ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่357 เป้าหมาย
วาจาดูแคลนความสามารถของนางเช่นนี้ กู้ซีฟังแล้วโกรธจนสั่นไปทั้งตัว
นายหญิงผู้เฒ่าสกุลหยางนับเป็นอะไรกัน?
หากเป็นเมื่อก่อน ก่อนที่นางจะไปร่วมงานเลี้ยงมงคลของสกุลเจียง นางคํานึงว่าสกุล
หยางเป็นสกุลฝั่ งมารดาของเผยถง ท่านผู้เฒ่าสกุลหยางก็เป็นถึงผู้ทําพิธีบวงสรวงของ
สํานักกั๋วจื่อเจี้ยน เพื่ออนาคตของเผยถง ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องกลํ้ากลืนเอาไว้ แต่ตอนนี้ นาง
รู้สึกได้อย่างชัดเจน แม้บุรุษสกุลหยางจะมีเส้นทางขุนนางที่สดใส แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางสกุลขุน
นางอื่นอย่างสกุลจางและสกุลหลี พวกเขาก็เป็นแค่สกุลที่เพิ่งมีหน้ามีตาและอีกไม่นานก็คงโรย
ราไปก็เท่านั้น หากอยากให้ผู้อื่นมองด้วยสายตาสูงส่ง อย่างน้อยในสกุลต้องมีขุนนางขั้นสองชั้น
เอกไม่ก็ขุนนางขั้นหนึ่งชั้นโทขึ้นไป หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องมีขุนนางขั้นสี่ห้าชั้นเอกติดต่อกัน
หลายๆ รุ่น
สกุลหยางในตอนนี้ ยังไม่อาจเทียบชั้นกับสกุลจางหรือสกุลหลีได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการ
ไปหาเรื่องเขาเลย
นางมีอะไรให้ต้องเกรงกลัวกัน
กู้ซีพลันตีหน้าเย็นเยียบ คนลุกขึ้นยืนจะเดินจากไป “ในเมื่อเป็นนี้ ข้าก็ขอตัวเจ้าค่ะ!”
เหล่าสตรีสกุลหยางที่มองอยู่ล้วนตกตะลึง นายหญิงใหญ่สกุลหยางได้สติก่อนใคร รีบ
ดึงแขนกู้ซีเอาไว้ แล้วกดความไม่พอใจพลางเอ่ยว่า “เจ้าเด็กคนนี้ ผู้อาวุโสตําหนิเจ้าสักสองคํา
จะเป็นไรไป? คงคิดว่าสกุลหยางสู้สกุลเผยไม่ได้ เลยรู้สึกว่าวาจาของนายหญิงผู้เฒ่าบาดหู
เกินไปกระมัง? แต่ที่นายหญิงผู้เฒ่าพูดก็หาได้เกินจริง นายหญิงสกุลเผยสองคนนั้นไร้ความ
จริงใจ พวกนางไม่ยอมมาคารวะด้วยตนเอง ยังจะส่งเจ้ามาแทนอีก? เจ้ารู้หรือไม่ว่าสกุลหยาง
เชิญพวกนางมาด้วยจุดประสงค์ใด? แขกที่มาร่วมงานมีตําแหน่งฐานะเช่นไรบ้าง? นายหญิงผู้
เฒ่าบอกว่าเจ้าไม่รู้ความ เจ้ายังไม่ยอมรับอีกรึ?”
2841
กู้ซีแต่ไรก็เป็นคนยโส หลังจากไปงานเลี้ยงมงคลของสกุลเจียง นางค้นพบว่าแม้สกุล
เจียงจะดูแคลนสกุลเผย แต่ก็ไม่กล้าทําอะไรต่อหน้า สกุลจางกับสกุลหลีสองสกุลเห็นแก่ฐานะ
หลานสะใภ้สกุลเผยของนางก็ยิ่งให้ความสําคัญ อีกอย่างนางยังมีพี่สะใภ้ที่มาจากสกุลอิน นาง
รู้สึกว่านอกจากความอาวุโสแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่ตนจะสู้อวี้ถังไม่ได้
วาจาของนายหญิงใหญ่สกุลหยาง จี้ยํ้าลงจุดที่นางแสลงใจอยู่พอดี
นางรีบวางตัวระแวดระวัง เอ่ยเสียงเย็นว่า “วาจาของท่านป้าเกินความจริงไปมาก อา
หญิงรองกับอาหญิงสามบอกแล้วว่ามีธุระมาไม่ได้ แต่ท่านก็ดึงดันจะจัดงานเลี้ยงให้พวกนาง
พวกนางจนปัญญา ถึงได้ส่งข้ามาแทน ข้าคิดว่าสกุลเฟ่ ยแม้จะมากอํานาจ แต่อย่างไรสกุล
หยางก็เป็นญาติฝั่งมารดาเรา ข้าย่อมจะยืนอยู่ข้างสกุลหยางวันยังคํ่า คิดไม่ถึงว่าในสายตา
ท่านป้า ข้าจะกลายเป็นคนผิด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้ายังจะอยู่ต่ออีกทําไม! ที่เรือนยังมีงานเป็น
พะเนินรอให้ข้ากลับไปสะสาง!”
พูดแบบนี้ แสดงว่าสะใภ้ทั้งสองของสกุลเผยไปที่เรือนสกุลเฟ่ ยอย่างนั้นรึ!
นายหญิงใหญ่กับนายหญิงผู้เฒ่าสกุลหยางแลกเปลี่ยนสายตากัน นายหญิงใหญ่
สกุลหยางโพล่งขึ้นมา “ข้ารู้ว่าเจ้ากตัญ�ูว่านอนสอนง่าย ท่านยายเจ้าก็แค่โมโหที่นายหญิง
สองคนนั้นไม่เห็นแก่หน้าพวกเราเลย”
ตอนกู้ซีอยู่ที่สกุลฝั่ งมารดาต้องเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ไม่รู้เท่าไร นางถือโอกาสโอด
ครวญ เอ่ยด้วยสีหน้าสุดแสนปวดใจว่า “คนที่ไม่มาไม่โดนต่อว่า แต่คนที่มาเพราะหวังดีกลับถูก
ทิ่มแทง ใจข้าจะรู้สึกดีได้อยู่รึ”
หลานสะใภ้คนนี้ มิใช่ว่าจะรับมือได้ง่ายๆเสียแล้ว
นายหญิงใหญ่สกุลหยางลอบสบถในใจ สีหน้าไม่ได้แสดงออก “เจ้าเองก็เป็นคนของ
สกุลหยาง ตอนนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น จะเกรี้ยวกราดให้ได้ประโยชน์อะไร? มิสู้นั่งลงปรึกษากัน
เพื่อหาทางออกจะดีกว่า”
2842
นายหญิงรองสกุลหยางที่นั่งเงียบเสียงมาตลอด จู่ๆ ก็โพล่งขึ้นว่า “จะทําอะไรได้? รีบ
ไปแจ้งคนพวกนั้นว่าไม่ต้องมาแล้วสิ! นางมิใช่นายหญิงของสกุลเสียหน่อย พวกเราพูดกับนาง
ไปแล้วจะเกิดประโยชน์อะไรเล่า!”
นายหญิงใหญ่สกุลหยางคล้ายสําลักอากาศทันที
กู้ซีแทบจะเต้นโหยงด้วยเพลิงโทสะ
หมายความว่าอย่างไร?
ไม่เห็นหัวนางอย่างนั้นรึ?
จริงอยู่ที่เรื่องบางเรื่องของสกุลเผยนางไม่อาจตัดสินใจเองได้ แต่คนสกุลหยางก็ไม่มี
สิทธิ์
มาวิพากษ์วิจารณ์นางแบบนี้
กู้ซีมองนายหญิงรองสกุลหยางพลางแสยะยิ้มใส่ “นั่นน่ะสิ ข้าอยู่ตรงนี้ก็ไม่เกิด
ประโยชน์อะไร ท่านป้าเอาแต่รั้งข้าไว้เช่นนี้คงไม่ค่อยดีกระมังเจ้าคะ!”
นายหญิงใหญ่สกุลหยางถลึงตาใส่นายหญิงรองทีหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ปล่อยมือที่จับแขนกู้ซี
เอาไว้
นายหญิงรองสกุลหยางเบี่ยงหน้าหนี วางท่าประมาณว่า ‘ข้าไม่ผิด ข้าไม่ต้องขอโทษ’
นายหญิงใหญ่ทําหน้าปวดศีรษะทันที
กู้ซีเริ่มไม่แน่ใจว่าสกุลหยางมีปัญหาอะไรจนต้องมาขอร้องสกุลเผย ขณะที่สองคน
แสดงบทร้องรับกันอยู่ นายหญิงผู้เฒ่าก็ฟาดมือลงโต๊ะดัง ‘ปัง’ แล้วตวาดเสียงลั่นว่า “พอที! ไม่
ต้องพูดอีกแล้ว ข้ายังไม่ตาย สิทธิ์
ขาดในเรือนนี้ยังไม่ได้อยู่ที่พวกเจ้า!”
นายหญิงใหญ่กับนายหญิงรองสกุลหยางก้มหน้างุด ขณะเดียวกันนายหญิงใหญ่ก็
คลายมือที่จับแขนกู้ซีเอาไว้
กู้ซีเพิ่งจะรู้ตัวว่านายหญิงใหญ่บีบแขนนางเต็มแรง แขนของนางเริ่มจะรู้สึกเจ็บนิดๆ
2843
นางกดนวดบริเวณที่ถูกบีบเบาๆ
นายหญิงผู้เฒ่าเผยสีหน้าอ่อนล้า ราวกับว่าพละกําลังเมื่อครู่ถูกใช้ไปหมดแล้ว
“สะใภ้อาถง เจ้านั่งลงคุยกันก่อน” นางเอ่ย “สะใภ้ใหญ่อยู่ก่อน สะใภ้รองเจ้าไปรอข้าง
นอก ข้ามีเรื่องจะพูด”
กู้ซีนิ่งอึ้งไป
นายหญิงทั้งสองของสกุลหยางรับคําเป็นเสียงเดียว นายหญิงใหญ่ลุกไปรินนํ้าชาให้
นายหญิงผู้เฒ่า ส่วนนายหญิงรองพาสาวใช้และหญิงรับใช้ที่อยู่ในห้องล่าถอยออกไป
นายหญิงผู้เฒ่าดื่มชาไปอึกหนึ่ง เห็นว่ากู้ซีนั่งบนเก้าอี้ตําแหน่งถัดออกไปแล้ว ถึงได้เอ่ย
ว่า “ในเมื่อเจ้าพูดถึงขนาดนี้แล้ว ข้าก็จะไม่ปิดบังเจ้า ที่พวกเราเสียแรงมากมายเพื่อเชิญนาย
หญิงทั้งสองของสกุลเผยมา ก็เพราะมีเรื่องจะขอร้องสกุลเผยจริงๆ แต่คําว่า ‘ขอร้อง’ นั้น นับว่า
เห็นแก่หน้าสกุลเผย สกุลเผยจะไม่รับปากก็ได้ แต่ผลลัพธ์ของการไม่ตอบตกลงนั้น สกุลเผย
ของพวกเจ้าก็ต้องชั่งนํ้าหนักเอาเอง”
กู้ซีแปลกใจเป็นที่สุด
นี่ไม่ใช่นํ้าเสียงของคนที่มาร้องขอ เหมือนจะคล้ายไปทาง…ข่มขู่
หรือว่าสกุลหยางกุมจุดอ่อนอะไรของสกุลเผยเอาไว้?
กู้ซีเองก็เป็นคนไม่ยอมให้ใครมาเหยียบยํ่าได้ง่ายๆ พอได้ยินดังนั้น แม้สีหน้าจะไม่
แสดงออก แต่ก็ตั้งหูรอฟังเต็มที่
นายหญิงผู้เฒ่าเห็นท่าทางของนาง ก็รู้ทันทีว่านางไม่ใช่คนไร้ความคิด
นางหันไปแลกเปลี่ยนสายตากับนายหญิงใหญ่สกุลหยางอีกครั้ง
นายหญิงใหญ่สกุลหยางจึงผงกศีรษะให้นายหญิงผู้เฒ่าเล็กน้อย
หากมิใช่คนฉลาด น้องสามีของนางคงไม่เลือกมาเป็นสะใภ้แต่แรก
2844
เรื่องมาถึงขั้นนี้ นายหญิงใหญ่สกุลหยางได้แต่รักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น เอ่ยว่า
“เจ้ากลับไปบอกอาหญิงสามเจ้าสักหน่อย เราอยากมีสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากกว่าเก่าด้วยการ
แต่งงานระหว่างสกุลอีกครั้ง หากนางคิดว่าท่านแม่เฒ่าสกุลเผยไม่ยินยอม คิดบอกปัดไม่ตอบ
ตกลง เจ้าก็ให้นางไปถามอาสามของเจ้าดู คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่สกุลเรากระจ่างแก่ใจ ปีนั้นเงิน
สองแสนตําลึงที่องค์ชายสามหอบกลับมาจากเจียงหนานเป็นเงินของใครแน่?”
กู้ซีมิใช่สตรีที่ไร้การศึกษา เพราะกู้ฉ่างกลัวว่ากู้ซีจะไม่ได้รับการอบรมจากสตรีอาวุโส
ในเรือน กังวลว่านางจะถูกเอาเปรียบ บางครั้งก็เคยเล่าเรื่องในราชสํานักมายกตัวอย่างให้นาง
ฟัง
พิธีบรรยายธรรมเมื่อวันสรงนํ้าพระปีก่อนกับเงินสองแสนตําลึงนั่น นางต่างรู้เรื่องทั้งสิ้น
วาจานี้ของสกุลหยาง บอกเป็นนัยว่าเงินสองแสนตําลึงขององค์ชายสามได้มาจากสกุล
เผยอย่างนั้นรึ?
กู้ซีพลันกระสับกระส่ายขึ้นมาทันที
เงินสองแสนตําลึงเป็นเรื่องเล็ก หากพูดให้ชัดกว่านี้หน่อย ก็เรียกได้ว่าเป็นเงินที่องค์
ชายสามขู่กรรโชกมา แต่ปัญหามีอยู่ว่า เงินสองแสนตําลึงนี้เกี่ยวพันกับเหตุการณ์ที่องค์ชาย
รองถูกลอบทําร้ายในปีนั้นด้วย
ฮ่องเต้ไม่ยอมแต่งตั้งรัชทายาทเสียที ตามหลักแล้ว หากไม่ใช่โอรสจากฮองเฮา ก็ต้อง
เป็นโอรสองค์โต เรื่องไม่น่าจะเกี่ยวพันมาถึงองค์ชายสามได้ ทว่าแต่ไรฮ่องเต้ก็ทรงโปรดองค์
ชายสาม ที่องค์ชายรองไม่ได้ถูกส่งออกไปจากเมืองหลวงก็เพราะองค์ชายสามเป็นเหตุ ยังเคยมี
ข่าวลือว่าที่โซ่วฟู่ คนก่อนต้องลาออกจากราชการไป เหตุเพราะไปคัดค้านเรื่องที่ฮ่องเต้จะปลด
โอรสองค์โตแล้วแต่งตั้งโอรสองค์เล็กแทน
หากสกุลเผยถูกลากเข้ามาสู่มรสุมลูกนี้ ต่อให้เก่งกาจเพียงใดก็ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
ใต้ผืนฟ้านี้ ล้วนเป็นแผ่นดินของกษัตริย์
2845
“ท่านหมายความว่าอย่างไร?” กู้ซีแทบจะร้องเสียงสูง “บางเรื่องอาจเหลวไหลทําได้ แต่
วาจาจะพูดเรื่อยเปื่อยไม่ได้เด็ดขาด สกุลหยางกับสกุลเผยเป็นญาติจากการเกี่ยวดองมิใช่หรอก
รึ!”
ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหยางพอใจกับปฏิกิริยาของกู้ซีมาก เอ่ยเสียงเย็นว่า “ข้าอายุปูนนี้แล้ว
จําเป็นต้องมาล้อเล่นกับเด็กอย่างเจ้ารึ! พวกเรานั้นอยากจะดองกับสกุลเผย แต่สกุลเผยก็ต้อง
ยอมรับการแต่งงานของสกุลเราด้วย ไม่อย่างนั้นอาศัยสิ่งใดให้พวกเราร่วมแบกรับแบ่งปันสุข
ทุกข์ไปพร้อมกับสกุลเผยเล่า เอาล่ะ เรื่องนี้เจ้าเองก็ไม่อาจตัดสินได้ ที่ข้าฝากคําไปกับเจ้า ก็
นับว่าลําบากเจ้าแล้ว แต่นายหญิงสกุลเผยทั้งสองไม่เห็นสกุลหยางอยู่ในสายตา พวกเรา
อยากจะสนทนากับพวกนางดีๆ สักครั้งยังทําไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”
กู้ซีส่ายหน้า ในใจสับสนมึนงง ไม่รู้ด้วยซํ้าว่ากลับมาถึงเรือนได้อย่างไร
แต่เมื่อกลับมาถึงนางจึงรู้ว่าอวี้ถังกับนายหญิงรองล้วนไม่อยู่เรือนสักคน
นางเดือดดาลจนต้องอ้าปากสูดหายใจเข้าลึกๆ คิดว่าหากนี่เป็นเรื่องจริง นางจะต้อง
ทําอย่างไร? ไม่รู้ว่าเผยโย่วพัวพันกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่? ถ้าตอนนี้บ้านใหญ่ขีดเส้นแบ่งกับเผย
เยี่ยนให้ชัดเจนจะทันการหรือเปล่า?
กู้ซีไม่มีเวลาสนใจเปลี่ยนชุด นางปีนขึ้นไปนั่งบนเกี้ยว แล้วเดินทางไปพบกู้ฉ่าง
กู้ฉ่างยังไม่ออกจากที่ว่าการ พี่สะใภ้สกุลอินของนางก็ไม่อยู่เรือนเช่นกัน
นางหันไปถามแม่นมสกุลกู้ว่า “พี่สะใภ้ข้าไปไหนเสียล่ะ?”
“เห็นบอกว่าใต้เท้าฉินจากกรมพิธีการเชิญไปเป็นแขกเจ้าค่ะ” แม่นมคนนั้นยิ้มตาหยี
“นายหญิง นายหญิงอิน กับนายหญิงสกุลท่านอีกสองคนต่างไปกันหมดเจ้าค่ะ”
มิใช่บอกว่านายหญิงผู้เฒ่าสกุลเฟ่ ยมาถึงแล้วรึ?
กู้ซีจับทิศทางไม่ถูก
2846
แม่นมคนนั้นเอ่ยว่า “ก็เพราะว่านายหญิงผู้เฒ่าสกุลเฟ่ ยมาถึงแล้วอย่างไรเจ้าคะ! นาย
หญิงฉินจึงต้องไปต้อนรับ สกุลฉินเชิญนายหญิงอีกหลายสกุลไปเป็นแขกด้วย”
นี่ก็คือเหตุผลที่อวี้ถังส่งนางไปยังสกุลหยางอย่างนั้นรึ?
กลัวว่านางจะโดดเด่นเกินไป หรือกลัวว่านางจะสานสัมพันธ์กับนายหญิงคนอื่นๆ ได้
มากกว่า
กู้ซีรอเหมือนสัตว์ติดกับอยู่เกือบหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดกู้เจาหยางก็มาถึง
นางลากพี่ชายไปที่ห้องหนังสือ แล้วค่อยๆ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง
กู้เจาหยางตกใจจนไม่อาจเก็บสีหน้าได้ สมองหมุนแล่นอย่างว่องไว ปากก็งึมงําว่า
“มิน่าเผยสยากวงถึงออกหน้าจัดการเรื่องนี้ ข้านึกว่าเขาต้องการแสดงอํานาจ ที่แท้เพราะไม่
ต้องการให้คนอื่นสืบรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงสกุลเผย? นี่เป็นเรื่องที่เผยโย่วกล้าทําออกมาได้
จริงๆ…”
ได้ยินพี่ชายเอ่ยถึงพ่อสามีที่ล่วงลับไปแล้ว กู้ซีพลันขนลุกซู่ทั่วร่าง รีบถามว่า “ท่านพี่
สกุลเผยพัวพันกับเรื่องนี้จริงรึเจ้าคะ? แล้วเกี่ยวกับพ่อสามีของข้าหรือไม่? เป็นไปได้ไหมว่า
สกุลหยางพูดโกหก?”
กู้เจาหยางส่ายหน้า เอ่ยเสียงเครียดว่า “เรื่องนี้ข้าได้ยินมานานแล้ว ทว่าไม่เคย
ไตร่ตรองอย่างละเอียด โดยเฉพาะเรื่องที่เผยโย่วจากไปกะทันหัน จากนั้นสกุลเผยก็ถอนตัว
กลับไปอยู่ที่หลินอัน”
พูดถึงตรงนี้ สองพี่น้องก็อดจะหันมามองหน้ากันไม่ได้
เผยเยี่ยนเป็นคนมากแผนการ ทั้งได้รับความเชื่อใจจากผู้เฒ่าจางอย่างลึกซึ้ง บิดาปกติ
คนใดบ้างจะเรียกบุตรชายที่น่าจะได้เข้าหอเน่ยเก๋อร์กลับมาดูแลกิจการของสกุลแทน
บางที เรื่องนี้อาจไม่เกี่ยวกับเผยโย่ว แต่เป็นเผยเยี่ยน?
2847
สองคนต่างมองเห็นความซับซ้อนทว่าไม่อาจอธิบายออกมาในแววตาของอีกฝ่ายได้
“เรื่องนี้ จําเป็นต้องบอกให้เผยเยี่ยนรู้” จู่ๆ กู้ฉ่างก็พบว่าตัวเองกุมจุดอ่อนของสกุลเผย
ไว้ในฝ่ ามือ ลําคอเขาแห้งผาก เอ่ยด้วยนํ้าเสียงแหบพร่าว่า “หากเกิดเรื่องกับสกุลเผย พวกเราก็
จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย”
เวลานี้กู้ฉ่างเริ่มนึกเสียใจที่ให้น้องสาวแต่งเข้าสกุลเผยเสียแล้ว