ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่358 ไม่เพียง
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว พูดมากไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
กู้ฉ่างเอ่ยกับกู้ซีว่า “เจ้ารอข้าเดี๋ยว ข้าไปบอกพี่สะใภ้เจ้าสักคํา แล้วจะไปส่งเจ้าที่สกุล
เผย”
เขาต้องการไปคุยกับเผยเยี่ยนอย่างละเอียดสินะ
เช่นนี้อวี้ถังก็จะไม่รู้เรื่องอะไรเลยน่ะสิ
สิ่งที่สกุลหยางต้องการ คือเริ่มลงมือจากอวี้ถังก่อนต่างหาก
วันนี้นางเป็นตัวแทนอวี้ถังไปที่สกุลหยาง สกุลหยางโยนเรื่องนี้มาให้นาง ตอนที่นางยัง
ตั้งสติไม่ได้กลับวิ่งมาหาพี่ชายของตน และพี่ชายของตนยังตั้งใจจะไปหารือกับเผยเยี่ยนด้วย
ตนเองอีก ทําไปทํามา ผลปรากฏว่าอวี้ถังไม่เพียงไร้ส่วนเกี่ยวข้อง นางยังสามารถนอนกินผลไม้
ใต้เครือผูเถากับนายหญิงอินได้อย่างวันเก่า พูดคุยเรื่องไร้สาระ แต่คนอื่นกลับอยากให้นางวิ่ง
ช่วยงานจนขาขวิด
มีเรื่องดีๆ แบบนั้นเสียที่ไหน!
“ท่านพี่!” กู้ซีรีบห้ามกู้ฉ่างเอาไว้ก่อน “นี่เป็นเรื่องใหญ่ แท้จริงแล้วสกุลเผยเกี่ยวพันกับ
คดีลอบสังหารองค์ชายรองหรือไม่ เป็นเพียงการคาดเดาของพวกเราเท่านั้น ข้าว่า เรื่องนี้แบ่ง
แผนเป็นสองก้าวดีกว่า ข้าจะนําความไปบอกอวี้ซื่อตามความต้องการของสกุลหยาง ดูว่าเผย
เยี่ยนมีปฏิกิริยาอย่างไร ส่วนท่านก็หาวิธีสืบความจริงของเหตุการณ์ปีนั้น เผยเยี่ยนผู้นี้ชอบก่อ
เรื่อง ทั้งยังอารมณ์ร้าย หากว่าเขามีเอี่ยวจริง สกุลเผยมิต้องเดือดร้อนไปกับเขาด้วยรึ? พวกเรา
เองก็ต้องเตรียมตัวไว้เช่นกัน สองวันมานี้ข้าคุยเล่นกับเหล่าฮูหยิน พอฟังความนัยของพวกนาง
ออกว่า หากฮ่องเต้คิดแต่งตั้งโอรสองค์โตจริงๆ ต่อให้องค์ชายรองจะมีทายาทหรือไม่ก็ไม่สําคัญ
นั่นเป็นเรื่องที่องค์ชายรองต้องนั่งปวดหัวตอนขึ้นสืบทอดตําแหน่ง ทว่าพระทัยก็ยังเอนเอียงไป
ทางองค์ชายสาม สกุลเราแม้จะไม่เลือกข้าง แต่จะเลอะเลือนจนล่วงเกินใครเข้ามิได้…”
2849
กู้ฉ่างโพล่งขึ้นมาตัดบทด้วยนํ้าเสียงเข้มงวดว่า “อาซีคําพูดพวกนี้พูดต่อหน้าข้าคน
เดียวก็พอแล้ว อย่าได้เอาไปพูดข้างนอกเด็ดขาด เรื่องราวไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เจ้าคิด ทุกคําที่
เหล่าฮูหยินพูดออกมาล้วนมีเจตนาแอบแฝง เจ้าเป็นหลานสะใภ้ของสกุลเผย อย่าให้คนอื่นมา
ปั่นหัวหรือหลอกใช้ได้เด็ดขาด”
กู้ซีพยักหน้าหงึกหงัก “ข้ารู้แล้ว ท่านพี่วางใจได้ ข้าไม่ได้โง่ขนาดที่จะถูกใช้หรอก”
กู้ฉ่างเห็นนางตอบกลับอย่างไม่แยแส รู้ว่านางไม่ใส่ใจคําของเขาสักนิด จึงได้แต่กําชับ
อีกรอบว่า “สามารถเป็นฮูหยินติดบรรดาศักดิยืนอยู่ในเมืองหลวงได้ ไม่มีใครธรรมดาสักคน เจ้า ์
เพิ่งมาอยู่เมืองหลวงได้ไม่นาน ควรจะพูดให้น้อยฟังให้มาก ข้าได้ยินพี่สะใภ้เจ้าพูดว่า อวี้ซื่อ
วางตัวได้ไม่เลว ตามติดนายหญิงรองสกุลเผยอย่างกับเงา เวลาใดสมควรพูดถึงจะพูด เวลาใด
สมควรเงียบก็จะเงียบ ไม่ทําตัวโดดเด่นทั้งไม่เก็บตัวเกินงาม ทุกคนต่างคิดว่านางสุขุมหนักแน่น
เจ้าต้องเรียนรู้จากนางให้มากถึงจะถูก”
พี่สะใภ้นางประเมินอวี้ถังไว้แบบนี้รึ?
กู้ซีคิดถึงท่าทางกระตือรือร้นที่คนสกุลเจียงมีต่ออวี้ถังกับนายหญิงรองตอนงานเลี้ยง
ในใจกลับไม่เห็นด้วย
หากว่าสกุลเจียงปฏิบัติต่ออวี้ถังกับนายหญิงรองด้วยความเย็นชา สองคนจะยืนจิกเล็บ
เงียบๆ อยู่มุมห้องรึ? นางเดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวหัวเราะตีหน้าชื่นมื่น ก็เพราะไม่มีใครเห็นนางเป็นแขก
คนสําคัญอย่างไรเล่า
การแก่งแย่งชิงดีของสตรีในเรือนหลัง พี่ชายที่เอาแต่เรียนหนังสือของนางจะไปรู้เรื่อง
อะไร? อีกอย่างนี่ก็เป็นคําที่พี่สะใภ้พูด ถ้านางโต้แย้งไปแล้วคนอื่นมาได้ยินเข้า ไม่แน่อาจเป็น
ประเด็นให้พี่สะใภ้ตัวน้อยของนางไม่พอใจก็ได้
เรื่องที่ล่วงเกินคนเช่นนี้กู้ซีไม่คิดทําอยู่แล้ว
นางหัวเราะเอ่ยว่า “ข้าสัญญาว่าจะเชื่อฟังท่านพี่เหมือนตอนเด็กๆ เลยเจ้าค่ะ”
2850
ตอนเด็กๆ เวลากู้ซีเจอเรื่องที่ไม่เข้าใจ และกู้ฉ่างไม่อนุญาตให้นางทํา ต่อให้นางจะ
เถียงกู้ฉ่างไม่หยุดปาก แต่สุดท้ายก็จะไม่ทําอยู่ดี
กู้ฉ่างสบายใจขึ้น เอ่ยชมนางสองสามคําด้วยรอยยิ้ม แล้วรั้งตัวนางให้อยู่กินข้าวเย็น
ด้วย “พี่สะใภ้เจ้าคงใกล้กลับมาแล้ว เจ้าอุตส่าห์มาทั้งที ก็อยู่รอทักทายนางก่อนแล้วกัน”
อินซื่อไม่มีทางกลับมากินมื้อเย็นแน่ เช่นนั้นอวี้ถังกับนายหญิงรองก็คงยังไม่กลับ
เช่นกัน
อยู่กินข้าวเป็นเพื่อนพี่ชาย กู้ซีชอบใจกว่าเป็นไหนๆ
สองพี่น้องรับมื้อเย็นร่วมกัน ตอนนี้ถึงเวลาจุดโคมแล้ว อินซื่อกลับมาพอดี สามคน
สนทนากันครู่หนึ่ง ก่อนที่กู้ซีจะลุกขึ้นขอตัวกลับ
อินซื่อช่วยกู้ฉ่างเปลี่ยนเสื้อผ้า ถามอย่างสงสัยว่า “น้องสาวท่านมาที่นี่ เพราะมีเรื่อง
ขอให้ช่วยหรือเจ้าคะ?”
กู้ฉ่างไม่ค่อยพอใจที่นางถามเช่นนี้ จึงเอ่ยพร้อมคลี่ยิ้มว่า “ถ้าอาซีจะกลับมาต้องเป็น
เพราะมีเรื่องขอร้องเท่านั้นหรือ? นางจะมาเยี่ยมข้าเฉยๆ ไม่ได้หรือไร?”
สตรีสกุลอินหาได้มีเพียงด้านที่แข็งกร้าว ไม่อย่างนั้นแต่ละคนคงไม่สามารถแต่งให้กับ
ผู้กุมอํานาจราชสํานักได้
อินซื่อรีบยิ้มอ้อน “ข้าปวดใจแทนท่านนี่นา ท่านเพิ่งกลับมาจากสํานักฮั่นหลิน เดิมก็
งานเยอะอยู่แล้ว หากน้องสาวท่านมีปัญหา ท่านก็ต้องแบ่งแรงไปดูแลนางอีก ข้าก็แค่อยากช่วย
ท่านเท่านั้นเองเจ้าค่ะ!”
กู้ฉ่างเห็นนางทําเสียงอ่อนเอาใจ ความหงุดหงิดจึงสลายวับ เอ่ยเสียงนุ่มว่า “ข้ารู้ว่าเจ้า
จิตใจดีมีคุณธรรม แต่ที่นางมาวันนี้ ไม่ได้มีอะไรจริงๆ หากนางมีปัญหา ข้าจะต้องให้เจ้าช่วย
ออกหน้าให้แน่”
2851
อินซื่อยังไม่เชื่อ คิดว่าสองพี่น้องคงมีความลับบางอย่างที่ไม่อาจบอกนางได้ แต่พอ
คิดถึงเรื่องเหลวไหลที่คฤหาสน์เก่าสกุลกู้ นางก็เลิกซักไซ้ทันที กลัวจะทําให้กู้ฉ่างเสียหน้าเปล่าๆ
สองสามีภรรยาจึงเป่ าเทียนเพื่อดับไฟ
กู้ฉ่างเอาแต่คิดถึงคําของกู้ซีจนนอนไม่หลับ
เรื่องของสกุลเผย เป็ นฝี มือคนชอบก่อความวุ่นวายอย่างเผยเยี่ยน? หรือผู้มีใจ
ทะเยอทะยานอย่างเผยโย่วกันแน่?
เขาเอนเอียงไปทางเผยเยี่ยนมากกว่า
ปีนั้นที่เผยโย่วยังเป็นขุนนางได้รับฉายาว่า ‘จูเก๋อน้อย’ คนอย่างเขา ไม่น่าจะประมาท
ถึงเพียงนี้
ผ่านไปครึ่งคืนแล้วกู้ฉ่างก็ยังข่มตาไม่ลง
เผยเยี่ยนเองก็นอนตาสว่างไม่ต่างกัน
นั่นเป็นเพราะเขากําลังโมโห
อวี้ถังกลับมาจากสกุลฉินก็ถูกกู้ซีดักไว้ที่หน้าประตู นางถ่ายทอดเรื่องของสกุลหยาง
ให้อวี้ถังฟัง
นางตกอกตกใจใหญ่ รีบไปหาเผยเยี่ยนทันที
แต่เผยเยี่ยนถูกเฟ่ ยจื้อเหวินลากไปดื่มเหล้าพอดี กลับมาเสียมืดคํ่าดึกดื่น พอมาถึงก็
เตรียมเริ่มกิจที่ตั้งใจเอาไว้ ไม่อยากฟังอะไรทั้งสิ้น จนไปกระตุ้นต่อมเดือดของอวี้ถังเข้า เป็นเหตุ
ให้เขาเกือบถูกถีบลงจากเตียง
ตอนนี้เขาเพิ่งจะใจเย็นลง และตั้งใจฟังเรื่องที่อวี้ถังต้องการจะพูด
พอฟังจบเขาก็เกรี้ยวกราดไฟลุกท่วมพลันตะโกนด่าว่า “พวกสกุลหยางคิดว่าตัวเอง
เป็นใคร? คิดว่าข้าไม่กล้าจัดการพวกนั้นจริงๆ สินะ ยังมีหน้ามาพูดว่าคดีลอบสังหารองค์ชาย
2852
รองเกี่ยวพันกับสกุลเผยอีก ทําไมไม่พูดว่าที่ฮ่องเต้ไม่แต่งตั้งรัชทายาทเพราะข้าเป็นต้นเหตุไป
เลยล่ะ? ไม่รู้จักประมาณตนเสียบ้าง! เห็นว่าพี่ชายข้าตายไปแล้ว กอบโกยผลประโยชน์จาก
สกุลเผยไม่ได้ จึงรู้สึกไม่ยินยอม เลยคิดจะแต่งงานเพื่อเกี่ยวดองกับสกุลเผยอีก ที่พวกนั้นเลี้ยง
ดูออกมานับเป็นตัวอะไรบ้าง! ทําล่มจมไปสกุลหนี่งแล้ว ยังคิดทําลายสกุลอื่นอีกรึ และต่อให้ข้า
ตอบตกลง คิดว่ามีใครหน้าไหนในสกุลเผยจะยินยอมให้ดองอีก? ชื่อเสียงของสกุลถูกตัวเอง
ทําลายจนป่ นปี้ จะตกอยู่ในสภาพนี้ก็สมควรแล้ว!”
อวี้ถังหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก
เผยเยี่ยนไม่รักษากิริยาต่อหน้านางเลยสักนิด อยากพูดอะไรก็พูด อยากด่าอย่างไรก็ด่า
ไม่คํานึงถึงฐานะจิ้นซื่อสองป้ายที่ติดตัวอยู่แม้แต่น้อย
แต่เผยเยี่ยนในรูปแบบนี้ ในสายตานาง กลับดูน่าเอ็นดูเป็นพิเศษ
หัวใจของอวี้ถังพลันอ่อนยวบ
นางรีบยกนํ้าผึ้งละลายนํ้าคลายอาการมึนเมาไปให้ จากนั้นก็กล่อมเขาเสียงอ่อนว่า
“เอาล่ะๆ อย่าโมโหไปเลย ท่านมิได้บอกว่าเราเป็นเครื่องเคลือบลายคราม ส่วนพวกเขาเป็นก้อน
อิฐหรือ? จะโมโหให้เสียสุขภาพตนเองไปทําไม สกุลหยางฝากคํามาให้ข้า ก็เพราะอยากหาทาง
พูดคุยกับท่าน ช่วงนี้ท่านไม่ได้สนใจสกุลหยางเลยมิใช่รึ? พวกเขาก็เหมือนสุนัขจนตรอกที่ดิ้นรน
สุดฤทธิ์ ท่านอย่าได้คิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขาเลย! หากไม่ได้จริงๆ ข้าก็จะเอาคําของท่านส่ง
ต่อไปให้พวกเขาเสีย บอกว่าบ้านหลักไม่มีคนที่อายุไล่เลี่ยกับสกุลหยาง ส่วนสกุลเผยบ้านอื่นๆ
ก็ไม่มีใครยินดีจะดองกับสกุลหยางด้วย เพราะคิดว่าพวกเขาไม่มีค่ามากพอ ให้พวกเขากระอัก
เลือดไปเลย”
วาจานี้ไม่ต่างอะไรกับคําพูดของเด็กๆ
แต่ในเวลานี้ ความรู้สึกที่มีใครสักคนพร้อมจะเชื่อมั่น ยืนอยู่ข้างๆ และพูดจาเข้าข้างเขา
มันช่างวิเศษเหลือเกิน
2853
โทสะของเผยเยี่ยนมอดดับ ดวงหน้าที่ค่อยๆ สดใสรับถ้วยนํ้าผึ้งไปจากอวี้ถัง แล้วยก
ดื่มอึกๆ จนหมด
อวี้ถังวางถ้วยลง เดินเข้าไปแล้วซบที่หัวไหล่ของเผยเยี่ยน ใช้นํ้าเสียงเสนาะใสเอ่ยกับ
เขาว่า “เอาอย่างนี้ เรื่ื
องนี้ท่านอย่ายุ่งเลย ข้าจะเป็นคนตอบสกุลหยางเอง”
เผยเยี่ยนพลิกหน้ามา ริมฝีปากเขาเฉียดผ่านริมฝีปากของนางพอดี
ความนุ่มหยุ่นทําให้หัวใจเขากระตุก นํ้าเสียงที่ใช้พลันแหบตํ่าทันที “เจ้าไม่ถามหรือว่า
ทําไมสกุลหยางจึงบอกว่าสกุลเราเกี่ยวพันกับคดีลอบสังหารองค์ชายรอง?”
ชาติก่อน ไร้ซึ่งการปรากฏตัวของนาง สกุลเผยก็อยู่อย่างสงบสุขดี
อย่างน้อย สกุลเผยก็อยู่รอดพ้นภัย
อวี้ถังหัวเราะ เอ่ยว่า “ท่านจะต้องมีทางพิสูจน์ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสกุลเผยแน่”
ส่วนว่าได้ทําหรือไม่นั้น นางคิดว่านั่นมิใช่สิ่งที่นางจะซักถามได้ เพราะถามไปมันก็อยู่
เหนือขอบเขตความเข้าใจของนาง และนางก็ไม่อาจช่วยเผยเยี่ยนตัดสินได้
เผยเยี่ยนรู้สึกความซาบซึ้งที่ตีตื้นขึ้นมา
การมีคนที่ยอมถอยหลังและอดทนเพื่อเขา ช่วงเวลาวิกฤติยังเชื่อมั่นในตัวเขา
ความรู้สึกเช่นนี้ช่างดีเหลือเกิน!
เขาดึงอวี้ถังที่อยู่ด้านหลังออกมายืนเบื้องหน้า กอดนางเอาไว้แน่น ก้มหน้าสูดกลิ่น
ดอกไม้อ่อนๆ จากผมนาง ในใจก็คิดว่า กระทั่งกลิ่นหอมนี้ ยังเป็นกลิ่นโปรดของเขาเลย คนที่อยู่
ตรงหน้าเขานี้ ร่างกายเป็นของเขา หัวใจเป็นของเขา ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นของเขาทั้งสิ้น คนที่
จะเคียงข้างทั้งยามทุกข์และสุข เป็นตายไปด้วยกัน
ความรู้สึกเช่นนี้ช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน
2854
“เรื่องนี้เกี่ยวพันกับสกุลเราจริงๆ” เขาหลับตาลง สูดหายใจลึกเต็มปอด จากนั้นก็วาง
ศีรษะลงที่หัวไหล่นาง ค่อยๆ เล่าว่า “และเกี่ยวพันกับพี่ชายคนโตข้าด้วย ท่านพ่อกลัวคนในสกุล
จะเดือดร้อน ถึงได้ให้ข้ากลับมารับหน้าที่ผู้สืบทอดสกุล”
“ฮะ!” อวี้ถังแตกตื่น
สกุลเผย อาจหาญขนาดนั้นเชียวรึ?
ไม่กลัวสกุลจะล่มสลายหรืออย่างไร?
บางที ภายใต้ภาพลักษณ์ที่รุ่งโรจน์ ล้วนเป็นลูกคลื่นที่โหมซัด
เผยเยี่ยนยังคงหลับตาเหมือนเก่าแล้วส่งเสียงอยู่บนหัวไหล่ของนางเบาๆ ว่า “อืม”
นํ้าเสียงที่ไม่ต่างอะไรกับการหายใจ บวกกับดวงหน้าด้านข้างที่หล่อเหลา ทําให้อวี้ถัง
สูญเสียการควบคุม ไร้แรงต้านทานโดยสิ้นเชิง นางเอ่ยถามทั้งๆ ที่ในสมองอื้ออึงไปหมดว่า
“แล้ว แล้วจะทําอย่างไร?”
“ตอนนี้ยังไม่รู้!” เผยเยี่ยนเอ่ยพลางถอนหายใจเฮือก “ข้าทะเลาะกับพี่ใหญ่หลายต่อ
หลายครั้งเพราะเรื่องนี้ เขาไม่ยอมฟัง ข้าเลยเขียนจดหมายถึงท่านพ่อ ตั้งใจให้ท่านพ่อเรียกตัว
เขากลับไป เพราะว่าเขาเป็นบุตรชายคนโตของบ้านหลัก หากว่าท่านพ่อสั่งให้เขากลับไปดูแล
กิจการ นอกจากเขาอยากถูกลบชื่อออกจากสกุล ไม่อย่างนั้นเขาก็ได้แต่ถ่วงเวลาเอาไว้”
“ท่านพ่อข้าก็มิใช่คนธรรมดาเช่นกัน มองปราดเดียวก็อ่านแผนของเขาออกทั้งหมด
ท่านพ่อเดินทางมาเมืองหลวงด้วยตนเอง แล้วกลบเบาะแสทุกอย่างจนมิด”
“แต่พี่ชายข้าเชื่อใจสกุลหยางมาก เชื่อมั่นในสกุลหยางมากกว่าตัวข้าเสียอีก ที่แท้แล้ว
สกุลหยางจะมีจุดอ่อนของพวกเราจริงหรือไม่ จนตอนนี้ก็ยังสรุปไม่ได้เลย”
เผยโย่วช่างโหดร้ายต่อผู้อื่นเหลือเกิน!
2855
มิน่าท่านแม่เฒ่าถึงไม่ค่อยต้อนรับครอบครัวของเผยโย่วเท่าไร นางรู้เรื่องนี้แล้ว ก็รู้สึก
ไม่ชอบคนของบ้านนี้เช่นกัน
นางย่นคิ้วถามว่า “ต่อให้สกุลหยางมีอะไรในมือจริง แต่สกุลหยางก็ลงเรือลําเดียวกัน
กับเรานี่? หากเขากล้าผลักพวกเราออกไป พวกเขาเองก็ต้องเดือดร้อนเหมือนกัน! เขาไม่มีทาง
ต้องการแค่เกี่ยวดองผ่านงานแต่งแน่ ช่วงนี้พวกเขามีปัญหาอะไรอีกหรือเปล่า?”
“ใช่!” เผยเยี่ยนไม่ได้ปิดบังอวี้ถัง “เรื่องของซุนเกา พวกเขาถูกลากเข้าไปเกี่ยวด้วย นาย
ท่านใหญ่กับนายท่านรองสกุลหยางอาจถูกให้ออกราชการและไม่อาจกลับมารับตําแหน่งใดๆ
ได้อีก”
นี่เป็นบาดแผลที่สาหัสเกินไปสําหรับสกุลหยาง