิญพวกแม่นางคนอื่นเข้ามา ทางนี้มีข้าและซวงเถาก็พอแล้ว แม่นางชิงหยวนเข้ามา ล้วนเพราะว่าดูแลต้อนรับพวกเราที่ไม่ค่อยรู้เรื่องราว”
ชิงหยวนไหนเลยจะให้กู้ซีและคุณหนูอู่เห็นเรื่องตลก รีบเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “นายหญิงอวี้ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ เดิมทีนี่ก็เป็นเพราะพวกเราคิดไม่รอบคอบ ท่านหมอกล่าวแล้ว หากคุณหนูอวี้ฟื้นขึ้นมาก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นท่านแม่เฒ่ายังส่งยามา! ท่านอาจจะไม่รู้ ยาของท่านแม่เฒ่าล้วนเป็นของที่หมอหลวงหยางทำขึ้นมาด้วยมือตัวเอง มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง ยาเม็ดทั่วไปไม่อาจเทียบได้ ท่านก็วางใจเถิด ตามท่านแม่เฒ่าไปฟังพระอาจารย์บรรยายธรรมก็เพียงพอแล้ว งานยิ่งใหญ่เช่นนี้ พวกเราชาวหลินอัน สิบปีก็ยังยากจะได้พบด้วยซ้ำ” ขณะที่พูด นางก็ถอนหายใจ เอ่ยต่อว่า “น่าเสียดายที่ยามนี้ท่านแม่เฒ่าของพวกเราไม่ค่อยชอบออกไปไหน วัดหลิงอิ่น วัดหย่งฝูของหังโจว ใครบ้างไม่รู้จักท่านแม่เฒ่าของพวกเรา? ไม่อย่างนั้น หากท่านมีเวลาว่างก็ตามท่านแม่เฒ่าพวกเราไปหังโจว วัดหลิงอิ่นและวัดหย่งฝูของหังโจวล้วนจัดงานวัดเป็นประจำ โดยเฉพาะวัดหลิงอิ่น นอกจากอาหารเจจะอร่อยแล้ว หากไปตรงกับวันที่หนึ่งและสิบห้ายังจะได้แจกถุงยา หากไปตรงกับเทศกาลล่าปา นั่งกินล่าปาโจว[1]ร้อนๆ ก็สนุกสนานไม่น้อยเช่นกัน”
คนสกุลเฉินเป็นคนที่หากคนอื่นให้ความเคารพนาง นางก็เคารพคนอื่นตอบ ได้ยินก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “อาศัยคำพูดมงคลของแม่นางชิงหยวน คงจะมีสักวันที่ข้าสามารถตามท่านแม่เฒ่าไปเปิดหูเปิดตาที่วัดหลิงอิ่นได้”
ชิงหยวนหัวเราะเบาๆ คำนับให้กับคุณหนูอู่และกู้ซี เอ่ยว่า “นายท่านสามกำชับว่า หากคุณหนูอวี้ตื่น ให้ข้าไปบอกกล่าวกับพ่อบ้านหู ส่งหมอตำแยมารมยาด้วยโกฐ[2]ให้คุณหนูอวี้ คนจะได้รู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม”
คนสกุลเฉินได้ยินว่าเป็นเรื่องของลูกสาว ย่อมไม่สนใจเรื่องมารยาท เอ่ยกับชิงหยวนทันที “เช่นนั้นก็รบกวนแม่นางชิงหยวนแล้ว”
ชิงหยวนมองคุณหนูอู่และกู้ซีไปแวบหนึ่ง เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่รบกวนเจ้าค่ะๆ นี่เป็นเรื่องที่นายท่านสามกำชับแล้วกำชับอีกก่อนไป พวกเราที่เป็นข้ารับใช้จะกล้าเพิกเฉยได้อย่างไร? ขอเพียงแค่หากมีจุดไหนที่บกพร่อง หวังว่าท่านจะให้อภัย ไม่เอ่ยให้นายท่านสามรับรู้”
คนสกุลเฉินเร่งเอ่ยว่า “ดูแม่นางพูดสิ ยามที่ลูกสาวพวกเราไม่ได้สติ โชคดีที่มีเจ้าช่วยดูแล มีอาหมิงช่วยต้มยา ทำได้ดีกว่าข้าเสียอีก ข้าซาบซึ้งยังแทบไม่ทัน ไหนเลยจะเหมือนที่แม่นางพูด มียามที่บกพร่องละเลย?”
ทั้งสองคนพูดคุยกัน ออกจากประตูไป
คุณหนูอู่และกู้ซีสบสายตากัน ล้วนพบว่าใบหน้าของอีกฝ่ายดูไม่ได้อย่างยิ่ง คุณหนูอู่ยิ่งมีโทสะในใจ เอ่ยเสียงแข็งกับกู้ซีว่า “ในเมื่อคนเขาไม่เป็นอะไร พวกเราก็ไม่ต้องพิธีรีตองมากแล้ว รีบกลับพักผ่อนเร็วหน่อยดีกว่า! ช่วงบ่ายงานบรรยายธรรมของพระอาจารย์จึงจะนับว่าเริ่มอย่างเป็นทางการ ข้ายากจะมาครั้งหนึ่ง ไม่อยากพลาดงานใหญ่เช่นนี้”
กู้ซีพยักหน้าด้วยท่าทีนิ่งงัน เดินออกไปตรงๆ กับคุณหนูอู่ยามที่เจ้าบ้านไม่อยู่อย่างเสียมารยาท
พวกนางพบเข้ากับคนสกุลเฉินที่ย้อนกลับมาในชานเรือน
คนสกุลเฉินเอ่ยอย่างแปลกใจ “พวกเจ้าไม่นั่งพักหน่อยหรือ? รีบกลับเร็วขนาดนี้เชียว?”
คุณหนูอู่เอ่ยด้วยยิ้มเย็น “ไม่นั่งแล้ว! หากนั่งต่อไป ก็คงฟังบรรยายธรรมของพระอาจารย์ไม่ทันแล้ว”
แม้คนสกุลเฉินจะมีชาติกำเนิดธรรมดา ความคิดความอ่านกลับสูงส่งกว่านั้นว่า ทุกคนไม่พิถีพิถันอะไรมาก ก็ไม่รู้สึกว่าคุณหนูอู่และกู้ซีเสียมารยาทแต่อย่างใด นางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นข้าจะส่งพวกเจ้าออกจากประตู ลูกสาวของข้ายังไม่ตื่น ข้าเป็นหญิงแก่คนหนึ่ง กระทั่งคนคุยเป็นเพื่อนยังไม่มี รอลูกสาวตื่นแล้ว พวกเจ้าค่อยมาเที่ยวใหม่เถิด”
พูดด้วยน้ำเสียงจริงใจอย่างยิ่ง
คุณหนูอู่ชำเลืองมองกู้ซีอยู่หลายครั้ง
กู้ซีกลับโมโหในใจอย่างยิ่ง ดึงคุณหนูอู่ออกจากประตู รอจนเดินมาไม่เห็นมุมประตูที่พักของอวี้ถังแล้ว จึงค่อยกัดฟันเอ่ยว่า “ข้ารู้เพียงว่าคุณหนูอวี้เสแสร้งเป็น คาดไม่ถึงว่ามารดาของนางก็ทำเป็นด้วย ยังให้พวกเรารอนางตื่นมาเที่ยวใหม่อีก ช่างมีความอดทนอดกลั้นจริงๆ คนเช่นนี้ ข้าไม่กล้าคบค้าสมาคมด้วยหรอก”
ในเรือนคุณหนูอู่ยังมีพวกแม่นมสาวใช้บางคนที่เติบโตมากับกองโจรสลัด การกระทำคำพูดล้วนไม่ยั้งคิดยั้งทำอะไร ในความเห็นของนาง คนสกุลเฉินไม่เหมือนกับเสแสร้ง แต่เห็นกู้ซีมีท่าทีโมโห นางก็ไม่อาจโต้เถียงเรื่องเล็กน้อยกับกู้ซี
นางพยักหน้าอย่างขอไปที ก่อนทั้งสองคนจะเลี้ยวแยกทางกันไป
พอกู้ซีกลับมาถึงที่พักก็ควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่
นางไม่กล้าทำลายของในห้อง กลัวว่าจะเหลือร่องรอยไว้ ถูกแพร่งพรายออกไป กล่าวว่านางเป็นสตรีที่ไร้คุณธรรม แต่ก็โมโหจนบีบรัดหัวใจไปหมด ทำได้เพียงสาวเท้าเดินไปเดินมาในห้องเพื่อคลายโทสะ
เหอเซียงมองนางอย่างกังวล ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
กู้ซีเดินเป็นเวลาเกือบหนึ่งก้านธูป ในใจนางรู้สึกค่อยยังชั่วขึ้นมาบ้าง ยามนี้จึงเอ่ยกับเหอเซียงว่า “คนที่ชื่อหลิ่วซวี่ พวกเจ้ายังติดต่อกันหรือไม่?”
ยามนั้นที่อยู่ในสกุลเผย ผู้ที่ปรนนิบัติอวี้ถังคือหลิ่วซวี่ ส่วนคนที่รับใช้กู้ซีคือหลิ่วเย่
เหอเซียงสั่นศีรษะ เอ่ยเสียงแผ่ว “อย่างไรพวกเราก็อยู่หังโจว ก่อนหน้านี้ก็เข้ากันได้ดีไม่น้อย ข้ายังเคยส่งหวีให้นางเล่มหนึ่ง คุณหนูมีเรื่องอะไรไหว้วานข้าหรือเจ้าคะ?”
กู้ซีกัดฟัน เอ่ยว่า “ตอนบ่ายเจ้าไม่ต้องตามข้าไปในพิธีแล้ว จับตาดูทางคุณหนูอวี้ ดูว่าสกุลเผยส่งพวกหลิ่วซวี่มาหรือไม่ หากส่งเข้ามา เจ้าก็หาวิธีตีสนิทนาง ใครจะรู้ว่าอาจจะได้ใช้การในเวลาใด?”
เหอเซียงรับคำสั่ง
กู้ซีคิดฟุ้งซ่านไปต่างๆ นานา เพิ่งจะได้นอน ก็ถึงเวลาที่พระอาจารย์บรรยายธรรมเสียแล้ว นางทำได้เพียงล้างหน้าผลัดผ้าใหม่อีกครั้ง
เวลาที่มักจะใช้พักผ่อนตอนเที่ยงถูกรบกวน นางจึงหาวหวอดไม่หยุดหย่อน ไปยังศาลาเทศนาธรรมอย่างจำใจ
—
ด้านอวี้ถังกลับนอนหลับอย่างสบาย ยามที่ตื่นขึ้นมาก็ล่วงเลยช่วงบ่ายไป อากาศสดชื่นแจ่มใส แสงสีทองของดวงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในหน้าต่างลายฉลุ กระทั่งอากาศก็ล้วนอบอุ่นขึ้นมา
นางนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียงครู่ใหญ่ สาวใช้สองคนที่ตามชิงหยวนมาช่วยเหลือก็ตักน้ำเข้ามาให้นางล้างหน้า
อวี้ถังถามพวกนางด้วยรอยยิ้ม “แม่นางทั้งสองชื่ออะไรรึ? ข้าจะได้พูดคุยกับแม่นางทั้งสองด้วย!”
ทั้งสองคำนับให้กับอวี้ถังเอ่ยว่า “มิกล้า” หญิงสาวที่ใบหน้ากลมมนหน่อยเรียกตัวเองว่า ‘ชิงผิง’ หญิงสาวอีกคนที่ใบหน้าเรียวชื่อว่า ‘ชิงเหลียน’
อวี้ถังทักทายพวกนางด้วยรอยยิ้ม ก่อนพวกนางจะช่วยอวี้ถังผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ในใจกลับครุ่นคิด คาดว่าชื่อ ‘ชิง’ นั้นคงจะเป็นสาวใช้ในห้องของเผยเยี่ยนทั้งหมด ส่วนชื่อพวกอัญมณีเครื่องประดับก็คงเป็นสาวใช้ในห้องของท่านแม่เฒ่า แต่ก็ไม่แน่เช่นกัน สาวใช้ข้างกายของคุณหนูห้าก็ชื่ออาซัน[3]เช่นกัน
อาจจะเป็นชื่อที่ท่านแม่เฒ่าเผยมอบให้กระมัง?
อวี้ถังคิดฟุ้งซ่านในใจ ก่อนจะพบว่าชิงเหลียนที่มีสีหน้าเคร่งขรึมอยู่บ้างมีฝีมือในการทำผม ชิงผิงที่มักจะยิ้มแย้มกลับไม่อาจมองออกว่ามีอะไรโดดเด่นในช่วงสั้นๆ แต่ระหว่างทั้งสองคน เห็นได้ชัดว่าชิงผิงเป็นผู้นำ
น่าสนใจไม่น้อย!
ขณะที่อวี้ถังกำลังขบคิด ชิงหยวนก็เข้ามา
นางยิ้มอย่างเบิกบาน ในมือยังถือตะกร้าไม้ไผ่เล็กๆ มาถึงก็เอ่ยว่า “คุณหนูอวี้ พ่อบ้านหูทราบว่าท่านฟื้นแล้ว จึงตั้งใจให้ข้าเอาตะกร้าอิงเถาเข้ามา ยังบอกอีกว่า หากท่านคิดว่าถูกปาก ให้บอกกล่าวกับข้าเสียหน่อย ครั้งหน้าหากเขาลงเขาไปเอาของให้พวกท่านแม่เฒ่า จะเอามาให้ท่านอีกหนึ่งตะกร้า”
อวี้ถังเอ่ยขอบคุณ
ชิงผิงจึงไปล้างอิงเถา
ก่อนอวี้ถังจะให้นางส่งเข้าไปให้คุณหนูสวีและนายหญิงสามสกุลหยางด้วย
ชิงผิงรับคำสั่งด้วยรอยยิ้ม
ยามนี้ชิงหยวนจึงนำหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเข้ามา
————————
[1]ล่าปาโจว หรือก็คือโจ๊กล่าปา นิยมกินในเทศกาลล่าปา เป็นโจ๊กที่ทำจากธัญญาหารอย่างน้อยแปดชนิด
[2]รมยาด้วยโกฐ เป็นการรักษาโรคและบำรุงสุขภาพของชาวจีน โดยจะใช้โกฐจุฬาลัมพามาบดเป็นแท่งคล้ายกำยาน จากนั้นก็จุดเพื่อให้ความร้อนตามตำแหน่งร่างกาย
[3]ซัน มาจากคำว่า 珊瑚 (ซันหู) แปลว่าปะการัง