ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่ 312 ฝนหมึก
เผยเยี่ยนกลับรู้สึกว่าเฉินซื่อปฏิเสธเป็นเรื่องดีแล้ว
อวี้ถังอยู่ในสกุลเผย คนอื่นล้วนอยากจะนัดนางออกไปข้างนอก เขาอยากจะออกไป กับอวี้ถังตามลําพังจําต้องคิดหาทุกวิถีทาง หากอวี้ถังกลับสกุลมารดาก็ไม่เหมือนกันแล้ว ขอ เพียงแค่ได้รับการอนุญาตจากเฉินซื่อและอวี้เหวินย่อมเพียงพอแล้ว
เขาหว่านล้อมท่านแม่เฒ่า “นี่ก็เป็นเรื่องประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น ปีนี้ให้นางฉลองเทศกาล กับสกุลอวี้ดีๆ เถิด”
รอปีหน้า ก็ต้องฉลองเทศกาลที่สกุลเผยแล้ว
ท่านแม่เฒ่าฟังออกว่าลูกชายจะพูดอะไรต่อ หัวเราะเสียงดัง ยามที่ถึงเวลาลงเขา กลับไปฉลองเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างที่จวนสกุลเผย นางก็มอบของขวัญและหยูกยาให้อวี้ถังจํานวน มาก คนของสกุลเผยกลับไปที่จวนสกุลเผย ด้านอวี้ถังก็กลับไปยังตรอกชิงจู๋
เฉินซื่อทําอาหารคาวหวานต้อนรับลูกสาวกลับมานานแล้ว หลังจากเห็นอวี้ถังก็กอดลูก สาวจนไม่ยอมปล่อยมือ ยังคงเป็นอวี้เหวินที่อยู่ด้านข้างทนมองต่อไปไม่ไหว เอ่ยออกมา “ไม่ใช่ ว่าจะไม่เห็นหน้ากันแล้วเสียหน่อย จําเป็นต้องทําถึงขนาดนี้เชียวรึ?”
“ข้าคิดถึงลูกมันผิดด้วยรึ?” เฉินซื่อบ่นพึมพํา กลอกตาใส่สามี ก่อนจะดึงอวี้ถังกลับไป พูดคุยในห้องของนาง “เจ้ากลับมา ท่านแม่เฒ่าคงไม่ได้อารมณ์เสียอะไรหรอกกระมัง?”
“ไม่เจ้าค่ะ!” อวี้ถังปลอบเฉินซื่อด้วยคําพูดดีๆ อยู่นาน ยามนี้เฉินซื่อจึงค่อยวางใจ หลังจากรออวี้ถังผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความปลื้มปริ่ม ก็กินข้าวเป็นเพื่อนนาง จากนั้นก็ไป ทักทายหวังซื่อด้วยกัน
หวังซื่อเย็บผ้าเฝ้าหลานชายที่กําลังหลับสนิท หลังจากรู้ว่าพวกนางเข้ามาก็วางงานใน มือลง ออกไปต้อนรับทันที
2483
อวี้ถังคํานับให้หวังซื่ออย่างนอบน้อม หวังซื่อดึงนางมามองพินิจด้วยรอยยิ้มอิ่มเอมใจ อยู่นาน เห็นใบหน้านางแดงเปล่งปลั่ง ดวงตาสองคู่สุกสกาว เปี่ยมด้วยพลัง จึงอดกล่าวด้วย รอยยิ้มไม่ได้ “แม่เจ้าบอกว่าท่านแม่เฒ่าเรียกเจ้าไปเพราะอยากสอนเจ้าควบคุมเรื่องในเรือน ข้าและแม่เจ้ากลัวว่าเจ้าจะทําได้ไม่ดี เอาแต่พูดพรํ่าอยู่ในเรือนกันค่อนวัน ยามนี้เห็นท่าทีของ เจ้า ข้านับว่าวางใจแล้ว เห็นได้ชัดว่าอาถังของพวกเรายังคงมีวาสนากับสกุลเผย”
ประโยคสุดท้าย นางนั้นกล่าวกับเฉินซื่อ
เฉินซื่อแย้มยิ้ม
อวี้ถังถามถึงเซียงซื่อ จึงทราบว่านางไปส่งอาหารที่ร้านค้าให้อวี้หย่วน ก่อนจะเข้าไปดู หลานชายในห้องพร้อมเฉินซื่อ พูดคุยกันสักพัก เซียงซื่อก็กลับมา
หวังซื่อรั้งสองแม่ลูกอวี้ถังให้กินข้าวในเรือน ยังให้เด็กรับใช้ไปส่งข่าวให้อวี้ป๋ อและอวี้ หย่วนที่อยู่ในร้านค้า ให้พวกเขารีบกลับมากินข้าวเร็วหน่อย
อวี้ถังไม่ได้พบเซียงซื่อมาช่วงหนึ่งแล้วเช่นกัน พี่สะใภ้น้องสามีจึงนั่งพูดคุยอยู่ในลาน เรือนเกือบค่อนวัน รอจนตะวันคล้อย อวี้ป๋ อกับอวี้หย่วนก็กลับมา ในเรือนค่อยคึกคักกันขึ้นมา อีกครั้ง
รอจนอวี้เหวินเข้ามา สองพี่น้องก็พูดคุยเรื่องเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยง ไม่ได้ อวี้หย่วนดึงแขนเสื้ออวี้ถังอย่างเงียบเชียบ ก่อนสองพี่น้องจะยืนคุยเรื่องส่วนตัวอยู่ใต้ ชายคาเรือน
“เมื่อวานในร้านได้รับใบรายการสั่งซื้อเข้ามาจํานวนมาก” เขากะพริบตาให้อวี้ถัง “เป็น ร้านค้าเครื่องเขียนแห่งหนึ่งในหังโจว สั่งทํากล่องไม้เล็กๆ ใส่แท่งฝนหมึกหนึ่งพันกล่อง ต้องการ ให้แกะสลักเป็นจําพวกตัวอักษรอวยพร ท่านพ่อดีใจอย่างยิ่ง ข้าให้เหยาซานเอ๋อร์ช่วยไปสืบข่าว กล่าวว่าเถ้าแก่รองถงของโรงรับจํานําสกุลเผยเป็นผู้แนะนํามา ไม่อย่างนั้นเจ้าให้นายท่านสาม วาดแบบเพิ่มให้พวกเราหน่อยเถิด! การสั่งซื้อสินค้าเช่นนี้พวกเราเพิ่งเคยได้รับเป็นครั้งแรก หาก ทําออกมาได้ดี ภายหลังย่อมสามารถทํางานให้กับร้านค้าเครื่องเขียนพวกนั้นได้”
2484
คนมีเงินถึงจะเรียนหนังสือได้ ดังนั้นของที่ขายในร้านเครื่องเขียนจึงแพงอย่างยิ่ง ทั้ง ต้องใช้กล่องไม้เครื่องลงรักแกะสลักสีแดงเช่นนี้เพื่อบรรจุสิ่งของ นั่นนับว่าเป็นสี่สิ่งลํ้าค่าของ ห้องหนังสือชั้นสูง
กล่องไม้เช่นนี้ นอกจากต้องมีฝีมือดีแล้ว ลวดลายยังต้องเรียบหรูประณีต
ใช่ว่าร้านค้าเครื่องลงรักทั้งหลายจะทําได้
การค้าเช่นนี้ หากสกุลอวี้สามารถคว้าไว้ได้ ย่อมเปิดช่องทางของร้านค้าเครื่องเขียน ร้านค้าเครื่องลงรักของสกุลอวี้ ไม่ว่าจะจากคํากล่าวขานหรือเรื่องกิจการล้วนแล้วแต่ทะยานขึ้น สูงไปอีกหนึ่งขั้น
ไม่แน่ว่ามีวันหนึ่งยังจะสามารถกลายเป็นของบรรณาการได้
แต่อวี้ถังเห็นสายตาหยอกล้อนั้นของญาติผู้พี่ ก็อดหน้าแดงกํ่าไม่ได้ เอ่ยว่า “นั่นก็เป็น กล่องไม้ที่สกุลพวกเราสามารถทําได้เช่นกัน!”
อวี้หย่วนหัวเราะเหอะๆ
แต่อวี้ถังทราบถึงความสามารถของร้านค้าเครื่องลงรักของสกุลอวี้ดี เห็นอวี้หย่วน เอ้อระเหยเช่นนี้ นางก็มีความกังวลขึ้นมา อดเอ่ยไม่ได้ “ท่านพี่ กล่องไม้หนึ่งพันกล่อง สกุลพวก เราทําทันรึ? ไม่อย่างนั้น ข้าไปเชิญนายท่านสามช่วยสกุลพวกเราวาดแบบเพิ่มเสียหน่อยดีกว่า? คนผู้นี้ สายตากว้างไกล หากเขายอมใช้ชื่อของตัวเองวาดแบบออกมาย่อมเป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง”
อวี้หย่วนมีความคิดเช่นนี้จริงๆ แต่อย่างไรน้องสาวก็ยังไม่ได้แต่งออกไป นายท่านสาม จะยินยอมรึ?
อวี้ถังไม่ได้คิดมากถึงเพียงนั้น เอ่ยว่า “ข้าไปหยั่งเชิงเสียหน่อยก็เพียงพอแล้ว”
หากเขาไม่รับปาก นางก็จะทําจนเขารับปากให้ได้
ใครใช้ให้เขาแนะนําร้านค้าสกุลพวกนางอาศัยลวดลายดอกไม้เป็นจุดเด่นกัน
2485
นี่นับว่าเสนอความคิดให้ใคร คนนั้นก็ต้องเป็นคนวิ่งวุ่น เผยเยี่ยนรู้ย่อมบ่นพรํ่าเป็นแน่ แต่เขาบ่นพรํ่า ก็น่าสนใจเช่นกัน… ขณะที่อวี้ถังคิด ก็ทนไม่ไหวอยากไปพบเผยเยี่ยนอยู่บ้าง เผยเยี่ยนก็ไม่คุ้นชินเล็กน้อยเช่นกัน
ช่วงเวลาที่พักอยู่ในเรือนนอก เช้าตรู่ทุกวันเขาจะรีบสะสางธุระให้เสร็จเพื่อไปกินข้าว ร่วมกับอวี้ถัง คล้อยหลังก็ไปเดินเล่นด้วยกัน ไม่ก็ไปชมนกชมดอกไม้ บางวันหากอากาศร้อน ก็ จะนั่งลงใต้ร่มไม้พูดคุยเรื่องราวเล็กๆ ในชีวิตประจําวัน ยามนี้อวี้ถังกลับเรือนไปแล้ว ดู เหมือนว่าเขาไม่มีเรื่องอะไรให้ทําเสียอย่างนั้น
กินข้าวกลางวันเสร็จแล้ว เผยเยี่ยนก็ครุ่นคิดว่าควรจะหาข้ออ้างไปพบอวี้ถังสักหน่อยดี หรือไม่ ใครจะรู้ว่าเขายังไม่ทันขยับ อวี้ถังก็เป็นฝ่ายมาหาเขาก่อน
เขาลอบดีใจ ใบหน้ากลับไม่ปรากฏอันใด ให้อาหมิงพานางมาพูดคุยที่ห้องหนังสือ ก่อนจะหันมากําชับกับชิงหยวน “ไปล้างผลไม้เข้ามาให้คุณหนูอวี้ นางชอบกินผลไม้หวานๆ เจ้า นําพวกลูกท้อมาก็ได้”
ชิงหยวนรับคําสั่งด้วยรอยยิ้ม ยามที่ยกผลไม้เข้ามา อวี้ถังกับเผยเยี่ยนก็นั่งบนเก้าอี้ไม้ ไผ่พูดคุยกันแล้ว
“เจ้าคิดว่าควรใช้ลวดลายอย่างไรดี?” อวี้ถังเอ่ย “ข้ารวบรวมแบบในเรือนมาจํานวน หนึ่ง เจ้าช่วยข้าดูหน่อยเถิด!”
เผยเยี่ยนลอบเบะปากในใจ ก็ไม่รู้ว่าแอบใช้ข้ออ้างนี้? หรือมีธุระมาหาเขาจริงๆ?
2486
แต่ไม่ว่าจะอย่างหน้าหรืออย่างหลัง เผยเยี่ยนก็รับแบบวาดในมืออวี้ถังมาด้วยสีหน้า เรียบนิ่ง ดูผ่านๆ ก่อนจะนําไปวางไว้ด้านข้างทั้งหมด อวี้ถังประหลาดใจอย่างยิ่ง เอ่ยว่า “ใช้ไม่ได้สักอันเลยรึ?” “เป็นแบบเก่าๆ กว่าร้อยปีแล้ว” เผยเยี่ยนไม่ปกปิดท่าทีดูแคลนของตัวเองสักนิด “ยาม ที่ข้ายังเด็กก็พบเห็นแบบวาดเช่นนี้แล้ว” พูดมาถึงตรงนี้ เขาพลันหัวแล่นอย่างว่องไว ไม่ว่าอวี้ถังมาหาเขาเพราะเหตุใด เขาสามารถใช้ประโยชน์เรื่องนี้ได้ก็เพียงพอแล้ว “เอาเช่นนี้เถิด” เขายืนขึ้นมา “ข้าจะวาดแบบให้เจ้าจํานวนหนึ่ง เจ้านํากลับไปปรึกษา กับพี่ชายเสียหน่อย ดูว่าแบบไหนดีบ้าง ส่วนเจ้ามาฝนหมึกให้ข้า”
ฝนหมึกรึ? อวี้ถังแทบไม่กล้าเชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยิน แต่เผยเยี่ยนสาวเท้าเข้าไปในห้องหนังสือแล้ว
นางทําได้เพียงตามเข้าไป กล่าวยํ้าเพื่อความมั่นใจ “อาหมิงล่ะ? เมื่อครู่เขายังอยู่ที่นี่ มิใช่รึ?”
ไฉนจึงเป็นนางที่ต้องฝนหมึก? เผยเยี่ยนหยุดฝีเท้าอย่างกะทันหัน อวี้ถังที่เดินตามหลังจึงเกือบจะชนร่างของเขา “เจ้าสามารถพักอยู่ในเรือนช่วงหนึ่งได้หรือไม่?” เผยเยี่ยนถาม ผ่านไปพักใหญ่ อวี้ถังจึงค่อยดึงสติกลับมาได้ นี่เผยเยี่ยนกําลังหาโอกาสให้นาง นางยังจะพูดอะไรได้ ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะยืนฝนหมึกอยู่หน้าโต๊ะหนังสือให้เผยเยี่ยนอย่างเชื่อฟัง
อาหมิงที่วิ่งไปห้องครัวเพื่อยกของว่างให้อวี้ถังถูกชิงหยวนสกัดไว้นอกห้องหนังสือ ก่อน ชิงหยวนจะเป็นคนนําของว่างเข้าไป
อวี้ถังเคยแต่ฝนหมึกให้อวี้เหวิน แต่แท่งฝนหมึกที่เผยเยี่ยนใช้ทั้งหนักทั้งหยาบ อวี้ถังฝน ไปสักพักก็รู้สึกปวดร้าวข้อมืออยู่บ้าง ลําพังเผยเยี่ยนยังไปนําสีย้อมเข้ามาหนึ่งกล่อง เพื่อวาดลง รายละเอียด อธิบายให้นางฟังว่า “ข้าศึกษาเครื่องลงรักแกะสลักสีแดงของสกุลพวกเจ้ามาอย่าง ละเอียดแล้ว ล้วนแต่อาศัยความเข้มบางของสีแดงในการวาดเค้าโครง ข้าวาดอย่างละเอียด พวกเจ้าจะได้รู้ว่าตรงไหนต้องบาง ตรงไหนต้องเข้ม จะวาดแบบได้ดีกว่า”
อวี้ถังยังจะพูดอะไรได้อีก
ผลปรากฏว่าสีย้อมพวกนั้นฝนยากยิ่งกว่าหมึกเสียอีก
อวี้ถังอดพึมพําไม่ได้ “เจ้าใช้แท่งฝนหมึกอะไร? ใช้สีย้อมอะไรกัน? ไฉนจึงบดยาก เช่นนี้? คงไม่ใช่ของไร้คุณภาพหรอกกระมัง?”
เผยเยี่ยนขมวดคิ้ว เอ่ยว่า “ข้าใช้แต่หมึกซงเซียงชั้นยอด ในสีย้อมก็เพิ่มอัญมณีต่างๆ เข้าไป ไม่อย่างนั้นจะสดสวยเช่นนี้ได้อย่างไร? ทั้งยังติดทนไม่จางง่ายๆ”
นิสัยอะไรกันนี่!
อวี้ถังโต้แย้งอย่างไม่พอใจ “ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน จะรู้ได้อย่างไรว่าคืออะไร? แต่เรื่องที่ ฝนยากกลับเป็นเรื่องจริง”
“เจ้าฝนไม่เป็นมากกว่ากระมัง?” เผยเยี่ยนเอ่ยอย่างเรียบเย็น “นอกจากเจ้า ข้าก็ไม่เคย ได้ยินคนอื่นพูดว่าฝนยากมาก่อน”
นั่นเป็นเพราะคนพวกนั้นล้วนเป็นเด็กรับใช้ข้างกายเจ้า ใครจะกล้าพูดเรื่องพวกนี้กัน
อวี้ถังคิดว่าเผยเยี่ยนไม่รู้ตัวเอาเสียเลย ไม่อยากทําแล้ว จึงเรียกชิงหยวนเข้ามา ถามว่า อาหมิงกลับมาหรือยัง นางจะสลับหน้าที่กับอาหมิง
2488
ชิงหยวนเห็นว่าสีหน้าเผยเยี่ยนล้วนดําคลํ้าไปหมด ไหนเลยจะกล้าบอกเรื่องของอา หมิง รีบยกของว่างเข้ามา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่อย่างนั้นคุณหนูพักสักครู่ดีหรือไม่?”
อวี้ถังขอพักทันที
เผยเยี่ยนอับจนหนทาง ทําได้เพียงมองนางนั่งดื่มชา กินของว่างด้านข้าง ส่วนตัวเองก็ เริ่มบดสีย้อม
อวี้ถังจึงอู้งานได้อย่างสบายยิ่งขึ้น รอจนเผยเยี่ยนวาดแบบออกมาเสร็จหนึ่งภาพ ตะวันก็เริ่มยอแสงที่ขอบฟ้าแล้ว เผยเยี่ยนนําแบบภาพให้อวี้ถัง กําชับนางว่า “พรุ่งนี้เจ้าอย่าลืมเข้ามาใหม่ล่ะ” อวี้ถังมองแบบภาพนั้น เป็นนกสี่เชวี่ยหนึ่งตัวเกาะอยู่บนกิ่งดอกเหมย กิ่งดอกเหมยบางตาที่ดูหยิ่งทระนง นกสี่เชวี่ยที่ร่าเริงงดงาม ราวกับมีชีวิตบนกระดาษ พาให้คนชอบจนไม่อาจวางมือลง อวี้ถังตัดสินใจเก็บภาพนี้ไว้ทันที นางขอบคุณด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะนําภาพออกไป
เผยเยี่ยนมองอุปการณ์วาดภาพที่หลงเหลือบนโต๊ะตัวใหญ่ จู่ๆ ก็รู้สึกราวกับถูกทิ้งให้ โดดเดี่ยวเดียวดายอยู่ตรงนั้น น่าสงสารอยู่บ้าง
อวี้หย่วนคาดไม่ถึงว่าอวี้ถังจะสามารถขอร้องให้เผยเยี่ยนวาดแบบได้จริงๆ เขาตก ตะลึงกับทักษะการวาดภาพของเผยเยี่ยนไม่น้อย เอ่ยอย่างลังเลว่า “แบบนี้ได้รึ? ไม่ใช่ว่าจะใช้ เพียงลวดลายดอกไม้หรอกรึ?”
อวี้ถังชี้ไปที่กิ่งดอกเหมยนั้น เอ่ยอย่างลังเล “นี่ไม่ใช่ว่ามีดอกไม้หรอกรึ?” ก่อนหน้านี้นางลืมเรื่องนี้เสียสิ้น
2489
นึกถึงคํากําชับของเผยเยี่ยน ก็เร่งเอ่ยว่า “พรุ่งนี้เขาให้ข้าเข้าไปอีกครั้ง คาดว่ายังมีแบบ ให้พวกเราอีกกระมัง?”
อวี้หย่วนไม่ถามมากอีก พิจารณาภาพวาดของเผยเยี่ยนอย่างละเอียด เอ่ยว่า “นาย ท่านสามกล่าวว่าให้พวกเราแกะสลักตามความเข้มบางของภาพที่เขาวาด ข้าต้องปรึกษากับ อาจารย์เสียหน่อย ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถทําออกมาได้หรือไม่”
อวี้ถังก็กังวลใจอยู่บ้าง อวี้หย่วนไปร้านค้าในคืนนั้นทันที
เช้าตรู่วันต่อมา อวี้ถังก็ไปสกุลเผย
บ่าวรับใช้หน้าประตูจวนสกุลเผยเห็นอวี้ถังมาเข้าพบจนชินแล้ว เห็นชิงหยวนมาก็ ปล่อยอวี้ถังเข้าประตูทันที
เผยเยี่ยนเอ่ยว่า “ข้าให้ป้ายเข้าออกจวนเจ้าดีหรือไม่!”
อวี้ถังคิดว่าไม่จําเป็นต้องยุ่งยากขนาดนั้น รอนางแต่งเข้ามาแล้วค่อยว่ากัน บางทีนาง อาจไม่จําเป็นต้องใช้ป้ายของสกุลเผยเลยก็ได้
ครั้งนี้เผยเยี่ยนไม่ได้ให้อวี้ถังเป็นคนฝนหมึก เปลี่ยนให้นางพัดให้เขาแทน
อวี้ถังคร้านที่จะพูดคุยเหตุผลกับเขาแล้ว จึงยอมพัดให้อยู่ด้านหลังแต่โดยดี