อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 281 บ้านพักอวิ๋นเกอ
ตอนที่ 281 บ้านพักอวิ๋นเกอ
บ้านพักอวิ๋นเกอเป็นรีสอร์ตพักผ่อนที่ขนาดใหญ่ที่สุดในเมือง A ครอบคลุมทุกพื้นที่ วิวทิวทัศน์สวยงาม และมีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติอยู่หลายแห่ง ซึ่งโดยปกติแล้วบ้านพักที่ใหญ่ขนาดนี้จะไม่เปิดบริการ
งานเลี้ยงฉลองวันเกิดของจิ่งเป่ยเฉินในวันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ลมแรงและไม่มีมีเมฆบดบัง
ภายในห้องนอนขนาดใหญ่ในบ้านพักอวิ๋นเกอ อันโหรวนั่งอยู่บนเตียงเพียงคนเดียว จิ่งเป่ยเฉินนั้นถูกหน่วนหน่วนลากไปข้างนอก คาดว่าน่าจะอีกสักพักกว่าเขาจะกลับมา
เธอชำเลืองมองไปที่กล่องของขวัญสีฟ้าที่วางอยู่บนเตียง นี่เป็นกล่องของขวัญของหลินจือเซี๋ยวที่ให้กับจิ่งเป่ยเฉิน หางตาของเธอนั้นมองไปที่กล่องที่เธอเพิ่งแกะออกดูของด้านในกล่อง
วันนั้นที่หลินจือเซี๋ยวนั้นเสนอไอเดียหื่น ๆ ให้กับเธอ เธอก็ได้ตัดความคิดนั้นทิ้งไป แต่ว่าไม่คิดเลยว่าหลินจือเซี๋ยวจะส่งของสิ่งนั้นเป็นของขวัญให้กับจิ่งเป่ยเฉิน
ตอนนี้เธอไม่สามารถแม้แต่จะซ่อนไว้ได้ เพราะตอนที่เธอส่งของขวัญนี้มาให้อย่างลับ ๆ หน่วนหน่วนและจิ่งเป่ยเฉินนั้นก็เข้ามาพอดี ซึ่งเขาเองก็เห็นกล่องนี้อย่างชัดเจน
นอกเสียจากเธอจะเอาของที่อยู่ข้างในนั้นออกมาใส่ไว้ในกระเป๋า
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เธอก็หันกลับไปมองกล่องของขวัญอีกครั้ง ก่อนจะเปิดมันออกมาอย่างเบามือ ชุดชั้นในลูกไม้สีดำสุดเซ็กซี่ที่อยู่ในกล่องนั้น คงต้องลากหลินจือเซี๋ยวมาเอากลับไป!
เธอจะดูสกปรกเกินไปแล้ว!
เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง? ให้อะไรที่ดีกว่านี้ไม่ได้เหรอ? การส่งของสิ่งนี้มาให้อาจจะทำให้จิ่งเป่ยเฉินเข้าใจผิดคิดว่าเธอบอกเป็นนัยอื่นก็ได้!
คืนนี้เธอไม่คิดอยากจะมีชีวิตอยู่แล้วหรือยังไง?
ไม่ได้ ต้องหาวิธีจัดการ คืนนี้ต้องมอมเหล้าจิ่งเป่ยเฉินให้เมา!
เธอคิดหาทางทุกวิธี แต่ก็คิดได้แต่ความคิดนี้ ฉวยโอกาสตอนที่จิ่งเป่ยเฉินยังไม่กลับมาเอากล่องนี้ไปซ่อนไว้ด้านในตู้เสื้อผ้า
ทันทีที่วางเสร็จเธอก็มานั่งที่ด้านหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มองกระจกที่สะท้อนใบหน้าที่ยังไม่ได้แต่งของตัวเอง จู่ ๆ ด้านหลังก็มีเสียงเปิดประตูเข้ามา เมื่อเธอเห็นเงาของจิ่งเป่ยเฉินในกระจกที่เลือนรางก็หันไปมอง
“ทำไมนายกลับมาไวจังเลย?” ฝีมือลูกอ้อนของหน่วนหน่วนแผ่วลงซะแล้ว!
“หน่วนหน่วนไปแช่น้ำพุร้อนกับคนรับใช้แล้ว” จิ่งเป่ยเฉินกวาดสายตามองไปในห้องขนาดใหญ่ แต่กลับหากล่องของขวัญของหลินจือเซี๋ยวไม่เจอ เขาเดินเข้ามาหาเธอ “หลินจือเซี๋ยวส่งอะไรมาเหรอ?”
อันโหรวหยิบโลชั่นบนโต๊ะขึ้นมาทาบนหน้าของเธอ สายตานั้นจ้องมองที่กระจกอย่างตั้งใจ “เครื่องประดับ เธอเพิ่งหยิบเอามาให้ฉันเลือกแล้วก็ออกไปแล้ว ไม่ใช่กล่องของขวัญนายหรอก หลงตัวเองเกินไปหน่อยนะ”
“ถ้าไม่ได้ส่งของมาให้ฉัน เธอกล้าดียังไงเข้ามาในห้องของฉัน?” จิ่งเป่ยเฉินยืนหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ ทำไมเขาถึงได้เชื่อคำพูดเธอขนาดนี้นะ!
“ก็ฉันอยู่ในห้องไง ทำไมจะไม่กล้าเข้ามา? หรือว่านายจะตีฉันงั้นเหรอ?” เธอมองไปที่กระจกที่สะท้อนใบหน้าที่หล่อเหลาพลางพูดด้วยรอยยิ้ม
ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่กว้างขึ้น ในใจของเธอนั้นยิ่งรู้สึกผิดขึ้นมา รอให้จิ่งเป่ยเฉินออกไปก่อนแล้วเธอจะหยิบมันออกไปทิ้งอย่างแน่นอน
“อะ…..” อันโหรวหันไปมองเขา จากที่เธอมองใบหน้าของเขาก็เลื่อนสายตามาที่แขนของเขา “นายตีฉันอีกแล้ว!”
“ใครใช้ให้เธอไม่พูด?” จิ่งเป่ยเฉินเอนตัวเข้าไปใกล้เธอ ก่อนจะขยับเข้าไปแนบชิดตัวเธออย่างช้า ๆ ใกล้จนเห็นขนตาที่งอนยาวของเธอได้อย่างชัดเจน ขนตาที่โค้งงอนยาว การกะพริบตานั้นช่างน่ารักเสียจริง
“โอเค นั่นคือชุดราตรีของเธอ ห้องของเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ มันไกลเกินไป ฉันเลยวางมันเอาไว้ที่นี่” ภายในห้องจัดเลี้ยงน่าจะจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เธอยังไม่ได้คิดหาข้อแก้ตัวเลยจริง ๆ
เขากลับมาเร็วเกินไป
“หยิบออกมาให้เธอ” มีของผู้หญิงคนอื่นในห้องของพวกเขา เขาไม่อยากจะยุ่งวุ่นวาย
“ตกลง ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” อันโหรวรีบหันตัวเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ก่อนจะหยิบกล่องสีฟ้านั้นออกไปอย่างรวดเร็ว
เพื่อไม่ให้จิ่งเป่ยเฉินนั้นสงสัยจึงจงใจลงไปที่ชั้นสามและโยนมันทิ้งลงถังขยะที่การตกแต่งอย่างประณีตที่ตั้งอยู่ชั้นหนึ่ง เป็นอาชญากรที่สมบูรณ์แบบ
ส่วนของขวัญของหลินจือเซี๋ยวและหลินจือเซี๋ยว พรุ่งนี้เธอค่อยคิดบัญชีกับเธอทีหลัง ยิ่งไปกว่านั้นบิ๊กบอสนั้นก็ไม่ใช่เป็นคนขาดแคลนของขวัญเสียหน่อย!
เธอรีบกลับไปที่ห้องทันที ก่อนจะพบว่าจิ่งเป่ยเฉินยังคงยืนอยู่ตำแหน่งเดิมเหมือนกับว่ากำลังรอเธอ เธอจึงเดินเข้าไปและแต่งหน้าตามปกติ
“หน่วนหน่วนยังเด็ก อย่าให้ลูกแช่น้ำนาน นายไปรับลูกกลับมาได้แล้ว” อันโหรวจ้องมองไปที่ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาผ่านกระจก
“มีคนคอยดูแลอยู่แล้ว” ซึ่งหมายความว่าเขาไม่ไป
“มันไม่เหมือนกัน นายเป็นพ่อนะ!” เธอยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเลย!
อยากจะให้เขาออกไป เธอจะได้เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยลงไปชั้นล่าง เมื่อครู่เธอเธอชำเลืองมองเห็นผู้คนที่ต่างทยอยกันมาแล้ว
จิ่งเป่ยเฉินที่ไม่เคยจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิด เป็นครั้งแรกที่จัดงานฉลองวันเกิดที่ใหญ่โต ชายอายุสามสิบเป็นวันที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ
เดิมทีในอดีตเขาก็มีมุมที่แข็งข้ออยู่บ้าง
“หยางหยางเองก็เป็นพี่ชายคนโตเหมือนพ่อ” เขาไม่อยากจะออกไป วันนี้ขั้นตอนการแต่งหน้าของเธอนั้นไม่เลว สวมใส่เสื้อผ้าก่อนแล้วค่อยแต่งหน้า
อันโหรวนั่งเงียบ คำพูดที่เขาพูดออกมานั้นไร้ที่ติจริง ๆ แม้แต่หยางหยางที่ยังเป็นเด็กก็ถูกเขาจับมาเป็นเกราะป้องกันเสียแล้ว
เธอลุกขึ้นและมองไปที่เขา “ในสายตาของนายคิดว่าหยางหยางโตเป็นผู้ใหญ่แล้วงั้นเหรอ?”
“เด็ก” จิ่งเป่ยเฉินตอบกลับทันทีโดยไม่ได้ไตร่ตรองยั้งคิด
“ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” เธอหันตัวเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ก่อนจะหยิบชุดที่เตรียมเอาไว้เรียบร้อยออกมา ภายในห้องขนาดใหญ่นั้นมีของทุกอย่าง เธอนั้นเลือกอย่างชัดเจน
“ความจริงแล้ว……”
อันโหรวที่ได้ยินคำพูดของเขาก็หันกลับมาจ้องหน้าเขาอย่างสงสัย ความจริงแล้วอะไร?
“ฉันไม่ถือสานะถ้าจะเปลี่ยนในห้องนี้เลย” ในทางตรงกันข้าม เขากลับชอบใจเสียด้วยซ้ำ ถ้าหากให้ช่วยรูดซิปอะไรแบบนั้น ยิ่งดีใจเป็นอย่างมาก
“แต่ฉันถือ” รู้ว่าคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของเขาต้องเป็นสิ่งที่เธอนั้นไม่อยากฟังแน่ ๆ
ซึ่งก็เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้
เธอรีบเปลี่ยนเป็นชุดราตรีสีม่วงอ่อนทันที เมื่อเปิดประตูออกมาก็พบจิ่งเป่ยเฉินที่มองเธออย่างไม่ละสายตา สีหน้าและแววตาของเขานั้นเผยรอยยิ้มออกมา
ดูคุ้นตาอะไรอย่างนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นของที่เพิ่งจะทิ้งไปเมื่อครู่!
“นี่ใครส่งของนี่เข้ามาให้อีกกัน?” เธอตอบกลับโดยแสร้งแกล้งทำเป็นไม่รู้
“คนรับใช้เพิ่งส่งมาให้เมื่อกี้ บอกว่าด้านในมีโน้ตอยู่ เหมือนว่าจะมีคนส่งของขวัญมาให้ โหรวโหรวเธอช่วยฉันเปิดดูหน่อย” จิ่งเป่ยเฉินยื่นไปตรงหน้าเธอ กล่องต้องคำสาปสีฟ้านั้นถูกส่งมาตรงหน้าเธอ
“ได้สิ!” เธอแกะกล่องนั้นอย่างเด็ดเดี่ยว มองของด้านในออกราวกับว่าเพิ่งเห็นมัน
ขอบลูกไม้สีดำ……
แต่จู่ ๆ เธอก็ปิดมันอีกครั้ง ก่อนจะคว้ากล่องนั้นมาและโยนทิ้งลงบนพื้นและคว้าแขนของเขาเดินออกไป “พวกเราไปกันเถอะ!”
คนรับใช้คนไหนกันนะที่ว่างขนาดนั้น งานเลี้ยงใกล้จะเริ่มแล้ว อย่าไปสนใจกับกองขยะนั่นเลย!
จริงด้วย!
“ฉันยังเห็นไม่ชัดเลยว่ามันคืออะไร เธอไม่เห็นจะต้อง…ตื่นเต้น” จิ่งเป่ยเฉินมองเธออย่างไม่เปลี่ยนแปลง เขาอมยิ้มเล็กน้อย แต่กลับแฝงไปด้วยความหลงใหล
ก่อนที่เธอจะออกมา เขาได้ดูก่อนแล้ว ดูแล้วตาพร่าจริง ๆ
ดังนั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร….
มีโอกาสคงจะต้องถามหลินจือเซี๋ยวสักหน่อยแล้ว