ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่359 งานแต่ง
อวี้ถังสูดหายใจด้วยความตื่นเต้น
นางมาอยู่เมืองหลวงได้พักหนึ่งแล้ว ทั้งยังเข้าร่วมงานเลี้ยงของเหล่าฮูหยินติด
บรรดาศักดิหลายครั้ง จึงรู้ว่าสกุลหยางมีภูมิหลังที่เมืองหลวงอย่างไรบ้าง ์
หากว่านายท่านใหญ่กับนายท่านรองสกุลหยางไม่อาจรับราชการได้อีก สําหรับสกุล
หยางแล้ว นับเป็นการถูกโจมตีถึงขั้นเอาชีวิตเลยทีเดียว
อาจถึงขั้นทําให้สกุลหยางล้มจนไม่อาจลุกได้อีก
ต้องรู้ไว้ด้วยว่า ที่สกุลหยางมีทุกวันนี้ เพราะได้มาจากความพากเพียรและบากบั่นของ
คนจากรุ่นสู่รุ่น
นางเอ่ยว่า “ข้าเคยได้ยินฮูหยินหลีพูดขึ้นมาอย่างไม่ได้สนใจว่า เพราะเรื่องสกุลซุนเกิด
เป็นปัญหาใหญ่โต สกุลเผิงได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ไปไม่น้อย พวกเราถ้าไม่เข้าไปยุ่งได้จะดีที่สุด
ท่านมีเรื่องอะไร ก็สามารถให้ข้าไปจัดการได้ พวกเราจะปล่อยให้สกุลหยางข่มขู่เช่นนี้ไปตลอด
มิได้เด็ดขาด”
แต่นางก็คิดวิธีที่จะหลุดพ้นจากการข่มขู่ของสกุลหยางไม่ได้
เผยเยี่ยนได้ฟังก็ส่งเสียง “อืม” กลับมาอย่างเอื่อยเฉื่อย “เรื่องแต่งงานไม่มีทางเป็นไป
ได้อยู่แล้ว แม้จะยังคิดวิธีไม่ออก แต่ใช่ว่าจะไร้ลู่ทางโดยสิ้นเชิง” พูดถึงตรงนี้ เขาก็ยกศีรษะขึ้น
จากหัวไหล่ของอวี้ถัง ถามนางยิ้มๆ ว่า “เจ้าบอกว่า กู้ซีเป็นคนบอกเจ้าเรื่องสกุลหยาง แล้วเหตุ
ใดสกุลหยางจึงไปหานางได้? แล้วนางยังบอกอะไรกับเจ้าอีก?”
อวี้ถังเล่าเรื่องที่สกุลหยางเชิญตนกับนายหญิงรองไปเป็นแขก สิ่งที่ตนกับนายหญิงรอง
คาดเดาเอาไว้ รวมถึงส่งกู้ซีไปเป็นแขกที่สกุลหยางและสิ่งที่กู้ซีพูดกับนาง ล้วนเล่าให้เขาฟัง
อย่างครบถ้วน
2857
เผยเยี่ยนไตร่ตรองไม่นานก็เอ่ยว่า “เจ้ารู้ไหมว่ากู้ซีออกมาจากสกุลหยางตอนไหน และ
กลับมาถึงที่เรือนเวลาใด”
เรื่องนี้อวี้ถังไม่ได้ถาม
นางเอ่ยว่า “ไม่ยาก ข้าไปถามคนรถของสกุลก็รู้แล้ว”
เผยเยี่ยนจึงบอกสิ่งที่เขาต้องการรู้ให้อวี้ถังฟังตรงๆ “ข้าอยากรู้ว่ากู้ฉ่างรู้เรื่องนี้หรือไม่”
ต้องรู้ไว้ด้วยว่า สิ่งที่เกิดกับซุนเกา กู้ฉ่างเป็นคนเผยความลับออกมา
หากถามว่าใครควรตื่นกลัวที่สุด ก็คงจะเป็นกู้ฉ่าง
ทั้งกู้ซีก็ชอบทํานํ้าเสียงทํานองว่า ‘ข้ามีพี่ชายคอยหนุนหลังอยู่’ โดยไม่รู้ตัวอยู่บ่อยๆ
สกุลเผยเกิดเรื่องใหญ่เพียงนี้ ตามหลักแล้ว เก้าในสิบส่วน กู้ซีคงไปขอความเห็นจากกู้ฉ่างแน่
หากว่ากู้ฉ่างรู้เรื่อง เขาจะทําเช่นไร?
ดวงตาของอวี้ถังสว่างวาบ รีบเอ่ยว่า “ข้ารู้แล้วว่าควรทําอย่างไรดี!”
ท่าทางสว่างไสวราวกับดวงดาวนั้น จู่ๆ ก็เปล่งประกายเจิดจ้า เหมือนแมวที่นอนหลับ
สนิท พอลืมตาก็พร้อมจะกระโดดโลดเต้น
อวี้ถังที่เป็นแบบนี้ ช่างเต็มไปด้วยชีวิตชีวานัก
ภาพนั้นซ้อนทับกับอวี้ถังที่กล้าหาญไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินในความทรงจําของเขา
บางที อวี้ถังที่เป็นเช่นนี้คืออวี้ถังที่งดงามที่สุด
เผยเยี่ยนเปล่งเสียงหัวเราะออกมา อดจะลูบแก้มของอวี้ถังไม่ได้
มันเรียบเนียนนุ่มลื่น ไม่ต่างอะไรกับผิวเด็ก
เขาอดใจไม่ไหว จึงใช้สองนิ้วหยิกแก้มนาง
2858
อวี้ถังมุ่นคิ้วจนหน้าผากย่น แล้วเอ่ยอย่างขัดใจว่า “ท่านรู้หรือไม่ว่ามือท่านหนัก
เพียงใด? ต่อไปไม่อนุญาตให้บีบแก้มข้าอีก”
เผยเยี่ยนยังไม่เลิกหัวเราะ เขาชะโงกหน้าเข้ามาใกล้แล้วประทับจูบลงบริเวณที่เขาหยิก
เมื่อครู่
อวี้ถังหน้าแดงลามไปถึงใบหู งดงามเหมือนท้อสุกลูกหนึ่ง
แบบนี้น่ามองกว่าตั้งเยอะ!
เผยเยี่ยนแอบคิดในใจ
สิ่งที่อาถังขาดคือความรู้รอบตัว หากว่านางมีชาติกําเนิดเหมือนกับสวีซื่อ ย่อมมีความ
คิดเห็นของตนเองมากกว่าสวีซื่อเป็นแน่
เขาจึงเอ่ยว่า “เจ้าเลิกไปมั่วสุมกับสวีซื่อได้แล้ว มีเวลาก็ออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง
นางมิใช่ชอบวิ่งไปทั่วรึ? อย่างไรเสียนางมาที่เรือนเราก็ใช้เจ้าเป็นข้ออ้าง จะออกไปเล่นข้างนอก
ก็ใช้เจ้าเป็นข้ออ้างอยู่ดี เจ้าไม่สู้ออกไปเที่ยวดูด้านนอกให้มากหน่อย”
อวี้ถังไม่รู้ว่าเผยเยี่ยนคิดอะไรอยู่ นางตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า “อีกไม่ถึงเดือนกว่านางก็
จะคลอดแล้ว ข้าจะกล้าไปเที่ยวเล่นด้านนอกกับนางได้อย่างไร! บางทีนางอยากไปข้างนอก ข้า
ยังต้องคอยกล่อมให้นางทําดอกไม้ผ้ากับข้าอยู่ในเรือนเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก!” เผยเยี่ยนคิดต่างออกไป “นั่นเป็นเรื่องที่อินหมิงหย่วนต้องกังวล ถ้า
นางอยากออกไปเที่ยวเล่น เจ้าก็ไปเป็นเพื่อนนางเถอะ หากรู้สึกไม่ปลอดภัย ก็ไปเป็นแขกที่สกุล
จางไม่ก็สกุลหลี หลานสะใภ้สกุลอินอยู่ที่นั่น ทั้งยังมีผู้อาวุโสที่มีประสบการณ์ คงไม่เกิดเรื่อง
อะไรแน่ หรือจะไปเป็นแขกที่สกุลกู้ก็ได้ ที่เรือนของกู้เจาหยางก็มีคนของสกุลอินเช่นกัน หลาน
สะใภ้คนเล็กสกุลอินอย่างไรเล่า”
หากไม่ใช้ประโยชน์ก็มีแต่จะเสียไปเปล่าๆ
2859
สวีซื่อใกล้คลอดแล้วแต่ก็ยังเอาแต่เถลไถลอยู่ข้างนอก อาศัยสิ่งใดให้อาถังของเขาต้อง
ตื่นกลัวไปด้วย หลังจากอินซื่อทั้งหลายชี้นิ้วสั่งการแล้วก็ไม่สนใจรับผิดชอบ ลองให้พวกนางได้
ลิ้มรสชาติความลําบากที่อวี้ถังเผชิญอยู่บ้างสิ
อวี้ถังเข้าใจไปอีกทาง
นางคิดว่าเผยเยี่ยนต้องการให้นางลากกู้ฉ่างลงนํ้าไปด้วย
การเกี่ยวดองเหมือนดาบสองคม ตอนมีเกียรติก็ได้หน้าได้ตาไปพร้อมกัน แต่ตอนที่
เดือดร้อน ก็หนีผลกระทบไปไหนไม่ได้
นางรับคําด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าจะไปถามนายหญิงอินดู”
ไม่ว่าอย่างไร สวีเซวียนก็ไม่ใช่ตัวคนเดียว อย่าลากนางเข้ามายุ่งเลยจะดีกว่า
เผยเยี่ยนยิ้มแล้วดีดหน้าผากอวี้ถังเบาๆ “เจ้าน่ะ คิดเผื่อคนอื่นมากเกินไป บางครั้งเจ้า
ก็ต้องคิดถึงตัวเองบ้าง”
อวี้ถังยิ้มให้อย่างโง่งม รู้สึกว่าการอดทนและยอมถอยให้เผยเยี่ยนนั้นมีความหวานลํ้า
เคลือบแฝงอยู่
นางถามเขาเสียงนุ่มว่า “ยังโมโหอยู่หรือไม่? ข้าไปยกนํ้าผึ้งมาให้อีกถ้วยไหม?”
เผยเยี่ยนกางแขนกว้างแล้วล้มตัวนอนบนเตียง ส่งเสียงตอบรับอย่างไม่ใส่ใจ แต่สั่งเพิ่ม
อีกว่า “อย่าใส่นํ้าผึ้งเยอะเกิน” ท่าทางเช่นนั้น มิคล้ายว่าออกคําสั่งอวี้ถัง แต่เหมือนจะออดอ้อน
นางเสียมากกว่า
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!
เหมือนนางกําลังเลี้ยงเด็กคนหนึ่งอยู่อย่างนั้นแหละ
2860
อวี้ถังมองสีหน้าเกียจคร้านหลังจากที่เขาผ่อนคลายขึ้น รู้สึกถึงเสน่ห์อีกมุมหนึ่งของเขา
นางกระโจนเข้าไปจูบปากเขาทีหนึ่ง แล้วเดินหัวเราะชอบใจออกไปหาชิงหยวนบอกให้นาง
เตรียมนํ้าผึ้งที่ไม่ต้องหวานมากมาอีกถ้วย
เผยเยี่ยนสัมผัสได้ถึงความปลอดโปร่งสบายใจของอวี้ถัง
เขาลูบจุดที่โดนประทับจูบเบาๆ มุมปากกระตุกยิ้มเงียบเชียบ แล้วหัวเราะออกมา
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ชิงหยวนก็สืบข่าวเรื่องเวลาเดินทางของกู้ซีได้
แต่ตอนที่นางตั้งใจจะไปรายงานอวี้ถัง ห้องนอนของอวี้ถังและเผยเยี่ยนกลับถูกปิด
สนิท บางครั้งก็มีเสียงอ่อนหวานเจือก่นด่าอันเลือนรางของอวี้ถังดังแว่วออกมา
ชิงหยวนหน้าร้อนเป็นไฟ รีบถอยหลังไปที่ลานกลางเรือน แล้วสั่งหญิงรับใช้ที่อยู่เวรว่า
“หากว่าในห้องนายท่านสามกับนายหญิงมีความเคลื่อนไหวอะไร เจ้าไปบอกข้าที ข้ายังมีเรื่อง
ต้องรายงานนายหญิงสามน่ะ!”
หญิงรับใช้เป็นคนเก่าคนแก่ของสกุลเผย แต่ก่อนก็เคยรับใช้ท่านแม่เฒ่า และเป็นคนที่
ได้ติดตามมาเมืองหลวงในครั้งนี้ด้วย
นางได้ยินก็หัวเราะคิก “แม่นางชิงหยวนอายุยังน้อย หากเป็นข้า ข้าจะมารายงานใหม่
ตอนพรุ่งนี้เช้า”
ชิงหยวนรู้สึกหน้าร้อนไหม้กว่าเก่า รับคําอย่างลวกๆ แล้วสาวเท้ากลับห้องตัวเอง
แต่เช้าวันรุ่งขึ้น อวี้ถังนอนตื่นสาย ตอนที่นางเข้าไป เผยเยี่ยนก็ออกไปข้างนอกแล้ว
พวกอาซิ่งกําลังช่วยอวี้ถังหวีผม นางยังนั่งหาวตาปรืออยู่เลย
ชิงหยวนไม่ได้รบกวนนาง รอให้นางกินมื้อเช้าเสร็จจึงค่อยเข้าไปแจ้งกับนางว่า “นาย
หญิงน้อยกลับมาแล้วก็ไปหาใต้เท้ากู้ต่อ พอรับมื้อเย็นเสร็จถึงค่อยกลับมาเจ้าค่ะ”
ก็หมายความว่า กู้ฉ่างรู้เรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน
2861
เช่นนั้นก็ดี
กู้ฉ่างก็เป็นคนมีความสามารถ ครั้งนี้ลงเรือลําเดียวกันกับสกุลเผย เผยเยี่ยนก็นับว่ามี
มือดีคอยช่วยเหลืออีกแรง
อวี้ถังถอนหายใจโล่งอก ครุ่นคิดเรื่องของสกุลหยางอย่างละเอียด รอจนเผยเยี่ยนกลับ
มาจากด้านนอก นางจึงไปหารือกับเขาว่า “ท่านว่าเราควรตอบกลับสกุลหยางหน่อยหรือไม่ ว่า
เรื่องแต่งงานไม่อาจสําเร็จได้ หากรอให้พวกเขามาทวงถาม จะดูเหมือนว่าสกุลเราอับจนหนทาง
เกินไป”
เผยเยี่ยนคิดว่าไม่เลว ทั้งเอ่ยว่า “เจ้าอยากทําอะไรก็ทําเถอะ! จัดการตามความเห็น
ของเจ้าได้เลย ผิดพลาดไปก็ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นบททดสอบ”
แม้จะพูดเช่นนั้น แต่อวี้ถังก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ “เรื่องนี้ ท่านคิดหาทางออกได้แล้วใช่
หรือไม่?”
เผยเยี่ยนหัวเราะตอบว่า “ทางออกตอนนี้ยังคิดไม่ตก แต่ข้าไปเจอกับกู้เจาหยางมา
งานแต่งระหว่างสกุลฉินกับสกุลเฟ่ ยกําหนดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
เกี่ยวอะไรกับสกุลฉินและสกุลเฟ่ ยเล่า
อวี้ถังเบิกตาโต
เผยเยี่ยนตอบกลับพลางคลี่ยิ้ม “เมื่อเช้าข้าไปกินข้าวกับพี่รองแล้วถึงออกไปข้างนอก
เขาบอกว่า อย่าพูดว่าพวกเราไม่มีหลานสาวที่อายุไล่เลี่ยกัน เพราะต่อให้มี ก็ไม่มีวันยอมให้แต่ง
กับสกุลหยางแน่”
ปราบศึกภายในก่อนค่อยรับมือศึกภายนอก
อวี้ถังเม้มปากหัวเราะ
2862
“จากนั้นข้าก็ไปพบกู้เจาหยาง แล้วบอกเรื่องการเกี่ยวดองระหว่างสกุลเรากับสกุลหยาง
ให้เขาฟัง” เผยเยี่ยนเล่าต่อว่า “ข้าเห็นหน้าของกู้เจาหยางเปลี่ยนสี เลยแสดงท่าทีของสกุลเรา
ให้เขาเห็น ทั้งยังให้เขาช่วยสืบด้วยว่าสกุลเรามีจุดอ่อนอะไรอยู่ในมือสกุลหยางกันแน่ เขายัง
พูดจาโยกโย้เหมือนจะเบี่ยงประเด็นอีก!”
กู้ฉ่างไม่มีทางมองไม่ออกแน่ แต่เผยเยี่ยนพยายามสุดกําลังเพื่อจะทําชื่อเสียงเขาให้
ด่างพร้อย
“คนผู้นี้จิตใจคับแคบ” เขาเอ่ย “แม้การไปสืบเรื่องนี้อาจดึงเขาเข้ามาเกี่ยวพันด้วย แต่
ถ้าเขาไม่ทํา แล้วคิดว่าจะรอดตัวไปได้อย่างนั้นรึ”
ในความทรงจําของอวี้ถัง นี่เป็นสิ่งที่คนอย่างกู้ฉ่างทําออกมาได้จริงๆ
นางเอ่ยว่า “แล้วกู้เจาหยางรับปากหรือไม่เจ้าคะ?”
“รับปากแล้ว” เผยเยี่ยนมีวิธีมากมายทําให้เขายอมตอบตกลง และที่เขาให้กู้ฉ่างไปสืบ
เรื่องนี้ใช่ว่าต้องการความช่วยเหลือจากกู้ฉ่างจริงๆ แต่เพราะตั้งใจจะควบคุมเขา ไม่ให้เขาก่อ
เรื่องไปทั่ว เพราะหากกู้ฉ่างมีโอกาส เชื่อได้เลยว่าเขาคงต้องพยายามหาจุดอ่อนที่ว่ามาอยู่ใน
กํามือตัวเองแน่
อวี้ถังพยักหน้า “เช่นนั้นท่านก็ต้องระวังตัวด้วย”
เผยเยี่ยนร้อง “อืม” ตอบด้วยสีหน้าพอใจยิ่ง
ปรากฏว่าช่วงบ่ายนายหญิงรองมาหาอวี้ถัง ดึงมือนางมาจับไว้แล้วเอ่ยอย่างกังวลว่า
“นายท่านบอกว่าจะกําหนดงานแต่งของอาตันกับสกุลฉินให้เรียบร้อย กะทันหันเพียงนี้ เป็น
เพราะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
อวี้ถังไม่ได้เล่าอย่างอื่นออกไป แต่เรื่องที่สกุลหยางจะเกี่ยวดองกับสกุลเผยสมควรบอก
ให้นายหญิงรองรับรู้ไว้
นางเล่าแผนที่สกุลหยางจะเชิญพวกนางไปงานเลี้ยงให้นายหญิงรองฟัง
2863
ขนาดคนใจเย็นอย่างนายหญิงรอง ยังไม่แคล้วผรุสวาทออกมาว่า “สกุลเขารู้อยู่แล้วว่า
แม่สามีไม่มีทางเกี่ยวดองกับพวกเขาแน่ แต่ก็ยังจะทําเช่นนี้อีก คงคิดว่าพวกเราเหล่าสะใภ้เป็น
คนโง่ แล้วตอบตกลงข้ามหน้าแม่สามีอย่างนั้นสิ? พวกนางต้องมีเป้าหมายที่อาตันเป็นแน่”
ไม่แปลกที่นายหญิงรองจะคิดเช่นนั้น
ต่อให้เผยเยี่ยนเป็นบ้านหลัก แต่การแต่งงานก็ต้องให้บิดามารดาของเจ้าตัวตัดสินใจ
บัดนี้คนที่พวกนางพอจะตัดสินเองได้ก็มีเพียงหลานๆ บ้านหลักไม่กี่คน เท่านั้น
อวี้ถังรีบกล่อมนายหญิงรองว่า “บางทีอาจมีตัวเลือกอื่นอีก?”
นายหญิงรองคล้ายถูกต้อนจนมุม “พวกนั้นคงพุ่งเป้ามาที่อาตัน แต่ไม่ว่าพวกนั้นจะมี
แผนอะไร ข้าจะไม่มีวันเห็นด้วยแน่ ไม่อย่างนั้นข้าจะมีหน้ากลับไปพบแม่สามีได้อย่างไร”
จากนั้นก็ก่นด่าพี่น้องสกุลฝั่ งมารดาของตนต่อ “แค่ให้พวกเขาไปสืบเรื่องสกุลฉิน เหตุใดจึง
ยากเย็นปานนี้”
อวี้ถังได้แต่บอกว่า “เป็นเพราะอยู่ไกลกันมาก หรือว่าพวกเราหาทางสืบกันเองดีเจ้า
คะ?”
นางเองก็กลัวว่าเพราะความฉุกละหุกจะเป็นเหตุให้งานแต่งของคุณหนูห้าไม่ดีพอ
อย่างที่หวัง
นายหญิงรองเห็นว่าความคิดของตนกับอวี้ถังไปในทางเดียวกัน ก็รู้สึกดีใจใหญ่ รีบถาม
นางว่า “พวกเราจะสืบอย่างไรดีเล่า?”