ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่355 แม่สื่ อ
หรือเพราะมีเรื่องจะขอร้องสกุลเผย?
อวี้ถังหันไปมองทางนายหญิงรอง บังเอิญนายหญิงรองก็หันมามองนางพอดี สองสะใภ้
แลกเปลี่ยนสายตากัน ก่อนจะเริ่มออกหมัดกับนายหญิงทั้งสองของสกุลหยางโดยไม่ต้องนัด
หมาย วาจารุกรับไม่เหลือรอยช่องโหว่ให้โจมตีได้เลย
โชคดีที่ผ่านไปไม่นานก็ถึงเวลาเริ่มงานเลี้ยง
เผยเยี่ยนแม้จะไม่มีตําแหน่งขุนนาง แต่เผยเซวียนเป็นถึงขุนนางใหญ่ขั้นสาม อวี้ถัง
อาศัยบารมีของนายหญิงรอง ได้นั่งร่วมกับเหล่าสะใภ้ของพวกขุนนางขั้นสามไปด้วย เช่นนี้แล้ว
จึงได้นั่งใกล้ฮูหยินฉินอีกครั้งอย่างไม่อาจเลี่ยง
ฮูหยินฉินสีหน้าไม่สู้ดี ตอนที่ส่งยิ้มให้อวี้ถังกับนายหญิงรองจึงดูฝืดเฝื่อนยิ่ง
อวี้ถังคิดถึงท่าทีที่คนสกุลอู่เข้าไปเกาะแกะฮูหยินฉิน นึกสงสัยว่าสกุลอู่คงตั้งใจให้
คุณหนูอู่แต่งเข้าสกุลฉินเป็นแน่
นางอดจะร้อง ‘เพ้ยๆ’ ในใจสองทีไม่ได้
สกุลอู่ช่างมีใจทะเยอทะยานเสียเหลือเกิน
แต่ว่าอํานาจการตัดสินใจของเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่สกุลอู่
ฮูหยินฉินเหลือบมองเผยตัน ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะขอเผยตันมาเป็นสะใภ้ตน ดังนั้น
ตอนที่นางเจอกู้ซีจึงค่อนข้างแสดงไมตรีให้ เห็นว่านางวิ่งไปทางโน้นทางนี้ทีเพื่อสานสัมพันธ์กับ
เหล่าฮูหยินคนอื่นๆ จึงคิดอยากจะช่วยเหลือนาง โดยพานางเดินไปรอบๆ หนหนึ่ง
นายหญิงใหญ่สกุลหยางเห็นดังนั้นก็ยิ่งตาร้อนผ่าว กระซิบกับนายหญิงรองสกุลหยาง
ว่า “เห็นหรือไม่? อูฐที่ผอมตายก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า เจ้ายังไม่ยินยอม ข้ากลัวว่าเราจะจับสกุล
เผยไม่ได้น่ะสิ?”
2825
นายหญิงรองสกุลหยางขบริมฝีปาก ไม่ได้เปล่งวาจา
วันที่สองเช้าตรู่ นางไปเรือนสกุลเผยพร้อมกับนายหญิงใหญ่ด้วยตนเอง
ตอนอวี้ถังได้รับจดหมายก็รู้สึกตื่นตะลึงอยู่บ้าง
นางคิดว่าสกุลหยางนั้น อย่างไรก็ต้องให้แม่นมที่มีหน้ามีตามาเป็นคนส่งเทียบเชิญ ไม่
คิดว่านายหญิงรองจะมาด้วยตนเองเช่นนี้
อย่างไรก็เป็นท่านป้าของเผยถง อวี้ถังให้คนไปแจ้งกับกู้ซี แล้วรับรองนายหญิงสกุล
หยางทั้งสองที่โถงบุปผาในเรือนตน
นายหญิงรองสกุลหยางเปลี่ยนจากคนไม่ค่อยพูดจาตอนอยู่งานเลี้ยงสกุลเจียง กลาย
มาเป็นคนทักทายอวี้ถังก่อนด้วยความกระตือรือร้น เชื้อเชิญนางให้ไปเป็นแขกที่เรือนเมื่อถึง
เวลานัด
อวี้ถังรับปากทันที แล้วนั่งคุยเป็นเพื่อนทั้งคู่พักหนึ่ง กระทั่งกู้ซีมาถึง
นางพลันหยัดกายลุกแล้วขอตัว ยกเก้าอี้ให้กู้ซีนั่งแทน
แต่พอออกจากประตูโถงบุปผานางก็เจอกับแม่นมจินคนสนิทของนายหญิงรองสกุล
เผย แม่นมจินคารวะอวี้ถังอย่างสุภาพ จากนั้นก็เอ่ยถึงจุดประสงค์การมาของตนว่า “นางหญิง
รองถามว่า จะต้องเตรียมชุดเพื่อไปเป็นแขกที่เรือนสกุลหยางอีกสี่วันให้หลังไหมเจ้าคะ?”
กลัวว่านางจะรับปากไปเป็นแขกที่เรือนสกุลหยางรึ?
อวี้ถังจึงเดินไปที่เรือนของนายหญิงรอง เอ่ยกับนางว่า “นายหญิงสกุลหยางทั้งสองมา
เยือนด้วยตนเอง จึงได้แต่ตอบไปอย่างนั้นก่อน ข้าตั้งใจว่าพรุ่งนี้ค่อยส่งคนไปแจ้งสักครั้ง หาก
ว่าบอกปัดไม่ได้ พวกเรามิใช่มีหลานสะใภ้อยู่อีกคนรึ? พวกนางเป็นครอบครัวเดียวกัน คุยกัน
ง่ายกว่าพวกเราตั้งเยอะ”
2826
นายหญิงรองถอนหายใจโล่งอก รีบลากอวี้ถังไปที่ห้องหนังสือ ยื่นจดหมายที่เพิ่งเขียน
เสร็จ รอยนํ้าหมึกยังไม่ทันแห้งส่งให้นางอ่าน “ข้าขอร้องพี่ชายฝั่งสกุลมารดาข้าให้ช่วยสืบเรื่อง
คุณชายใหญ่สกุลฉิน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
จินหลิงแม้จะค่อนข้างไกลจากหังโจว แต่อวี้ถังคิดว่า หากเป็นนาง นางก็จะขอร้องให้อวี้
หย่วนไปสืบเช่นเดียวกัน
นางเอ่ยว่า “เช่นนี้ก็ดีเจ้าค่ะ ระวังไว้หน่อยจะดีกว่า เด็กสาวแต่งงาน ก็เหมือนได้เกิด
ครั้งที่สอง หากเลือกที่เกิดได้ไม่ดี ครึ่งชีวิตที่เหลือคงไม่อาจผ่านไปอย่างสงบสุขได้”
นายหญิงรองพยักหน้าระรัว แล้วพูดเรื่องหลินซื่อกับอวี้ถัง “…ตอนนั้นใครๆ ก็ว่านาง
แต่งงานไปได้ดี แล้วตอนนี้เล่า? ได้ยินว่าคุณชายรองสกุลหลี่กลับมาที่หลินอัน มารับฮูหยินหลี่
ไปแล้ว ไม่พูดถึงเส้นทางซี่เป่ ยที่ยาวไกล อากาศที่นั่นก็โหดร้าย ไม่รู้ว่าฮูหยินหลี่จะได้พบหน้า
สามีอย่างปลอดภัยหรือเปล่า น่าสงสารเจ้าหนุ่มหลี่จวิ้นคนนั้น เริ่มจากต้องมีบิดาเช่นนี้ แล้วยัง
เจอพี่ชายแบบนี้อีก ชีวิตนี้ของเขาคงถูกทําลายย่อยยับแล้ว”
เทียบกับชาติก่อนที่ต้องตายแต่เล็ก ระหว่างความไม่รู้ไร้ความหวาดกลัวในตอนนั้น กับ
การที่ต้องระหกระเหินอย่างยากลําบากในตอนนี้ แบบไหนดีกว่ากัน?
อวี้ถังถอนหายใจเฮือก
นายหญิงรองก็ค่อนข้างเศร้าใจ
ตอนที่อวี้ถังส่งจดหมายไปถึงสกุลหยางว่าไม่อาจไปร่วมงานได้แล้วให้นัดแนะเวลากัน
ใหม่ สกุลหยางก็ดึงดันไม่ยินยอม จะให้อวี้ถังกับนายหญิงรองไปดื่มนํ้าชาที่เรือนให้จงได้ สอง
สะใภ้จึงมาเยือนถึงประตูอีกรอบ
ครั้งนี้อวี้ถังกับนายหญิงรองมีการเตรียมตัวล่วงหน้า พวกนางไปเป็นแขกที่เรือนสวี
เซวียน ทั้งพาคุณหนูห้าไปด้วย
2827
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าพอไปถึงสวีเซวียนทางนั้น ก็พบกับฮูหยินฉินที่มาเป็ นแขก
เช่นเดียวกัน
อวี้ถังแอบตําหนิสวีเซวียนเล็กน้อยว่า “เจ้ามีแขกทําไมไม่รีบบอกข้าก่อนเล่า! พวกเรา
ค่อยมาวันหลังก็เหมือนกัน”
สวีเซวียนยิ้มเจื่อน “ฮูหยินฉินมากะทันหัน นางมากับญาติผู้พี่ของข้าน่ะ”
อวี้ถังถึงเพิ่งรู้ว่าฮูหยินหลีก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน
สวีเซวียนเอ่ยอย่างจนปัญญาว่า “เจ้ารู้แล้วหรือยังว่าทําไมข้าชอบไปเป็นแขกเรือนเจ้า?
ไหนจะญาติผู้พี่เอย ญาติผู้น้องเอย แม้จะออกเรือนไปแล้ว แต่ก็ยังเห็นว่าที่นี่เป็นบ้านของนาง
อยู่ อยากมาก็มา อยากไปก็ไป พาแขกมาด้วยแบบนี้ก็มิใช่ว่าเป็นครั้งแรก” พูดถึงตรงนี้ นางก็
เริ่มสงสัย สายตาจ้องเขม็งที่อวี้ถังอย่างไม่หลบเลี่ยง “เจ้าสารภาพกับข้ามาตามตรง ฮูหยินฉินมี
เรื่องต้องการขอร้องสกุลเจ้าหรือเปล่า? ไม่อย่างนั้นนางคงไม่ตามมาแน่”
เหล่าสตรีที่ออกเรือนแล้วของสกุลอินมักเห็นว่าเรือนสกุลฝั่ งมารดาก็คือบ้านอีกหลัง
ของตน ฮูหยินฉินเป็นคนรู้ธรรมเนียม ไม่มีทางติดตามพวกนางกลับมาด้วยแน่
อวี้ถังเห็นว่าสวีเซวียนมิใช่คนนอก ทั้งนางยังรู้ข่าวสารทั่วถึงฉับไว จึงเล่าเรื่องที่ฮูหยิน
ฉินตั้งใจจะดองกับสกุลเผยให้สวีเซวียนฟัง
สวีเซวียนได้ยินก็หัวเราะขําใหญ่ “เจ้ารู้หรือไม่ ภรรยาใหม่ที่สกุลเฟ่ ยจะหาให้เฟ่ ยจื้อ
เหวิน คือญาติผู้น้องของใต้เท้าฉิน”
อวี้ถังอ้าปากค้าง รอฟังข่าวซุบซิบจากสวีเซวียน
สวีเซวียนบอกกับอวี้ถังว่า “ใต้เท้าฉินมีทุกวันนี้ได้ เพราะได้อาของเขาช่วยไว้ แต่อาของ
เขาก็ลําบาก มีเพียงบุตรสาวที่โตเต็มวัยแล้ว แล้วบุตรสาวคนนี้ก็โชคร้ายนัก บิดามารดาตาย
ตามกันไปติดๆ เตรียมเรื่องแต่งงานกี่รอบก็มาชนช่วงไว้ทุกข์ เวลาผ่านไปเช่นนี้จนอายุล่วงเลย
มาไกล ใต้เท้าฉินเพื่อจะตอบแทนบุญคุณของท่านอา จึงพยายามหาคู่ครองที่ดีให้ญาติผู้น้อง
2828
คนนี้ให้ได้ ไปๆ มาๆ ไม่รู้ว่าทําอย่างไร พี่ชายของเฟ่ ยจื้อเหวินรู้เรื่องเข้า ข่าวลามไปถึงหูของฮู
หยินผู้เฒ่าสกุลเฟ่ ย เพราะเรื่องนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าถึงกับส่งคนไปดูตัวคุณหนูฉินเป็นพิเศษ เพียงแต่
เฟ่ ยจื้อเหวินทางนั้นก็ไม่ยอมเปิดปากเสียที เรื่องถึงยืดเยื้อมาเรื่อยๆ”
เล่าถึงตรงนี้ นางก็คล้ายจะรื่นเริงบนความทุกข์ของผู้อื่น “หากใต้เท้าฉินไม่สนใจความ
เป็นตายของญาติผู้น้อง ก็คงไม่วิ่งวุ่นแบบนี้ ถ้าเฟ่ ยจื้อเหวินทําตามคําที่ลั่นเอาไว้ก่อนหน้า
ลาออกจากราชการ ท่องเที่ยวทั่วทิศไม่ยุ่งเกี่ยวกับสกุล ใต้เท้าฉินย่อมไม่ยินยอมให้ญาติผู้น้อง
ของตนแต่งไปเป็นม่ายทั้งเป็นแน่ แต่ปัญหาก็คือ ไม่รู้เฟ่ ยจื้อเหวินไปฟังเผยเยี่ยนสกุลเจ้าพูด
อะไรมา ไม่เพียงไม่ลาออก ยังวิ่งไปเขียนเครื่องลางให้ฮ่องเต้อีก เอาใจเบื้องบนแบบนี้ ก็เพราะ
ต้องการชิงตําแหน่งเก๋อเหล่าน่ะสิ! เช่นนั้นเขาไม่มีทางให้ภรรยาที่แต่งเข้ามาเป็นเพียง
เครื่องประดับได้ งานแต่งนี้เขาหนีไม่รอดแน่! เจ้าว่า เผยสยากวงของพวกเจ้าใช่ขุดหลุมฝัง
ตัวเองอยู่รึเปล่า?”
อวี้ถังรู้สึกสับสน เอ่ยว่า “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเผยสยากวงล่ะ?”
สวีเซวียนดีดหน้าผากนางเบาๆ จากนั้นก็หัวเราะ “เจ้านี่นะ! ถ้าคุณหนูฉินคนนั้นแต่งให้
เฟ่ ยจื้อเหวินจริง สกุลฉินกับสกุลจางก็ต้องยืนอยู่ฝั่งเดียวกัน เช่นนั้นสกุลเผยก็ต้องคิดเรื่องการ
เกี่ยวดองกับสกุลฉินให้รอบคอบแล้ว”
ก็เพราะสกุลใหญ่ในแถบเจียงหนาน นับไปนับมาก็มีอยู่ไม่กี่สกุลเท่านั้น
นี่คือข้อสรุปที่อวี้ถังได้มาจากการศึกษาแผนผังของสกุลต่างๆ กับสวีเซวียนในช่วงนี้
สองคนคุยเรื่องสัพเพเหระอยู่พักหนึ่ง ตอนที่เดินทางกลับนายหญิงรองคล้ายคิดเรื่อง
อะไรอยู่ในใจ
ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันแน่
2829
อวี้ถังคุยเรื่องนี้กับเผยเยี่ยนเมื่อตกดึก เผยเยี่ยนคิดต่างจากนาง “สุดท้ายก็ต้องดูว่า
คุณชายใหญ่สกุลฉินเป็นคนอย่างไร ไม่จําเป็นต้องมาจากไม่กี่สกุลใหญ่ในเจียงหนานเสีย
หน่อย สกุลที่ด้อยลงมาก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่”
ตอนที่นางนั่งหวีผมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก็ยังครุ่นคิดเรื่องนี้ไม่หยุด
เผยเยี่ยนเริ่มไม่สบอารมณ์ “เจ้าจะยุ่งกับเรื่องพวกนี้ทําไม วันนี้เจ้ายังไม่ถามข้าเลยว่า
ไปทําอะไรมาบ้าง?”
อวี้ถังรีบถามเขาทันทีว่า “วันนี้ท่านไปทําอะไรมาบ้าง?”
เผยเยี่ยนโมโหยิ่งกว่าเก่า ตวัดผ้าห่มออกแล้วล้มตัวลงนอน หันหลังใส่ไม่ยอมคุยกับอวี้
ถังอีก
อวี้ถังจึงต้องทบทวนความผิดของตน
หรือวาจาเมื่อครู่ของนางจะไร้ความจริงใจเกินไปหน่อย?
นางรีบพุ่งไปกล่อมเขา “ท่านเหนื่อยหรือไม่? ข้าไปรินนํ้าผิวส้มให้ท่านแก้วหนึ่ง ดื่มแล้ว
ค่อยเข้านอนนะเจ้าคะ”
เผยเยี่ยนมีความเคยชินบางอย่างที่ทําให้อวี้ถังพูดไม่ออก…เขาชอบดื่มนํ้าที่แช่ผิวส้ม
ตากแห้ง
เผยเยี่ยนเอาแต่หลับตาไม่ส่งเสียง
อวี้ถังจึงง้อเขาต่อไปว่า “ข้าถูกผังเครือญาติทําเอามึนงงไปหมด ท่านคิดดูสิ หากว่าอา
ตันของเราแต่งให้สกุลฉิน เช่นนั้นเรากับสกุลเฟ่ ยก็ต้องเกี่ยวดองกันไปด้วย? ได้ยินว่านายหญิงผู้
เฒ่าสกุลเฟ่ ยให้คนไปดูตัวคุณหนูฉินแล้ว ไม่รู้ว่าคุณหนูฉินมีความเห็นอย่างไรบ้าง?”
เผยเยี่ยนเบี่ยงหัวไหล่หนี คล้ายพยายามจะสะบัดอวี้ถังให้หลุด
2830
อวี้ถังไม่กลัวเขา โอบแขนรอบไหล่ของเขาอย่างได้คืบจะเอาศอก จากนั้นก็สาธยายข้าง
หูเขาต่อว่า “ใต้เท้าฉินหล่อเหลาหรือไม่? ใต้เท้าเฟ่ ยคนนั้นดูท่าจะชอบหญิงงาม หากว่าคุณหนู
ฉินหน้าตาธรรมดา ท่านว่าใต้เท้าเฟ่ ยจะรังเกียจนางไหม? ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเฟ่ ยคงรู้ว่าใต้เท้า
เฟ่ ยชอบคนงาม…”
ทําไมนางเอาแต่พูดคําว่าเฟ่ ยจื้อเหวินเต็มไปหมด
เผยเยี่ยนนึกได้ว่าเฟ่ ยจื้อเหวินแม้จะอายุสี่สิบกว่าแล้ว แต่หน้าตาอ่อนเยาว์คล้ายไม่ถึง
สามสิบดี ในใจรู้สึกกระสับกระส่าย เขากระเด้งตัวขึ้นมานั่งทันที “เจ้าอย่าเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับ
เรื่องไม่เป็นเรื่องได้หรือไม่? เจ้าเห็นไหมว่าตอนนี้ใกล้จะถึงวันตวนอูแล้ว เจ้าเตรียมอาหารของ
กินที่จะใช้ในวันงานหรือยัง? เตรียมของเซ่นไหว้บรรพบุรุษหรือยัง? เฟ่ ยจื้อเหวิน เฟ่ ยจื้อเหวิน
เจ้าจะไปยุ่งกับเขาทําไม?”
อวี้ถังมองดวงหน้าบึ้งตึงของเขา รู้สึกอยากหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องข่มเอาไว้แล้วโน้ม
ตัวไปเกาะเผยเยี่ยนอีกรอบ “ก็ข้าอยากให้ท่านช่วยคิดนี่นา ข้ากลัวว่าถึงตอนนั้นเราดองกับสกุล
ฉินจริงๆ แล้วถ้าสกุลฉินกับสกุลเฟ่ ยแตกคอกันจนลากเราเข้าไปเกี่ยว…”
เผยเยี่ยนจ้องนางพักใหญ่ด้วยความเดือดดาล
อวี้ถังข่มอารมณ์แล้วแสร้งทําหน้า ‘เกิดเรื่องอะไรขึ้น’ จากนั้นก็หันไปกะพริบตาปริบๆ
ใส่เผยเยี่ยน
เผยเยี่ยนโมโหจนกลายเป็นหลุดขํา เอ่ยเสียงดุดันว่า “เจ้าจงใจใช่ไหม?”
“จงใจอะไรรึ?” นางถามอย่างไร้เดียงสา “ข้ากังวลใจจริงๆ หากว่าสกุลเฟ่ ยกับสกุลฉิน
หันมาเป็นศัตรูกัน แล้วพวกเราต้องยืนฝั่งไหน”
เผยเยี่ยนหัวเราะเสียงทุ้ม ก่อนจะกดอวี้ถังลงกับเตียง “เจ้าหาวิธีช่วยตัวเองให้ได้ก่อน
เถอะ!”
อวี้ถังกรีดร้องลั่น…
2831
ลมบางเบาต้นฤดูร้อนพัดผ่าน เปลวเทียนบนโต๊ะสั่นโยกวูบไหว มองเห็นคล้ายดอกไม้
ไฟหลายชั้น ส่งเสียงแผดเผาเบาแผ่วภายใต้ราตรีเงียบสงบ งามงดจับตา