อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 337 แกล้งเสแสร้งไร้เดียงสา
ตอนที่ 337 แกล้งเสแสร้งไร้เดียงสา
“อะไรอีกเหรอ?”
อันโหรวมองด้วยความสงสัย จู่ ๆ ก็อยากเอาหัวโขกไปที่หน้าเขาที่ยังเสแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา
เธอหยิกไปที่ใบหน้าของเขา “คิดดี ๆ ถ้ายังคิดไม่ออก คืนนี้นายอย่าได้คิดมานอนบนเตียงของฉัน!”
ร้ายแรงอะไรขนาดนี้!
จิ่งเป่ยเฉินเบิกตากว้าง ทำไมโหรวโหรวถึงได้พูดอะไรที่ดูร้ายแรงแบบนี้ ไม่ยอมให้นอนบนเตียงด้วยถือเป็นโทษที่โหดร้ายที่สุด!
บิ๊กบอสจับไปที่หน้าของเธอและจ้องมองเธอ ก่อนจะพูดอย่างจริงจัง “โหรวโหรว ฉันจะพูดทุกเรื่องของวันนี้ให้หมดเลย เธออยากรู้ตั้งแต่ออกจากบ้านเลยไหม”
เธอพยักหน้าพร้อมทำท่าที่จะรับฟัง
หลังจากนั้นจิ่งเป่ยเฉินก็บอกทุกเรื่องที่เกิดขึ้นของเช้าวันนี้โดยไม่ปิดบังเธอเลย
แม้แต่เมื่อไหร่ที่ไปเข้าห้องน้ำก็พูดอย่างชัดเจน
อันหยาพั่นมาหาเธอ แต่เธอไม่อยู่ก็เลยไปที่ห้องทำงานของจิ่งเป่ยเฉิน หลินจือเซี๋ยวก็ยกกาแฟเข้ามาเสิร์ฟ ตอนนั้นเขากำลังดูกราฟตารางของบริษัทอย่างจริงจังจึงไม่ได้สนใจกาแฟร้อน ๆ นั่น
ร้อนจนลวกลิ้นก็เลยคายออกมา
เขาเดินเข้าไปในห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อเดินเข้าไปในห้องถึงรู้ว่าในกระเป๋าเสื้อมีจี้หยกอยู่ข้างใน เขาจึงวางไว้บนโต๊ะ อันหยาพั่นเห็นก็เลยหยิบขึ้นมาอย่างตื่นเต้น บอกว่าเป็นของที่เธอทำหายไปเมื่อหลายปีก่อน
เขาเองก็ไม่รู้ว่าจี้หยกชิ้นนั้นเป็นของใครก็เลยคืนเธอไป หลังจากนั้นเขาก็ออกมา
จิ่งเป่ยเฉินยังเล่าเรื่องที่ไปประชุมมาตอนบ่ายอีก แต่อันโหรวไม่ได้มีกระจิตกระใจที่จะฟังเขาพูดต่อ
หรือว่ามันเป็นภาพลวงตา ทำไมเธอรู้สึกว่าจิ่งเป่ยเฉินนั้นไม่ได้พูดเรื่องจริง
แล้วยังมีเรื่องของโอวหยางลี่ก่อนหน้านี้อีก เขาร้ายกาจขนาดนั้น ทำไมถึงหาไม่เจอ!
หรือว่าเขาจงใจปิดบังเธอกันแน่?
จู่ ๆ ก็เกิดความรู้สึกสับสนวุ่นวายขึ้นมาภายในใจ เธอรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
“หยุด! พอแล้ว!” มือของอันโหรวอุดไปที่ปากของเขา “คืนนี้ฉันจะไปนอนกับหน่วนหน่วน”
“ที่รัก ฉันพูดยังละเอียดไม่พออีกเหรอ?” ทำไมเขาต้องยอมรับโทษด้วย?
เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองนั้นผิดตรงไหน
บิ๊กบอสรู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก
ใบหน้าที่บูดบึ้งหอมไปที่แก้มของภรรยา เขาไม่ได้โกรธ ไม่มีทางโกรธเธอ
“ไม่ใช่ปัญหานี่!” เธอเอนหลังพิงเบาะ จิตใจของเธอเริ่มสับสน
ไม่เพียงแต่เรื่องของโอวหยางลี่ เพราะตอนนี้มีเรื่องของอันหยาพั่นอีก
แม้จะได้รับกระดาษโน้ตของแม่ แต่ใจเธอก็เลือกที่จะเชื่อเขา จนกระทั่งเห็นลายเซ็นของเขาที่บ้านของโอวหยางลี่ ภายในใจของเธอก็เริ่มสงสัยว่าเป็นความตั้งใจของโอวหยางลี่หรือเปล่า
แต่ว่าจี้หยก…….
ถ้าหากจี้หยกอยู่ในมือของเธอ หากอันหยาพั่นขอเธอ เธอก็ไม่ลังเลที่จะให้มันและก็คงยินดีที่จะให้ด้วย
แต่ว่ามันอยู่ในมือของจิ่งเป่ยเฉิน และเขาก็ให้เธอ นั่นทำให้อันโหรวรู้สึกไม่สบายใจ
“ที่รัก เธอหึงเหรอ?” เหมือนว่าเขาจะได้กลิ่นอายแรงหึง
“หึงอะไรของนาย!” อันโหรวไม่ได้มองเขาแม้แต่น้อย
“ฉันสาบานเลยว่านอกจากภรรยาที่รักของฉันแล้ว ฉันก็ไม่เคยจับต้องแม้แต่เส้นผมของผู้หญิงคนอื่นเลย” เขานั้นโดนเอาเปรียบอยู่จริง ๆ
แต่เมื่อเห็นอันโหรวหึงเขาแบบนั้น ภายในใจของเขากลับรู้สึกดีใจขึ้นมา
โหรวโหรวของเขานั้นชอบเขาเพราะงั้นถึงได้หึง
อันโหรวมองไปที่ใบหน้าที่นิ่งเฉยของเขา เธอรู้สึกไม่สบายใจเลยจริง ๆ
เขาไม่ได้แตะต้องแม้แต่เส้นผม ที่สัมผัสคือตรงส่วนอื่น?
“โหรวโหรว……”
“พูดไปก็ไม่มีประโยชน์! ออกไปห่าง ๆ ฉันเดี๋ยวนี้!”
บิ๊กบอสมองเธอนิ่ง ๆ ภายในหัวคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำ ว่าท้ายที่สุดแล้วเขาทำเรื่องเลวร้ายอะไรลงไป
ไม่คิดว่าจะทำให้อันโหรวโกรธได้ขนาดนี้
เขาคิดวนไปวนมาและข้อสรุปสุดท้ายของเขาก็คือเขาไม่รู้
เมื่อกลับมาถึงบ้าน อันโหรวก็รีบลงไปจากรถทันทีโดยไม่ได้สนใจเขา และก็เกือบจะวิ่งเข้าไปในบ้าน
จิ่งเป่ยเฉินมองไปที่ด้านหลังของเธอที่เดินจากเขาไปอย่างทนรอไม่ไหว ก่อนจะรีบก้าวเดินตามไปพลางสูดอากาศที่หนาวเย็นปนขมขื่นยิ่งกว่าท้องฟ้าในตอนนี้
เขาเดินเข้ามาในห้องโถงขนาดใหญ่ อันโหรวนั่งอยู่กับหยางหยางและหน่วนหน่วน พูดหยอกล้อกับลูก ๆ อย่างมีความสุข
เขาเดินผ่านไปอย่างเย็นชา มองดูพวกเขาลงมาจากชั้นบน หยางหยางและหน่วนหน่วนเงยหน้าขึ้นไปมองเขาและพูดว่า “พ่อจ๋า!”
“อืม เป็นเด็กดีนะ” เขาจ้องมองผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงกลาง คนที่ดื้อรั้นคนนั้น
อันโหรวจ้องไปที่สายตาของเขาแต่ว่าไม่ได้สนใจ ก่อนจะเล่นไอแพดที่อยู่ในมือต่อ ในนั้นมีการ์ตูนแอมิเนชันที่กำลังดูกับหน่วนหน่วน
ผ่านไปหลายนาที จิ่งเป่ยเฉินก็ยังคงอยู่ในท่าเดิม เขาก้มลงมองมาที่อันโหรว
“พ่อจ๋า พ่อยืนอยู่ตรงนั้นไม่เมื่อยเหรอ?” หน่วนหน่วนเงยหน้าขึ้นไปมองและทำท่าตบลงไปที่โซฟา “พ่อจ๋ามานั่งเร็ว”
เมื่อเขาเห็นใบหน้าน้อย ๆ ของหน่วนหน่วนก็เดินลงมานั่งข้างเธอ ทันทีที่นั่งลงก็อุ้มเธอมานั่งบนตักและค่อย ๆ ขยับตัวไปข้าง ๆ อันโหรว
อันโหรวเหลือบมองการเคลื่อนไหวของเขา ไอแพดในมือถูกยื่นให้หยางหยาง ก่อนจะอุ้มหยางหยางขึ้นมานั่งบนตัก
จิ่งเป่ยเฉินเห็นการเคลื่อนไหวของเธอ เขาพยายามอดทน คืนนี้ยังอีกยาวไกล เขาไม่เชื่อว่าเขาจะไม่สามารถรับมือกับเธอได้
เมื่อกินข้าวมื้อเย็นเสร็จ หน่วนหน่วนก็วางตะเกียบลง ขณะที่อันโหรวเตรียมจะพูดกับหน่วนหน่วน จิ่งเป่ยเฉินก็ชิงพูดตัดหน้าเสียก่อน
“พาหน่วนหน่วนขึ้นห้อง”
“ค่ะ!”
คนใช้ที่อยู่ตรงนั้นรีบพาหยางหยางกับหน่วนหน่วนเดินออกไปทันที
เมื่อพวกเขาเดินไป เธอจึงวางตะเกียบในมือลงและเช็ดปาก ก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหาร คนที่อยู่ด้านหลังจึงรีบเดินตามเธอมา
นี่เธอไม่มีสิทธิ์จะโกรธแม้แต่อยู่ในบ้านหลังนี้เลยงั้นเหรอ?
เธอรีบเดินขึ้นไปชั้นบน เมื่อเดินไปถึงหัวโค้งบันไดที่อยู่ชั้นสองก็ถูกเขาจับเอาไว้
ร่างน้อย ๆ ของเธอถูกเขาอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน “โหรวโหรว เธอโกรธจริงจังเหรอเนี่ย?”
เธออยากจะออกไปจากอ้อมแขนของเขา แต่เขากลับอุ้มเธอไว้อย่างแน่น เธอเขย่งเท้าทั้งสองและร่างนั้นก็ลอยขึ้นเหนือพื้น
มือทั้งสองข้างของจิ่งเป่ยเฉินจับไปที่เอวของเธอไม่ยอมปล่อย
“โหรวโหรว นี่เธอกำลังทดสอบพละกำลังของฉันอยู่เหรอ?” เขาจะยอมปล่อยเธอได้ยังไง ไม่มีทางเด็ดขาด
เธอคิดจะเอาขาทั้งสองข้างลงพื้น แต่กลับถูกเข้าอุ้มขึ้นมากอดและเดินไปที่ห้องนอน
“จิ่งเป่ยเฉิน นายปล่อยฉันลงนะ! ปล่อยเดี๋ยวนี้เลย!” น้ำเสียงของเธอเริ่มดังขึ้น เอวของเธอถูกเขารัดไว้แน่นเกินไป
และสิ่งที่น่าเกลียดกว่านั้น ตอนนี้เธอกำลังโกรธอยู่ ทำไมเขาถึงได้กอดเธอแบบนี้!
ไม่ได้!
ขาทั้งสองข้างนั้นดิ้นไม่หยุดจนขาเตะไปที่ตัวเขาอยู่หลายครั้ง
“ปล่อยนะ ฉันบอกให้ปล่อยไง!”
“อย่าตะโกนเสียงดังไป เดี๋ยวจะหาว่าฉันรังแกเธอนะ!” จิ่งเป่ยเฉินใช้ขาเตะไปที่ประตูห้องเพื่อเปิด ก่อนที่จะใช้ขาปิดประตูอีกครั้ง
ประตูห้องนั้นปิดลง เธอดิ้นด้วยแรงที่น่าทึ่งมาก
เพราะว่าเธอรู้ภายในห้องนั้นเก็บเสียงได้ดีมาก ไม่ว่าเธอจะร้องตะโกนยังไงก็ไม่มีประโยชน์
“นี่นายปล่อยฉันนะ ไม่เห็นว่าฉันกำลังโกรธอยู่หรือไง?” นี่เขาฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ?
“ไม่ปล่อย!” เขาก็คือเขา จะปล่อยเธอไปได้ยังไง
เว้นเสียแต่…..
จะกดร่างของเธอเอาไว้เหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้
ตัวของอันโหรวล้มลงไปนอนบนเตียง สายตาจ้องมองไปที่เขา ริมฝีปากบาง ๆ เริ่มขยับ เธอใช้แรงเอื้อมมือไปจับที่เอวของเขา “ออกไปจากตัวของฉันเดี๋ยวนี้!”