อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 236 แก้แค้นฉันเลยเถอะ!
ตอนที่ 236 แก้แค้นฉันเลยเถอะ!
“จิ่งเป่ยเฉินนายยังไม่จบอีกนะ! ผิดไปแล้วก็ผิดไปแล้วไง!” เธอรีบขยับมานั่งตัวตรง ก่อนจะเหลือบมองไปยังใบหน้าที่แสนเย็นชาของเขาและพูดอย่างจริงจังว่า “ถ้าฉันจะนอนกับลูกสาว และถ้านายโกรธมากละก็ นายก็ไปนอนกับหยางหยางบ้างสิ แก้แค้นฉันเลยเถอะ!”
แขนที่โอบเอวของเธอรัดแน่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ “ความคิดของเธอนี่มันดีจริง ๆ นะ”
“ก็ใช้ได้ ใช้ได้นั่นแหละ ยังไงฉันก็อยู่แผนกวางแผนมาก่อนนะ” เธอยิ้มอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน เพราะอันที่จริงแล้วเธอก็คิดว่าเมื่อวานเขาไม่น่าจะกลับมา
“พอดีเลย เร็ว ๆ นี้จะมีงานให้เธอทำด้วย”
“ไม่ว่าง!” เธอรีบโพล่งคำพูดออกมาทันที เมื่อพูดจบเธอก็รู้สึกว่าตัวเธอนั้นพูดเร็วเกินไป “สามีขา ฉันยุ่งมากเลยนะ”
จิ่งเป่ยเฉินกลับไม่โกรธเลยสักนิด แต่กลับยิ้มตอบกลับมาอย่างนุ่มนวล “งั้นฉันคงต้องทำเองแล้วสินะ”
“แล้วแต่เลยค่ะ” เธอพูดอย่างไม่แยแส
หากเธอรู้ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร มันก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ อย่างแน่นอน
วันนี้เป็นวันที่กลุ่มโอวหยางกรุ๊ปจะมาเซ็นสัญญา เวลาประมานสิบโมง พวกเขาต่างก็เข้าไปที่ห้องประชุม โอวหยางลี่ก็เดินเข้ามาเช่นกัน
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยมีชีวิตชีวาสักเท่าไร สายตามองไปที่เรือนร่างของเธออยู่หลายรอบ วันนี้เธอไม่ได้แต่งหน้ามางั้นเหรอ?
เป็นไปไม่ได้ หากมีปัญหาละก็ จิ่งเป่ยเฉินก็ควรจะเตือนเธอสิ
ทั้งสองคนทักทายกันอย่างเรียบง่าย ก่อนจะเริ่มการเซ็นสัญญา ทุกขั้นตอนผ่านไปอย่างราบรื่น เธอยืนอยู่ด้านหลังจิ่งเป่ยเฉินเริ่มรู้สึกแปลก ๆ โดยไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
“ประธานจิ่ง ขอให้ทำงานร่วมกันอย่างมีความสุขนะ” โอวหยางลี่ลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปด้านหน้าจิ่งเป่ยเฉิน “คืนนี้ผมจองห้องส่วนตัวที่โรงแรมนั่วเทียนไว้ มานั่งกินข้าวด้วยกันเถอะ”
จิ่งเป่ยเฉินเองก็ลุกขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนจะเหลือบสายตามองไปที่เขา “ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอก”
“ยังไงผมก็ต้องขอโทษเรื่องเมื่อครั้งนั้นจริง ๆ ที่ทำให้คุณหนูอันเกิดเรื่องแบบนั้นเข้า ส่วนเรื่องของค่ำคืนนี้ ภรรยาผมเองก็มีความรู้สึกเสียใจกับคุณหนูอันมาโดยตลอด เธอคิดอยากจะขอโทษต่อหน้า แต่ไม่รู้เลยว่าคุณหนูอันจะให้โอกาสเธอได้ขอโทษหรือเปล่า?” โอวหยางลี่เผยรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเหลือบมองไปที่อันโหรว
“ได้สิ!” ยังไงนั่วเทียนก็เป็นส่วนหนึ่งของจิ่งเป่ยเฉิน มีหรือเธอจะไม่กล้า
“งั้นฉันขอตัวก่อนนะ เจอกันตอนค่ำ” เมื่อพูดจบก็ออกไปพร้อมกับเลขาของเขาทันที
เหลือเพียงเขาสองคนในห้องประชุมขนาดใหญ่ อันโหรวเก็บเอกสารสัญญาบนโต๊ะและกอดมันไว้ “ยังคิดถึงเรื่องการเซ็นสัญญาอยู่อีกเหรอ? ต้องการฝึกซ้อมอีกรอบไหม?”
“ไปกันเถอะ! ไม่อนุญาตให้ลบเครื่องสำอางออก” เขานึกถึงโอวหยางลี่ที่ดูไม่ชอบมาพากลเมื่อครู่
“รับบัญชา!” เธอเองก็ไม่คิดอยากจะถูกโอวหยางลี่จับได้หรอกนะ! แน่นอนว่าเธอคงไม่โง่พอที่จะเปิดเผยตัวเองอยู่แล้ว
เห็นได้ชัดว่าครั้งนั้นเป็นคนของเขาที่ทำให้เธอเกือบถูกเปิดเผยตัวตน!
สายลมฤดูใบไม้ร่วงในยามค่ำคืนค่อนข้างเย็นเล็กน้อย ส่งผลให้กิ่งไม้ตามท้องถนนเกิดเสียงกรอบแกรบไปตามสายลมที่พัดผ่าน
อันโหรวไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ใส่เสื้อสีดำตัวหนึ่งเพิ่มเข้ามาและคิดจะไปตามนัดนั้น
เมื่อจิ่งเป่ยเฉินเห็นเธอแต่งตัวแบบนี้ก็ค่อนข้างพึงพอใจ
เมื่อทั้งสองคนมาถึงห้องส่วนตัวที่โอวหยางลี่ได้จองเอาไว้ โอวหยางลี่กับเหลียวเว่ยก็ได้มาถึงแล้ว เมื่อเห็นพวกเขาเข้ามาก็รีบเรียกบริกรให้นำอาหารมาเสิร์ฟทันที
สีหน้าของเหลียวเว่ยดูไม่ค่อยดีเท่าไรนัก หลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้นไม่กี่วัน ในช่วงที่ผ่านมาก็ทำให้เธอแทบจะหมดแรง หนำซ้ำยังไม่ค่อยได้พักผ่อนเท่าไรนัก
แต่ทางด้านอันโหรวเองก็ไม่คิดจะเห็นอกเห็นใจเธอเลยแม้แต่น้อย เพราะทุกสิ่งที่เลือกทำก็ล้วนเป็นเธอทั้งสิ้น
เหลียวเว่ยเหลือบสายตามองไปที่เธอ อันโหรว อันอีหาน สองคำนี้ยังติดอยู่ในหัวของเธอ ถ้าหากเธอคืออันโหรวจริง ๆ ป่านนี้สายตาแรกที่ได้พบเห็นก็คงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเย้ยเธออย่างเย็นชาไปแล้ว แต่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้กลับแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
เมื่อเธอยอมรับว่าเธอคนนี้กับอันโหรวไม่ใช่คนเดียวกัน ในใจเธอนั้นก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นกว่าเดิม
ช่วงเวลาห้าปี ไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนไปแค่ไหน การแต่งหน้าแบบนั้นก็ยังพอทำได้ แต่น้ำเสียงที่แหบแห้งพวกนี้ไม่ว่ายังไงก็คงไม่ใช่ของปลอมแน่ ๆ
นอกเสียจากคอของเธอจะบาดเจ็บ แต่ดูจากตัวเธอแล้วดูยังไงก็ไม่ใช่แบบนั้น
ในช่วงเวลาแบบนี้ ทางด้านเหลียวเว่ยที่กำลังถือแก้วน้ำผลไม้ก็มองเธอด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดว่า “เดิมทีฉันคิดจะดื่มไวน์นะ แต่ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยสบายเท่าไรก็เลยไม่คิดดื่มไวน์ในคืนนี้ เรื่องในวันนั้นฉันต้องขอโทษจริง ๆ นะ หวังว่าคุณหนูอันจะไม่ถือสา ”
ช่างสมกับเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่โตจริง ๆ ทำเรื่องแบบนั้นยังมีหน้ามาพูดจาแบบนี้อยู่ได้อีก คำพูดที่ดูจริงจังนั้นถ้าหากเธอไม่รู้จักตัวตนและสิ่งที่เธอคิดอยากจะทำละก็ เธอคงรู้สึกซาบซึ้งใจไปนานแล้ว
โอวหยางลี่เหลือบสายตามองไปที่พวกเธอ แก้วในมือของเขาดูเหมือนจะรอให้เธอนั้นยกโทษให้กับเหลียวเว่ย เขาถึงจะยกแก้วไวน์ขึ้นมาเพื่อชน
ส่วนคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอก็เหลือบสายตามองมาที่เธอเช่นกัน ภายในห้องรับรองส่วนตัวขนาดใหญ่ที่มีคนอยู่สี่คน ทั้งสามคนล้วนแต่จับจ้องมาที่ตัวเธอแทบทั้งสิ้น
เธอยิ้มและยกน้ำผลไม้ขึ้นมา ก่อนจะพูดว่า “คุณนายโอวหยางสุภาพเกินไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่เป็นคนทำผิดแท้ ๆ”
เธอดื่มน้ำผลไม้เข้าไปหนึ่งอึก ก่อนจะมองไปที่เหลียวเว่ยที่อยู่อีกด้านด้วยรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นช่างดูไม่สะดุดตาเสียเลย เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้มาจากภายใน แต่เป็นรอยยิ้มที่ฝืนดึงมาให้ถึงดวงตาก็เท่านั้น
“ดูเหมือนว่าคุณนายโอวหยางกับประธานโอวหยางจะเข้ากันได้ดี เป็นสามีภรรยากันเพียงหนึ่งวัน ความสัมพันธ์ดูแน่นแฟ้น ยิ่งกว่านั้นพวกคุณเป็นสามีภรรยากันมาตั้งนาน ประธานโอวหยางคงไม่มีวันหย่ากับคุณหรอก ยังไงตระกูลโอวหยางก็มีหน้ามีตาในเมือง A” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย “หากครั้งหน้ายังพบเจอปัญหาแบบนี้อีกคงไม่รนหาที่ตายง่าย ๆ แบบนี้อีก ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะเจอคนที่คอยอยู่เคียงข้าง คอยอยู่กับคุณไปจนวันตาย”
ทันทีที่เหลียวเว่ยได้ยินเธอพูดก็หัวเราะขึ้นมาในใจ ผู้หญิงคนนี้ดูไม่พอใจจริง ๆ
เธอได้ขอโทษไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ตระกูลเหลียวเองก็ถูกจิ่งเป่ยเฉินทำลายไปแล้ว เธอยังคิดจะทำอะไรอีก?
หรือว่าต้องรอให้เธอกับโอวหยางลี่หย่ากันถึงจะยอมแพ้?
“อุบัติเหตุครั้งก่อน ฉันคิดได้แล้ว ความจริงแล้วการเสียชีวิตไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้” เธอถือแก้วน้ำอุ่น ๆ ไว้ในมือ พร้อมหัวเราะและมองไปทางโอวหยางลี่ “คุณลี่ดีกับฉันมาก เขาเป็นผู้ชายที่โดดเด่น เวลาอยู่ข้างนอกมักจะมีผู้หญิงหน้าไม่อายคอยตามติดเขาตลอดเวลา นั่นก็เป็นเรื่องปกติ พิสูจน์ได้ว่าฉันมีวิสัยทัศน์ที่ดี”
“คุณนายโอวหยางเป็นคนใจกว้างจริง ๆ มิน่าธงสีแดงที่บ้านประธานโอวหยางยังไม่ร่วงหล่นลงมา ธงหลากสีกลับไปโบกสะบัดอยู่ด้านนอก[1]” เธอเหลือบมองโอวหยางลี่ที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าดูน่าเกลียด
แค่นี้รับไม่ได้งั้นเหรอ? เธอแค่พูดเรื่องจริงเท่านั้นเองนะ
เหลียวเว่ยที่มีสีหน้าเยาะเย้ยในตอนแรกกลับหุบยิ้มลงทันที
ธงสีแดงไม่ร่วง ธงหลากสีโบกสะบัดอยู่ด้านนอก?
หลังจากที่เธอแต่งงานและพบว่าอันโหรวหายไป เขาก็เริ่มเปลี่ยนไป
เมื่อก่อนในใจมีแต่อันโหรว แต่ตอนนี้กลับมีผู้หญิงคนอื่นโผล่มาอยู่เรื่อย ๆ
“เก่งจริง ๆ!” จู่ ๆ จิ่งเป่ยเฉินก็เอ่ยขึ้นมา ในมือเขายกแก้วไวน์ขึ้นมาหมุนอย่างช้า ๆ ก่อนจะจิบ
“ใช่สิ! เหมือนกับประธานจิ่ง คุณอันเองคงไม่ต้องมานั่งกังวล ” เธอเม้มริมฝีปาก เส้นเลือดที่จับอยู่บนแก้วปรากฏเป็นสีฟ้า ก่อนจะค่อย ๆ เจือนจางหายเป็นสีขาว
สิ่งที่เหลียวเว่ยพูดนั้นขัดแย้งกัน ยังไงข่าวอื้อฉาวของจิ่งเป่ยเฉินก็ไม่น้อยไปกว่าโอวหยางลี่ แต่ความต่างระหว่างสองคนนี้ ข่าวซุบซิบของจิ่งเป่ยเฉินเป็นเรื่องอื้อฉาวจริง ๆ แต่โอวหยางลี่แม้จะไม่ได้มีข่าวอื้อฉาว แต่เขามีผู้หญิงเหล่านั้นจริง ๆ
อันโหรวหันไปเหลือบมองจิ่งเป่ยเฉิน “แน่นอนว่าไม่กังวลเลย จิ่งเป่ยเฉินดูแลพวกเราดีมาก!”
จิ่งเป่ยเฉิน?
เหลียวเว่ยกับโอวหยางลี่ต่างตั้งข้อสงสัยขึ้นมาในเวลาเดียวกัน พวกเขาดูสนิทสนมกันมากขนาดนี้ ดูเป็นธรรมชาติมาก ๆ
เมื่อเทียบกับความประหลาดของเขาทั้งคู่ จิ่งเป่ยเฉินกลับดูมีความสุข ใบหน้าที่บึ้งตึงของเขาเผยรอยยิ้มออกมา “กินข้าวกันเถอะ!”
“ได้ค่ะ!” ถ้าหากเป็นไปได้ เธอเองก็ไม่อยากมานั่งสนทนากับพวกเขานักหรอก ดูไม่น่าสนใจเลยสักนิด
[1] ธงสีแดง หมายถึง สามีหรือภรรยาที่อยู่ในบ้าน ส่วนธงหลากสี หมายถึง คนรัก ชู้ มีความหมายโดยรวมว่า มีภรรยาอยู่ในบ้านแต่กลับไปเที่ยวเล่นกับชู้อยู่ข้างนอก