ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่322 ไม่สบอารมณ์
เผยชีที่รอรายงานเผยเยี่ยนอยู่ด้านนอกได้ยินเสียง หัวไหล่หดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว
แน่นอนว่าเผยเยี่ยนก็มีเคยช่วงเวลาที่เกรี้ยวกราดอาละวาด ทว่าตั้งแต่เล็กเขาถูกท่านผู้
เฒ่าเลี้ยงดูในฐานะบุตรชายที่ภาคภูมิใจ บวกกับเป็นคนค่อนข้างเย็นชา พออายุได้เจ็ดแปดขวบ
ก็รู้จักเก็บสีหน้าแล้ว แต่ความเดือดดาลถึงขั้นไม่คิดจะเก็บงําเช่นนี้ เผยชีนึกๆ ย้อนดู ครั้งก่อนก็
คงเป็นตอนที่ท่านผู้เฒ่าสิ้นไปกระมัง
เขาไม่กล้าเข้าไปด้วยกลัวจะโดนลูกหลง จึงยืนอยู่บนขั้นบันได มือก็เล่นใบต้นไห่ถังของ
เรือนตะวันตกที่อยู่ข้างๆ
ชิงหยวนเดินเข้ามา เบิกตาโตมองเขา
เผยชีรีบทํามือบุ้ยใบ้บอกนางอย่างไร้เสียง ชี้นิ้วไปทางห้องหนังสือ
ชิงหยวนเข้าใจทันที ก่อนจะย่องเข้าไปอย่างเงียบเชียบ
พลันเสียงหงุดหงิดของเผยเยี่ยนก็ดังออกมาจากด้านใน “เผยชีล่ะ? ทําไมยังไม่กลับมา
อีก? เขาไปช่วยอะไร?”
เผยชีรีบโยนใบไม้ทิ้งพลางส่งเสียงตอบ แล้วก้าวขาเข้าห้องไปอย่างระวังตัวแจ
เผยเยี่ยนคล้ายว่าควบคุมอารมณ์ของตนเองได้แล้ว เขาเอ่ยเสียงเย็นว่า “ร้านค้า
สกุลอวี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
หลายวันก่อนอวี้หย่วนมาคุยกับเผยหม่านที่จวนเป็นครึ่งค่อนวัน ภายหลังกลับไปก็ร่าง
กฎระเบียบใหม่มาให้เผยเยี่ยนดู เผยเยี่ยนคิดว่าไม่เลว จึงส่งเผยชีไปตรวจสอบว่าดําเนินการไป
ถึงขั้นไหนแล้ว
เผยชีรีบตอบว่า “เถ้าแก่น้อยอวี้กับช่างฝีมือในโรงงานได้ลงชื่อในสัญญาฉบับใหม่ ดู
จากท่าทีของเหล่าอาจารย์ พวกเขาพออกพอใจมาก ทั้งยังถามเถ้าแก่น้อยอวี้ว่าจะขอแนะนํา
ญาติๆ มาทํางานด้วยได้หรือไม่ เถ้าแก่น้อยอวี้ตอบตกลง และบอกว่า รอคุณหนูอวี้แต่งออกไป
แล้ว เขาตั้งใจจะไปซูโจวกับหนิงปัวสักรอบ ดูว่าจะรับงานจากทางโน้นได้หรือไม่ขอรับ”
เผยเยี่ยนพยักหน้า แล้วถามเรื่องเจียงเฉา “ทางนั้นมีความเคลื่อนไหวบ้างไหม?”
เผยชีตอบว่า “กองเรือของเขากลับมาถึงโดยสวัสดิภาพ ทําเอาเมืองซูโจวแตกตื่นไป
หมด หลังจากที่เขาเดินทางจากหนิงปัวกลับมาถึงซูโจว ก็ได้รับเชิญจากสกุลต่างๆ ไม่ซํ้าหน้า
หลายวันนี้เขาก็วุ่นวายกับการดื่มเหล้าไปทั่ว ส่วนสกุลซ่งก็ส่งผู้ดูแลมานัดแนะเขาเช่นกัน บอก
ว่าหากเจียงเฉาออกเรือรอบหน้า สกุลเขาขอร่วมลงหุ้นด้วย เจียงเฉาตอบกลับไปเพียงว่า หาก
เขาออกเรือจะต้องนับสกุลซ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมหุ้นแน่ ส่วนเรื่องอื่น ไม่ได้พูดถึงขอรับ”
หากว่าไม่ออกเรือ เช่นนั้นก็ไม่มีส่วนแบ่งของสกุลซ่งแล้ว
เผยเยี่ยนใช้เหยื่อล่อตัวใหญ่เช่นนี้ เขาไม่เชื่อหรอกว่าเจียงเฉาจะไม่หลงกล
อีกอย่างยังมีอวี้เหวินกับนายท่านอู๋คอยช่วยผสมโรงอีก
เผยเยี่ยนหัวเราะ “ไป พวกเราไปหาคุณหนูอวี้กัน”
มิใช่ไปพบนายท่านอวี้หรอกรึ?
เผยชีมึนงง แต่ก็รีบเก็บอารมณ์บนสีหน้า เร่งฝีเท้าตามเผยเยี่ยนออกจากประตูไป
อวี้ถังกําลังตรวจนับรองเท้าถุงเท้าที่ต้องส่งให้เครือญาติ หม่าซิ่วเหนียงอยู่ข้างๆ คอย
ช่วยเหลือ ส่วนจางฮุ่ยบุตรสาวถูกเฉินซื่ออุ้มไปดูปลาทองที่อวี้เหวินเลี้ยงเอาไว้ในห้องหนังสือ
หม่าซิ่วเหนียงหัวเราะเอ่ยว่า “คนของสกุลเผยเยอะเสียจริง ดีที่เจ้าความจําดี ถ้าเป็นข้า
คงหัวหมุนไปนานแล้ว”
เรื่องนี้ต้องขอบคุณท่านแม่เฒ่าสกุลเผย
ไม่สิ สมควรขอบคุณเผยเยี่ยนต่างหาก
หากมิใช่เขาให้นางไปเรียนรู้เรื่องการจัดการกับท่านแม่เฒ่าล่วงหน้า นางมีหรือจะจํา
เหล่าลุงป้าน้าอาของสกุลเผยได้หมด
นางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ก็ฉวยโอกาสนี้ทําความรู้จักกับคนในสกุลเผยไปด้วยเลย นับว่า
เป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง”
หม่าซิ่วเหนียงเพียงหัวเราะ “ใครช่วยเจ้าเย็บรองเท้าถุงเท้าพวกนี้ ฝีเข็มช่างประณีต
เหลือเกิน”
อวี้ถังเงี่ยหูตั้งใจฟังเสียง เห็นว่าด้านนอกเงียบเชียบ จึงกระซิบบอกยิ้มๆ ว่า “นายท่าน
สามให้คนส่งมา ได้ยินว่าสั่งทําจากโรงปักผ้าแห่งหนึ่งในเจียงซี”
หม่าซิ่วเหนียงได้ยินพลันทําหน้าแตกตื่น จากนั้นก็หัวเราะคิก ก่อนส่งสายตาล้อเลียน
ให้อวี้ถัง “ดูท่าเขาเป็นคนใส่ใจไม่เลว”
อวี้ถังถอนหายใจ “บางครั้งก็เหมือนเด็ก ครึ้มฟ้าครึ้มฝน ตอนอารมณ์ดี ก็ละเอียดใส่ใจ
จนทําให้เจ้าพูดไม่ออก แต่ถ้าอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา ไม่ต้องพูดถึงละเอียดใส่ใจหรอก แค่อ้าปากพูด
ก็ขี้คร้านจะแย่”
หม่าซิ่วเหนียงหัวเราะฮ่าๆ “ดูท่าพวกเจ้าคงจะเข้ากันได้ดี”
อวี้ถังผงกศีรษะยิ้มตาหยี “ข้าไม่หวังถึงขั้นเข้ากันได้หรอก นิสัยอย่างเขา ขนาดตอนที่
ท่านผู้เฒ่ามีชีวิตอยู่ยังไม่เคยก้มหัวให้ด้วยซํ้า นับประสาอะไรกับตอนนี้”
หม่าซิ่วเหนียงเห็นดังนั้นก็กระเซ้าว่า “ท่าทางเจ้าก็มิได้ขุ่นเคืองเลยนี่”
“ไม่ได้ขุ่นเคืองหรอก!” อวี้ถังยิ้มหวาน มีบางคําที่กระดากเกินกว่าจะเอ่ย
รูปลักษณ์ของเผยเยี่ยนโดดเด่นเกินไป ต่อให้เขาจะอารมณ์เสีย แต่นางเห็นแล้วก็รู้สึก
เพลินตาอยู่ดี จึงไม่เคยขุ่นเคืองเขาได้จริงๆ เสียที
หม่าซิ่วเหนียงเอ่ยว่า “ทําไมเขาถึงไปสั่งทําถุงเท้ารองเท้าจากโรงงานที่เจียงซีเล่า? งาน
ปักพวกนี้ซูโจวหังโจวขึ้นชื่อที่สุด? เขากลัวว่าคนอื่นจะรู้เรื่องรึ?”
“เปล่าหรอก!” อวี้ถังหัวเราะ “เพราะมีคนไปเจียงซีพอดี นํากลับมาจากเจียงซีทางนั้น
สะดวกกว่าไปสั่งทําที่หังโจวน่ะ”
นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่สะดวกจะเล่าให้หม่าซิ่วเหนียงฟัง
สกุลเผยซื้อที่นาหนึ่งผืนแถบเจียงซี ตอนที่ผู้ดูแลไปลงนามซื้อขาย เผยเยี่ยนจึงสั่งให้เขา
จัดการเรื่องนี้ด้วย
ในเมืองหลินอันมีไม่กี่คนที่รู้ว่าสกุลเผยซื้อที่นาแถบเจียงซี อวี้ถังรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ควร
ออกมาจากปากนาง
สองคนคุยกันพลางหัวเราะคิกคักกันพลาง จัดถุงเท้ารองเท้าตามรายการจนเสร็จ
เรียบร้อย กําลังจะตามไปดูจางฮุ่ยที่เฉินซื่ออุ้มไปยังห้องหนังสือ ทว่าเงยหน้าขึ้นก็เห็นอาเสา
ชะโงกหน้าเข้ามามอง
อวี้ถังหัวเราะแล้วแหย่เขาว่า “เจ้าทําอะไรน่ะ? มีเรื่องอะไรที่นายหญิงจางฟังไม่ได้อย่าง
นั้นรึ?”
อาเสาหัวเราะแห้งอย่างกระดาก เลิกผ้าม่านแล้วเดินเข้ามาหา เอ่ยว่า“นายท่านสามมา
ขอรับ รออยู่ที่ประตูด้านหลัง!”
นี่ก็คือแอบมาพบอวี้ถังสินะ
หม่าซิ่วเหนียงยกมือปิดปากหัวเราะ “ข้าไม่ควรฟังจริงๆ ด้วยสิ”
ดวงหน้าอวี้ถังพลันเห่อแดงไปหมด
หม่าซิ่วเหนียงเอ่ยว่า “เอาล่ะ เจ้าจัดถุงเท้ารองเท้าต่อไปก็แล้วกัน ส่วนข้าจะไปดูฮุ่ย
เอ๋อร์ว่างอแงรบกวนมารดาเจ้าหรือไม่”
นี่ก็คือจะช่วยอวี้ถังเก็บเป็นความลับ ทั้งยังเปิดทางสะดวกให้นางอีก
อวี้ถังเอ่ยขอบคุณด้วยดวงหน้าแดงเรื่อ แล้วเดินไปที่เรือนหลัง
เผยเยี่ยนยืนหลับตาพิงกําแพงเรือนด้านหลังอยู่
แสงแดดเจิดจ้าส่องลงบนใบหน้าเขา หล่อเหลาเสียจนคนไม่อาจละสายตา
อวี้ถังยืนชื่นชมอยู่เงียบๆ พักหนึ่ง ก่อนเดินยิ้มเข้าไปหา ถามเสียงเบาว่า “ท่านมาหาข้า
มีเรื่องอะไรรึ!”
เผยเยี่ยนถึงได้ลืมตาขึ้น
เขารู้ตัวตั้งแต่ที่อวี้ถังออกมาแล้ว แต่เขาแค่ไม่อยากลืมตาเท่านั้น เพราะรู้สึกกลัวนิด
หน่อยที่ต้องเจอหน้าอวี้ถัง
หรือจะพูดว่า กลัวจะเห็นแววตาสงบนิ่งไร้เกลียวคลื่นของนาง
เขาอดจะมองสํารวจนางอย่างละเอียดไม่ได้
ดวงหน้าขาวผ่อง เส้นผมดําขลับ เปล่งประกายมีชีวิตชีวา ดวงตาวิบวับเฉกดวงดาวคู่
นั้นมองตรงมาที่เขา นัยน์ตามืดสนิทนั่น คล้ายมีรอยยิ้มอยู่กลายๆ
“มีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ?” อวี้ถังถาม แต่ถูกเผยเยี่ยนจับจ้องจนขัดเขิน สีแดงอ่อนแต่ง
แต้มทั่วลําคอไล่ไปถึงดวงหน้า ลามไปยังใบหู กระทั่งในดวงตานาง
เผยเยี่ยนหัวเราะออกมาในที่สุด
คําพูดของหลี่ตวนถึงส่งผลต่อเขาได้อย่างไร?
ต่อให้หัวใจของอวี้ถังเคยมีเงาของคุณชายรองสกุลเว่ยอยู่แล้วเป็นอย่างไร?
ตอนนี้ คนที่นางมองอยู่คือเขา ในสายตาล้วนมีแต่เขา
อีกอย่าง เขาเองก็มั่นใจ ว่านับจากนี้อวี้ถังจะไม่มีวันอาลัยคนผู้นั้น และไม่มีทางคิดถึง
คนผู้นั้นอีก
จู่ๆ เผยเยี่ยนก็ดึงอวี้ถังเข้าสู่อ้อมกอด
คนผู้นี้เป็นของเขา
จะต้องเป็นของเขาคนเดียว
แค่เขาคนเดียวเท่านั้น
เขาจะทําให้นางยินยอมพร้อมใจที่จะอยู่ข้างกายเขาเอง
เขาเป็นชายชาตรี หากว่าเรื่องแค่นี้ยังไม่มีความมั่นใจ แล้วจะแต่งภรรยาเพื่ออะไรเล่า
เผยเยี่ยนมีกําลังใจฮึกเหิม กดจูบลงที่ศีรษะของอวี้ถังแผ่วเบาอย่างอดใจไม่อยู่
ในสมองอวี้ถังเกิดเสียง ‘ตูม’ คล้ายถูกระเบิดจนไม่รู้ทิศเหนือใต้
ไม่รู้ว่าผ่านไปชั่วอึดใจหรือนานหลายเค่อ อวี้ถังถึงได้สติคืนกลับมา แต่อวี้ถังที่เพิ่ง
รู้สึกตัว กลับสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดอุ่นที่หอมกลิ่นไม้จันทน์อ่อนๆ จากตัวเผยเยี่ยนได้เป็นสิ่งแรก
ความนุ่มนวลที่ห้อมล้อมรอบตัว ทําให้หัวใจนางสั่นรัวและอิ่มเอมไปด้วยความสุข
นี่ ก็คืออ้อมกอดของเผยเยี่ยนรึ?
นางรู้สึกถึงความร้อนไหม้ที่ดวงหน้า ร่างกายแข็งทื่อจนปวดไปถึงกระดูก
นางทั้งไม่อยากจากไป แต่ก็รู้ว่าเช่นนี้ไม่ถูกธรรมเนียม
นางควรทําอย่างไรดี?
อวี้ถังลังเลทําตัวไม่ถูก มันรวดเร็วเหมือนตอนที่เขากอดนาง จู่ๆ เผยเยี่ยนก็ปล่อยตัว
นางออกมา
นางทําหน้ามึนงง จากนั้นก็เห็นสีหน้าเรียบตึงของเผยเยี่ยน เขาเอ่ยกับนางอย่างเคร่ง
ขรึมว่า “เจ้าวางใจเถอะ ต่อไปข้าจะดีต่อเจ้า เจ้าแค่อยู่เคียงข้างข้าตลอดไปก็พอ”
ดวงตาผลเมล็ดซิ่งของอวี้ถังเบิกโต
ยังไม่รู้ด้วยซํ้าว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ทว่าเผยเยี่ยนก้าวขาเดินจากไปแล้ว
ระหว่างนั้นก็ยังเอ่ยขึ้นอีกว่า “เรื่องที่ร้านเครื่องลงรักเจ้าไม่ต้องกังวล ข้าส่งเผยชีให้คอย
จับตาดูไว้แล้ว มีเรื่องอะไรเขาจะรายงานข้าทันที ข้าจะช่วยพี่ใหญ่เจ้าดูด้วยตนเอง”
นี่มันเรื่องอะไรกับอะไรนะ?
อวี้ถังจับความไม่ได้ เท้าจึงเดินตามเขาไปติดๆ
เผยเยี่ยนกลับเร่งฝีเท้าเร็วกว่าเก่า ก่อนจะหายไปจากตรอกหลังเรือนของนางอย่าง
รวดเร็ว
อวี้ถังชะงักเท้าอยู่กับที่ นึกย้อนทุกปฏิกิริยาของเผยเยี่ยนหลังจากที่เจอนาง ก่อนจะ
หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างข่มไม่อยู่เมื่อเห็นว่าในตรอกไร้ผู้คน
เผยเยี่ยนมาเพื่อแสดงความในใจต่อนางรึ?
แล้วเมื่อครู่ตอนที่นางเดินตามเขา ก็เห็นใบหูของเขาแดงแจ๋ เป็นเพราะเขินอายอย่าง
นั้นรึ?
รอครั้งหน้าที่นางได้พบเขา จะต้องตั้งใจสังเกตดูให้ดีเชียว
หากว่าใบหูเขาจะขึ้นสีเมื่อรู้สึกเขินอายจริงๆ เช่นนั้นต่อไปนางก็สามารถจับอารมณ์เขา
ได้อย่างแม่นยําจากอาการเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้?
อวี้ถังก้าวขาเดินกลับอย่างเชื่องช้า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ไม่ได้ส่งผลต่อ
อารมณ์เบิกบานที่รอออกเรือนของนาง แต่การที่เผยเยี่ยนลอบมาพบนางกลับทําให้นางรู้สึก
หวานลํ้ากว่าเดิม
เพียงแต่เมื่อนางกลับไปถึงเรือน ก็เห็นกระแสล้อเลียนในดวงตาของหม่าซิ่วเหนียง
กับเฉินซื่อ ดวงหน้าจึงแดงคล้ายสีเลือด
ส่วนเผยเยี่ยนที่กลับไปถึงจวน เขาก็พิจารณาตนเองอย่างละเอียดถึงทุกอากัปกิริยาที่
แสดงออกหลังจากเจออวี้ถัง เมื่อพบว่าไม่ได้ทําสิ่งใดผิดพลาดถึงสงบใจลงได้ จนพอมีเวลาไป
ขบคิดถึงเจตนาของหลี่ตวนที่เอ่ยวาจาพวกนั้นกับเขา
เขาส่งเสียงเหอะเย้ยหยันอยู่ในห้องหนังสือ
ในเมื่อกล้ายั่วโทสะเขา เช่นนั้นก็ต้องมีปัญญาแบกรับผลที่จะตามมาด้วย
เผยเยี่ยนเรียกเผยชีเข้ามา “เรื่องที่ร้านเครื่องลงรักข้าจะเป็นคนดูด้วยตนเอง ส่วนเจ้า
ไปที่เรือนสกุลหลี่บ้านหลัก บอกว่าหลี่ตวนร้องแรกแหกกระเชอจะขายคฤหาสน์หลังเก่าไปทั่ว
ข้าทนดูต่อไปไม่ไหว จึงรับซื้อคฤหาสน์หลังนั้นเอาไว้ และตั้งใจจะคืนมันให้สกุลเขา ให้พวกเขา
ส่งคนมารับโอนกรรมสิทธิ์ แล้วค่อยไปที่เมืองหังโจว ไปพบเถ้าแก่รองถง บอกเขาให้ช่วยเจ้า
บีบหลี่ตวนให้ถอนเงินออกจากเมืองหังโจวให้หมด และอย่าให้เขาลงหลักปักฐานที่เมืองอื่นได้
ตามใจชอบ”
ดีที่สุดหากทําให้เขาวิ่งวุ่นไปทั่วด้วยความลําบากยากแค้น จนไม่มีกะจิตกะใจเล่าเรียน
ได้
พอถึงสนามสอบช่วงฤดูใบไม้ผลิอีกสองปีข้างหน้า เขาก็จะได้เป็นเพียงคนที่เพิ่มจํานวน
ผู้เข้าสอบเท่านั้น เช่นนั้นย่อมจะประเสริฐยิ่ง
เผยชีมิได้หนักแน่นอย่างเช่นเผยอู่ ดังนั้นจึงชื่นชอบการ ‘รังแก’ คนเช่นนี้เป็นที่สุด
เขาตอบรับด้วยความเต็มอกเต็มใจ ดวงตาเปล่งประกายวิบวับ สองเท้าวิ่งซอยออก
จากจวนสกุลเผย ไปส่งข่าวให้กับบ้านหลักสกุลหลี่
เผยเยี่ยนจึงอารมณ์เบิกบานแจ่มใสขึ้นมาบ้าง