อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 296 เสื้อตัวเดียว
ตอนที่ 296 เสื้อตัวเดียว
“ไม่นะ!” อันโหรวพูดออกมาทันที เขาใส่เสื้อตัวเดียวแบบนี้ หากเป็นหวัดขึ้นมาจะทำยังไง!
“จิ่งเป่ยเฉิน นายปล่อยฉันก่อนได้ไหม แล้วก็ใส่เสื้อก่อน” เธอถูกกอดรัดแน่นจนพูดแทบไม่ออก
แต่เหมือนว่าจิ่งเป่ยเฉินจะไม่ได้ยินเสียงของเธอเลย เขายังคงยืนกอดเธอไม่ยอมปล่อย
อันโหรวหมดหนทาง “เอามานี่!”
ฉีเซิ่งเทียนรีบวิ่งเข้าไปทันที ก่อนจะเอาเสื้อคลุมไปที่ตัวของจิ่งเป่ยเฉินและพูดอย่างสบายใจว่า “ดูเหมือนว่าไล่ตามหาภรรยาแทบตาย ผู้หญิงคงชอบแบบนี้สินะ?”
“นายก็ลองดูสิ” อันโหรวรู้ว่าเขาพูดถึงใคร
“ช่างมันเถอะ!” ฉีเซิ่งเทียนส่ายหน้าไปมา ก่อนจะมองไปที่คนสองคนที่ยังกอดพัวพันกันอยู่ “ฉันถามว่าพวกคุณสองคนจะกลับกันเลยหรือเปล่า?”
“นายกลับไปก่อนเลย!” คนที่ตอบยังคงเป็นอันโหรว
ฉีเซิ่งเทียนมองเธอสักพัก ก่อนจะเดินออกไปพลางส่ายหน้าไปด้วย
วิเวียนที่ลงมาจากชั้นบนเห็นภาพทั้งสองคนที่กำลังกอดกันอยู่ เธอเองก็ยังรู้สึกว่าพวกเขาเหมาะสมกันมาก ทำไมถึงไม่ยอมให้อยู่ด้วยกัน?
จิ่งเป่ยเฉินกอดเธอไว้อย่างแน่น มีแค่กอดเธอเท่านั้นที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยและทำให้เชื่อว่าเธอจะไม่หนีไปจากเขา จะอยู่ข้างกายเขา
“ที่รัก พวกเรากลับบ้านกันดีไหม?” พวกเขาไม่ควรที่จะมายืนกอดกันในบ้านคนอื่นอยู่แบบนี้!
จะกอดถึงเมื่อไหร่? มหาสมุทรไร้ธารา แม้นภูผาพังทลาย?
จิ่งเป่ยเฉินยอมฟังคำพูดของเธอ ก่อนจะลากเธอออกไปด้านนอกด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมเหมือนเดิม อันโหรวได้แต่เดินตามเขาออกไป
ระหว่างทางกลับบ้าน ถึงแม้อันโหรวจะขอเขาว่าจะขับรถเอง แต่จิ่งเป่ยเฉินก็มองด้วยแววตาที่นิ่งเฉย เธอจึงไม่ได้พูดอะไรอีก
“เครื่องปรับอากาศเพิ่มความอุ่น” เธอมองไปที่จิ่งเป่ยเฉินที่ใส่เสื้อบาง ๆ ตัวเดียว จึงอดจ้องไปที่เขาไม่ได้ “ถ้าหากนายไม่คิดจะดูแลตัวเองให้ดี แล้วนายมีสิทธิ์อะไรที่จะมาดูแลฉัน? ถ้านายเป็นหวัดขึ้นมา อย่าหวังว่าจะให้ฉันดูแลนะ!”
“ร่างกายฉันแข็งแรงดี ภูมิต้านทานสูง ไม่เป็นหวัดง่าย ๆ หรอก” ตอนมาที่นี่เขาขับรถเร็วมาก แต่ตอนนี้มีเธอนั่งอยู่ในรถ เขาจึงขับช้า ๆ ความปลอดภัยของเธอนั้นเป็นสิ่งสำคัญ
ทำไมคำพูดนี้ช่างคุ้นหูเสียจริง?
เหมือนว่าเมื่อก่อนเธอเองก็เคยพูดกับหน่วนหน่วนแบบนี้
ตลอดเส้นทางทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก เธอเพียงแค่หันไปมองเขาเป็นระยะ ๆ เธออยากจะรู้ว่าสิ่งที่แม่ของเธอบอกนั้นคืออะไร ทำไมถึงไม่ยอมมาบอกด้วยตัวเอง?
เธอเหนื่อยเหลือเกิน ยิ่งคิดมากก็ยิ่งคิดไม่ออก ปวดหัวจังเลย
“ฉันหวังว่าพรุ่งนี้ฉันคงจะไม่ต้องมารับเธอที่นี่อีกนะ” เขาทนไม่ไหวที่สองวันมานี้ เธอมาที่นี่โดยไม่พูดอะไรสักคำ
ที่น่าเป็นห่วงก็คือถ้าหนึ่งวันเธอหายไป แล้วเขาคิดว่ามาที่นี่ แต่เธอกำลังเล่นเกมหมาป่าและไปสถานที่อื่น
“ได้! พรุ่งนี้จะเปลี่ยนสถานที่ดู!” เธอแกล้งพูดอย่างผ่อนคลาย
“โหรวโหรว อย่าทำแบบนี้ได้ไหม…..” สวรรค์รู้ว่าเขาตื่นมาแล้วพบว่าในอ้อมกอดนั้นไม่ใช่เธอ แต่กลายเป็นหมอนนั้นภายในใจเขารู้สึกสิ้นหวังเพียงใด
“ฉันพูดเล่น นายไม่ต้องจริงจังก็ได้!” เธอหัวเราะพลางเอ่ย
รถขับเคลื่อนไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางหิมะที่ตกหนัก โดยมุ่งหน้าไปทิศทางของบ้าน
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของอันโหรวก็ดังขึ้น
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู “คุณนายน้อย เกิดเรื่องแล้วค่ะ!”
ใจของเธอตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม นี่เป็นเสียงของคนรับใช้ที่ไปรับหยางหยางกับหน่วนหน่วน มือซ้ายของเธอเกือบจะคว้าไปที่แขนของจิ่งเป่ยเฉินอย่างไม่รู้ตัว เมื่อได้ยินเสียงในโทรศัพท์ จู่ ๆ โทรศัพท์ก็ร่วงตกลง
“หยางหยาง หน่วนหน่วน….เกิดอุบัติเหตุ…….” เธอพูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ กับข่าวที่ได้รับฟังมาเมื่อครู่ ร่างกายของเธอแทบแตกสลาย
“โรงพยาบาลไหน?”
“รุ่ยหยา!”
จิ่งเป่ยเฉินรีบกลับรถและมุ่งไปที่โรงพยาบาลด้วยความเร็วทันที หิมะที่ตกหนักทำให้ทัศนวิสัยในการมองทางนั้นเลือนราง
หยางหยาง หน่วนหน่วน
อันโหรวรู้สึกว่าตัวเองนั้นหายใจไม่ค่อยสะดวก แทบอยากจะรีบบินไปหาหน่วนหน่วนกับหยางหยาง ไปอยู่ข้าง ๆ ลูก ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาทั้งสองจะเป็นยังไงบ้าง
พวกเขาจะต้องไม่เป็นอะไร แต่ถ้าหากว่าเกิดเรื่องกับพวกเขาขึ้นมา เธอจะทำยังไง?
เธอไม่ใช่แม่ที่ดีจริง ๆ ที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ข้าง ๆ พวกเขา
“หยางหยาง….หน่วนหน่วน…” ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลรินออกมาจากดวงตา
เกิดอะไรขึ้นในช่วงที่ผ่านมา? ทำไมถึงได้เกิดเรื่องเยอะมากมายแบบนี้?
นานแล้วที่เธอไม่ได้ร้องไห้ออกมา ตั้งแต่เรื่องที่เกิดเมื่อวาน หัวใจของเธอก็สับสนไปหมดและในตอนนี้…..
เธอรู้สึกเหมือนว่ามีมือที่มองไม่เห็นถือใบมีดที่แหลมคมเข้ามาฟันหัวใจของเธออย่างเยือกเย็น ค่อย ๆ ทำให้เธอทรมานช้า ๆ
“โหรวโหรว พวกเขาจะต้องไม่เป็นอะไร!” ในตอนนี้เขาเองก็อยากจะพูดปลอบเธอ แต่ก็ทำได้เพียงเชื่อมั่นในตัวลูก ๆ ว่าจะไม่เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นกับพวกเขา
อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อ ต้องรอด!
“ต้องไม่เกิดอะไรขึ้น!” อันโหรวพยักหน้า ลูกของพวกเขาน่ารักแบบนั้น ทำไมสวรรค์ถึงจะกลั่นแกล้งให้พวกเขาต้องพรากจากกันด้วย!
ทันทีที่มาถึงโรงพยาบาลรุ่ยหยา จิ่งเป่ยเฉินและอันโหรวก็รีบพุ่งตัวเข้าไปด้านใน ก่อนจะเดินไปที่ห้องผ่าตัดด้านนอก พวกเขาไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง มีเพียงประตูห้องฉุกเฉินที่ปิดอยู่
คนรับใช้ที่เพิ่งโทรศัพท์หาพวกเขาก็เข้าไปในห้องผ่าตัดด้วย จึงไม่รู้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
จู่ ๆ อันโหรวก็พิงไปที่จิ่งเป่ยเฉินและกอดเขาไว้อย่างแน่น หัวใจในตอนนี้กระวนกระวายจนเต้นไม่เป็นจังหวะ ขอแค่ได้ข่าวว่าหน่วนหน่วนกับหยางหยางปลอดภัยเท่านั้น อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นให้ความรู้สึกปลอดภัยได้มาก
จิ่งเป่ยเฉินเองก็กอดเธอเอาไว้ ก่อนที่โทรศัพท์ในมือจะดังขึ้น ใบหน้าที่เย็นชานั้นเย็นชามากขึ้น ทางที่ดีขอให้เป็นแค่อุบัติเหตุไม่ใช่เรื่องเจตนา
“ช่วงนี้อุบัติเหตุจราจรเมือง A นั้นมีเงื่อนงำ!” วิเวียนพูดกับเขา โทรศัพท์นั้นตกลงมาในกระเป๋ากางเกงของเขา ก่อนจะกอดไปที่โหรวโหรวอย่างแน่น
ในช่วงที่มีหมอหลายคนมา แต่จิ่งเป่ยเฉินกลับไม่กล้าก้าวเข้าไป แสงไฟในห้องผ่าตัดยังคงเปิดสว่างอยู่
หัวใจของอันโหรวเหมือนกำลังถูกแขวนเอาไว้ ดวงอาทิตย์ในฤดูหนาวที่เย็นเยือกค่อย ๆ ตกลงมา และไฟในห้องผ่าตัดก็ดับลง
เธอรีบวิ่งเข้าไปในห้องผ่าตัดอย่างรวดเร็ว จิ่งเป่ยเฉินก็รีบตามเธอเข้าไป ถังซั่วที่ตามมาทีหลังก็เดินตามเข้าไปด้วยความเป็นห่วง
คนที่ออกมาเป็นหยางหยาง เขานอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย เมื่ออันโหรวเห็นใบหน้าที่ซีดขาวของลูกชายก็ทรุดตัวลง
“หยางหยาง! หยางหยาง!”
“โปรดรักษาความสงบด้วยครับ คนไข้คนอื่นกำลังพักผ่อนอยู่” เสียงของคุณหมอพูดขัดจังหวะเธอ
จิ่งเป่ยเฉินกอดเธอไว้ในอ้อมกอด “หยางหยางไม่เป็นอะไรแล้ว แค่นอนพักผ่อนก็ดีขึ้น”
เธอจะมาอ่อนแอแบบนี้ไม่ได้ ตอนอยู่ที่นี่พวกเขาทั้งสองคนจำเป็นจะต้องเข้มแข็งให้มากที่สุด
หยางหยางเข้าไปที่ห้องผู้ป่วยโดยมีหมิ่นลี่คอยเฝ้าให้ เพราะหน่วนหน่วนยังไม่ออกมา อันโหรวและจิ่งเป่ยเฉินเองจึงยังไม่ได้ออกไป
“บัดซบ! ไอ้รถบรรทุกที่ชนนั่น แต่คนขับรถบรรทุกนั้นเสียชีวิตไปแล้ว ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐาน!” ฉีเซิ่งเทียนที่เพิ่งมาเห็นสีหน้าของอันโหรว เขาจึงรีบพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำลง “พี่สะใภ้ไม่ต้องกังวลไป ใครที่กล้าลงมือกับหลานของฉัน ฉันจะทำให้มันเสียใจที่มายังโลกนี้แน่!”
อันโหรวเพียงแค่หวังว่าหยางหยางและหน่วนหน่วนจะไม่เป็นอะไร ส่วนเรื่องอื่นนั้นเธอเองไม่มีเวลาไปสนใจ
“มีร่องรอยของรถบรรทุกบ้างไหม?” จิ่งเป่ยเฉินในตอนนี้สงบสติลงแล้ว