อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 275 ลางสังหรณ์เป็นจริง
ตอนที่ 275 ลางสังหรณ์เป็นจริง
ดังนั้นตอนนี้คำพูดของพวกเขาสองคนกลายเป็นจริงแล้วอย่างนั้นเหรอ?
แต่ทำไมถึงได้เอาชีวิตคนมาเกี่ยวข้องด้วย? หวังว่าเรื่องนี้คงจะเป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้นนะ ไม่ว่าอย่างไรละก็ จิ่งเป่ยเฉินต้องจัดการเรื่องนี้ให้ดีได้แน่
“ให้ฉันไปกับนายด้วยไหม” เธอรีบพูดขึ้นทันที
“ไม่ต้อง เรื่องเล็กนิดเดียว ฉีเซิ่งเทียนรอฉันอยู่ ที่นั่นมีนักข่าวอยู่เยอะ เธอไม่ชอบปรากฏตัวบนเวทีนี่”
“นายสิยิ่งไม่ชอบใหญ่เลย!” เธอจำเรื่องพวกนี้ได้ชัดเจนดีว่าเขาแทบไม่ปรากฏตัวในเหตุการณ์พวกนี้เท่าไร
“ตอนนี้เริ่มชอบแล้ว” จิ่งเป่ยเฉินเอามือลูบไปผมของเธอ “รอฉันกลับมา ถ้าเธอกล้าวิ่งไปไหนรอบ ๆ ละก็ กลับมาจะไม่ให้เธอลุกออกจากเตียงแน่!”
“นายช่วยข่มขู่ด้วยวิธีอื่นหน่อยจะได้ไหม?” อันโหรวเริ่มที่จะกลัวคำพูดของเขาแบบนี้แล้วสิ!
“วิธีนี้มันได้ผลทำไมต้องเปลี่ยนด้วย ที่สำคัญก็คือ….” ทันใดนั้นจิ่งเป่ยเฉินก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ใบหูของเธอและกระซิบเบา ๆ ว่า “ฉันชอบ”
เขาชอบวิธีแบบนั้น แต่เธอไม่ชอบนี่นา!
“นายไปเถอะ! ฉันจะรอนาย” ยังไงก็ไม่มีความคิดที่จะให้เขาทุ่มตัวเธอลงเตียงแน่นอน
จิ่งเป่ยเฉินเลื่อนหน้าเข้ามาหอมแก้มเธอก่อนจะเดินออกไป
อันโหรวยืนอยู่ในห้องโถงใหญ่พลางมองแผ่นหลังของเขาที่เดินออกไป เธอสามารถทำอะไรได้บ้าง?
เมื่อได้ยินเสียงรถขับออกไป เธอก็รีบกลับไปที่ห้องของตัวเองและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาฉีเซิ่งเทียนเพื่อถามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทันที
ตามที่ฉีเซิ่งเทียนบอกเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นที่โรงงาน เดิมเป็นโรงงานของตระกูลเห่อที่ถูกซื้อมา คนงานต่างทำงานตามปกติ แต่จู่ ๆ หลังคาของโรงงานก็พังลงมา
มีผู้บาดเจ็บยี่สิบสามคน บาดเจ็บหนักสิบสองคน และเสียชีวิตหนึ่งคน
คนงานที่ได้รับบาดเจ็บนั้นถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการทันที ปัญหาตอนนี้คือมีนักข่าวมากมายมาหากินกับข่าว บางคนได้รับบาดเจ็บและยังมีสมาชิกคนในครอบครัวผู้เสียชีวิตกำลังสร้างความวุ่นวายอยู่ด้านนอก
ต้องเจอจิ่งเป่ยเฉินให้ได้ อยากให้เขาอธิบายและให้ความเป็นธรรม ที่สำคัญคือชดเชยค่าเสียหายให้
ฉีเซิ่งเทียนบอกกับผู้สื่อข่าวว่าทุกคนที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยหรือบาดเจ็บหนัก รวมถึงผู้เสียชีวิตจะได้ค่าชดเชยและเงินช่วยเหลืออย่างแน่นอน จำนวนเงินที่จ่ายค่าชดเชยนั้นแน่นอนว่าย่อมมากมาย แต่บริษัทจิ่งก็ไม่ได้ขาดแคลนเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ไรมาทางด้านนี้ก็ทำได้ดีมาโดยตลอดอีกด้วย
แต่ว่าเรื่องบริษัทจิ่งเองนั้นนานแล้วที่ไม่ได้เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้น
อันโหรวหยิบโทรศัพท์และนั่งลงบนเตียงด้วยความสงสัยเล็กน้อย
จากที่เธอรู้จักโอวหยางลี่ เขาไม่น่าจะใช้วิธีการแบบนี้ลงมือแน่ ชีวิตคนมีความสำคัญมาก………
ไม่ว่าจะใช่เขาทำหรือไม่ แต่เรื่องนี้ต้องมีคนเจตนามุ่งเป้ามาที่บริษัทจิ่งอย่างแน่นอน
เธอเปิดโทรทัศน์ที่ตอนนี้กำลังถ่ายทอดสดรายงานสถานการณ์ นักข่าวต่างแสดงมุมมองความคิดที่แตกต่างกัน และเห็นฉีเซิ่งเทียนอยู่เป็นครั้งคราว
เธอคิดมาโดยตลอดว่าจะเป็นคนเดียวกันกับที่เคยจัดการตระกูลอันเมื่อครั้งก่อน อาชญากรรมการผูกขาดทางการค้าที่เกิดจากการค้ายาที่ยากจะอธิบาย
แต่โทษข้อหาที่ถูกตัดสินว่าตระกูลอันนั้นผิดเมื่อในอดีตไม่ได้เกี่ยวข้องกับจิ่งเป่ยเฉินเลยสักนิด สำหรับเขาแค่คันไม้คันมือ ใครจะกล้าพูดว่าเขาผูกขาดทางการค้า เขานี่แหละจะผูกขาดทางการค้าให้ดู!
คนอย่างนั้นก็จะเป็นแบบนั้นเสมอ!
เธอรออยู่ครึ่งชั่วโมง จิ่งเป่ยเฉินก็ปรากฏตัวขึ้นมาในหน้าจอโทรทัศน์ เขาอยู่ในชุดสูทสีดำสนิททั้งตัว สีหน้าแววตาที่หล่อเหลาของเขาปรากฏขึ้นบนจอ
ครอบครัวผู้เสียชีวิตที่เห็นเขาต่างก็วิ่งพุ่งเข้าไปหาเขาอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับเอ่ยถ้อยคำสาปแช่ง บอดี้การ์ดที่ล้อมรอบจิ่งเป่ยเฉินอยู่ต่างรีบเข้ามากันกลุ่มคนที่อาละวาดไว้
เวลานี้อันโหรวไม่มีกะจิตกะใจฟังคำที่จิ่งเป่ยเฉินพูด เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาฉีเซิ่งเทียนพลางมองไปที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตบนหน้าจอโทรทัศน์อยู่ตลอดเวลา พวกเขาเอ่ยถ้อยคำสาปแช่งที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในโทรทัศน์นั้นเห็นว่าฉีเซิ่งเทียนรับโทรศัพท์และก็ถอยออกไปจากหน้าจอ
“พี่สะใภ้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” ฉีเซิ่งเทียนหันหน้าไปมองจิ่งเป่ยเฉินที่อยู่ไม่ไกลเท่าไรนัก สีหน้าและแววตาของเขายังทำดูเหมือนเย็นชา นักข่าวถามมากขนาดนี้ สงสัยเขาคงขี้เกียจที่จะเอ่ยปากพูดแล้ว
“ตรวจสอบที ผู้เสียชีวิตเป็นครอบครัวไหน พวกเขาทำเกินไปแล้ว!” อันโหรวมองไปที่ผู้คนสองสามคนก่อนจะเอ่ยปากตะโกนด่าใส่พวกเขา เธอแทบจะทนไม่ไหว คิดอยากจะไปดึงตัวจิ่งเป่ยเฉินออกมาจากกลุ่มคนเหล่านั้น
ในฐานะที่เป็นมนุษย์เหมือนกัน เขาทำได้ดีจริง ๆ ทำตัวเหมือนไม่ได้ยินอะไรเลยสักนิด ไม่ว่าพวกเขาจะด่ายังไงก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักครั้ง
“พี่สะใภ้ฉลาดมากจริง ๆ ออกไปกับพี่เฉินได้เลย!” ฉีเซิ่งเทียนยิ้มขึ้น หลังพูดจบก็วางสายไป
เธอยังไม่เคยเห็นจิ่งเป่ยเฉินเอ่ยปากพูดเลยสักครั้ง!
แน่นอนว่าเห็นทีจะต้องไปสถานที่เกิดเหตุ เพราะอยู่ที่นี่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้สักนิด
อันโหรวเริ่มรู้สึกกังวลเล็กน้อย และเมื่อมองดูทีวีสักพักก็ไม่เห็นเงาของจิ่งเป่ยเฉินอีกเลย เธอจึงเริ่มรู้สึกกระวนกระวายมากขึ้น ก่อนจะปิดทีวีทันที
นักข่าวพวกนั้นไปถึงสถานที่ได้เร็วมาก แสดงว่าต้องได้รับแจ้งมาก่อนหน้านั้นแล้วแน่ ๆ เจตนาพวกนี้ชัดเจนเกินไปจริง ๆ
แต่ผลกระทบของเหตุการณ์นี้กลับใหญ่กว่านั้น ในช่วงขณะหนึ่งเหตุการณ์นี้ต่างก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมือง A ไม่มีผู้ใดไม่รับรู้ถึงข่าวนี้ ครั้งนี้เรียกได้ว่าสร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงของบริษัทสกุลจิ่งมากพอสมควร
แต่ทว่าสิ่งที่อันโหรวไม่คาดคิดก็คือได้มีข่าวอื่น ๆ ปรากฏมาเร็วกว่านั้น วันนี้ที่เกิดเรื่องแบบนี้ ส่งผลให้หัวข้อข่าวเกี่ยวกับสกุลจิ่งเริ่มพุ่งทะยานสูงขึ้นไปอีก
เพียงแต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นข่าวลือ แม้ว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ของวิเวียนจะอยู่ในขั้นตอนการออกแบบและเตรียมประชาสัมพันธ์ก็ถูกข่าวของบริษัทสกุลจิ่งกลบจนหมด
“ระเบิดเปรี้ยงปร้าง! ภาพถ่ายของผลิตภัณฑ์หยกใหม่ของสกุลจิ่งถูกเปิดเผย ภาพลักษณ์ไม่ได้บริสุทธิ์อีกต่อไป!”
“จากข่าวคราวที่น่าเชื่อถือ ตัวแทนโฆษกโฆษณาเหอเฉ่าได้รับข้อสงสัยว่าจะถูกเสี่ยเลี้ยงดู!”
“เปรี้ยงปร้างอีกครั้ง! ชีวิตของเหอเฉ่าก่อนที่จะโด่งดัง! ก็ล่มสลายลงเสียแล้ว!”
ข่าวเหล่านี้โผล่ขึ้นมาอย่างไม่จบไม่สิ้น และยังมีรูปถ่ายอีกจำนวนมากมายปรากฏขึ้นมา ตอนนี้ปาปารัสซี่เองก็เริ่มจะทำงานอย่างเป็นมืออาชีพ ขอแค่มีภาพดี ๆ อย่างน้อยสักชุดสองชุดก็ถือว่าไม่เลว เพียงแต่ถ้าหากเธอไม่ได้รู้จักเหอเหมียวละก็ กว่าครึ่งหนึ่งเธอก็คงเชื่อไปนานแล้ว
เนื่องจากเหอเฉ่าและเหอเหมียวเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน อีกทั้งอายุก็ไล่เลี่ย ส่วนสูงรูปร่างใบหน้าก็แอบคล้ายคลึงกัน เพียงแต่ว่าทางด้านครอบครัวของเหอเหมียวนั้นมั่งคั่งมากกว่า ความเป็นอยู่ในวัยเด็กก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง นิสัยก็แตกต่างกันอีก ถึงแม้หน้าตาจะดูคล้ายคลึงไปบ้าง แต่เนื้อในใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปได้
ถ้าหากเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนเช้าของโรงงานเป็นฝีมือของโอวหยางลี่ แล้วเรื่องพวกนี้จะเป็นฝีมือของใครกัน?
โอวหยางลี่จะปล่อยให้เหอเหมียวทำเรื่องพวกนี้อย่างนั้นเหรอ? ฆ่าศัตรูนับพันแต่เสียทหารถึงแปดร้อยคน[1]แบบนี้!
ไม่ช้าเสียงโทรศัพท์ของอันโหรวก็ดังขึ้น เธอรีบกดรับทันที “เลขาอัน คนบนอินเทอร์เน็ตไม่ใช่ฉันนะคะ!”
“แต่ว่าดูคล้ายกับเธอเลยนะ” เธอเดินออกไปที่ด้านนอก
“ไม่ใช่ฉันจริง ๆ ค่ะ ฉันไม่สามารถนั่งรถที่หรูหราขนาดนั้นได้หรอกค่ะ ไม่ว่าจะนั่งอยู่ที่ไหน ฉันคงไม่อาจฝืนทำอะไรแบบนั้นได้จริง ๆ” เหอเฉ่าเริ่มกังวลมากขึ้น เธอกลัวว่าอันโหรวจะไม่เชื่อใจเธอ
ในตอนนั้นก็เป็นอันโหรวที่เลือกเธอมา ถ้าหากแม้แต่อันโหรวก็ไม่เชื่อใจเธอ ก็คงหาใครมาเชื่อใจเธอไม่ได้อีกแล้ว
เพราะงั้นหลังจากที่เธอทราบเรื่องพวกนี้ เธอก็รีบโทรหาอันโหรวเป็นคนแรกทันที
“ฉันรู้แล้ว ดูเหมือนเหอเหมียวมากกว่า เพียงแต่ว่าเธอตอนนี้….” เธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้เหอเหมียวนั้นกำลังทำอะไรและอยู่ที่ไหน
ปลายสายลังเลไปสักพักหนึ่ง ก่อนจะอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ พูดว่า “เธออยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ”
“ส่งที่อยู่แบบละเอียดมาให้ฉันที เดี๋ยวฉันจะติดต่อหาตัวแทนให้เธอและบอกวิธีจัดการเรื่องพวกนี้ให้ ตอนนี้เธอก็พักผ่อนไปก่อน” เธอพูดจบก็วางสายทันที ก่อนจะหยิบกุญแจรถและขับรถออกไปจากวิลล่า
ในระหว่างทางตัวแทนที่จะจัดการเรื่องพวกนี้ก็ได้โทรศัพท์หาเหอเฉ่า ส่วนทางด้านอันโหรวเองก็ขับรถมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาล ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนมีชื่อเสียงที่สุด เพียงแต่ว่าเหอเฉ่าไม่ได้ระบุถึงสถานการณ์ที่ชัดเจนว่าเหอเหมียวนั้นเป็นอะไร แต่จากการคาดเดาตามสภาพแวดล้อม เธอก็พอจะเดาออก
เมื่อเธอมาถึงที่โรงพยาบาลก็รีบมุ่งตรงไปยังห้อง VIP ที่ตอนนี้มีบอดี้การ์ดกำลังทำสีหน้าจริงจังยืนเฝ้าอยู่สองสามคน เธอยิ้มให้พวกเขาก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “รบกวนพวกคุณช่วยบอกคนข้างในให้ทีว่าอันโหรวมาหา”
ตราบใดที่เหอเหมียวยังสนใจโอวหยางลี่อยู่ เมื่อได้ยินชื่อของเธอแล้วก็ย่อมคิดอยากจะพบเธอแน่ ๆ
[1] ฆ่าศัตรูนับพันแต่เสียทหารถึงแปดร้อยคน หมายความว่า ทำอะไรบางอย่างที่แลกด้วยกำลัง แต่ได้ไม่คุ้มเสีย