อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 352 ไม่รบกวนพวกเขาสองคน
ตอนที่ 352 ไม่รบกวนพวกเขาสองคน
เพื่อไม่ให้โหรวโหรวรบกวนพวกเขาสองคน เพราะอย่างนั้นแล้วก็เลยต้องพาออกไปจากบ้านของหลินจือเซี๋ยว
แต่คิดไม่ถึงว่าครึ่งทางก็ดันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ตอนนั้นพวกเขายังอยู่ที่ห้องรับรองส่วนตัว แต่แล้วจู่ ๆ ในโลกออนไลน์ก็มีวิดีโอที่น่าหัวเราะถูกเผยแพร่ออกมา ทันใดนั้นเขาก็ยังจำได้ว่าฉีเซิ่งเทียนยังดื่มไวน์อยู่
ด้วยเหตุนี้เมื่อคิดถึงตรงส่วนที่ขาดหาย เพราะอย่างนั้นเลยพาเป้าหมายมาให้บรรลุวัตถุประสงค์ซะเลย
เมื่อเซว์มู่ออกมาจากบาร์ เขาก็บังเอิญเห็นรถของจิ่งเป่ยเฉินที่เพิ่งออกจากบาร์เช่นกัน รถที่สตาร์ทและพุ่งตัวออกไปนั้นไม่เห็นแม้แต่เงาของหลินจือเซี๋ยว
ครั้งที่แล้วไม่เห็นคนนี้ในนัดบอด คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมาปรากฏตัวในที่แบบนี้ได้ เช่นนั้นผู้ชายคนนี้จริง ๆ แล้วก็เป็นแฟนของเธอ?
แถมพวกเขาก็ยังดูเข้ากันได้ดีอีก…….
เขาค่อย ๆ เดินช้า ๆ ไปที่รถ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่ดังออกมาจากกระเป๋ากางเกง เมื่อมองดูสายที่โทรมา ก็กดรับทันที “ประธานฉี ในที่สุดคุณก็เต็มใจที่จะกลับประเทศแล้วสินะ!”
เขาเปิดประตูรถและเข้าไปนั่งด้านใน ก่อนจะพูดตอบ “ได้ เดี๋ยวผมไปเร็ว ๆ นี้!”
โทรศัพท์ถูกโยนไปที่ตำแหน่งข้าง ๆ คนขับ ก่อนที่เขาจะขับรถออกไปด้วยความรวดเร็ว
……
หลินจือเซี๋ยวที่นั่งอยู่เบาะหลัง ใบหน้าน้อย ๆ มองไปที่ฉีเซิ่งเทียนที่กำลังขับรถด้วยความโกรธ เธอค่อนข้างสับสนและไม่เข้าใจจริง ๆ เมื่อครู่เขาเป็นบ้าอะไรไม่ทราบ!
ถึงขนาดคิดจะมาใส่ปอกคอแล้วดึงเธอไปแบบนี้ มองเธอเป็นอะไรกันแน่?
เธอเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ เป็นผู้หญิงก็ต้องแต่งตัวสวย ๆ และยิ่งมาอยู่ในที่แบบนั้น มีคนอยู่มากมายในสถานที่นั่นอีก ก็ยังไม่วายถูกเขาพาตัวออกมา
“ผู้จัดการฉี คืนนี้คุณกินยาผิดประเภทมาหรือยังไง?” ต่อให้ไม่กินยาก็เถอะ!
แต่คนอะไรจะไฟร้อนแรงขนาดนี้!
ฉีเซิ่งเทียนจับพวงมาลัยแน่นเมื่อได้ยินคำถามของเธอ แต่เดิมใบหน้าของเขาก็ดำดิ่งอยู่แล้ว ตอนนี้กลับเพิ่มพูนทวีคูณมากยิ่งขึ้น
เขาเองก็ไม่รู้ตัวเลยเช่นกันว่าโกรธอะไร แต่เมื่อเข้าไปแล้วเห็นว่าผู้ชายคนนั้นยืนอยู่ที่นั่น อีกทั้งยังยืนอยู่ข้าง ๆ เธออีก จู่ ๆ ตัวเขาก็มีไฟแล่นขึ้นมา แทบจะอดทนไม่ได้ เลยทำแบบนั้นลงไป
มันแทบจะไม่มีคำอธิบายไหนที่สามารถทำให้เข้าใจได้ ครั้งที่แล้วตอนไปที่ไปนัดบอด ตอนที่เขาเจอคนคนนั้น ทำไมเขาไม่พูดไปเลยว่าเธอเป็นแฟนของเขาแทน!
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้พวกเขาแทบไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ!
“พวกเธอรู้จักกันงั้นเหรอ?” พอเขาเอ่ยถามขึ้นก็จับพวงมาลัยแน่นทันที ราวกับว่าคิดอยากจะทุบพวงมาลัยทิ้งซะ
“พูดถึงเซว์มู่เหรอ?” หลินจือเซี๋ยวเอียงศีรษะพลางมองไปที่ใบหน้าของเขาด้วยท่าทีที่งุนงง
ฉีเซิ่งเทียนรู้จักเขาอย่างนั้นเหรอ!
“เขาคงไม่ใช่คนที่ชื่อเซี๊ยเซว์มู่หรอกนะ?”
แย่แล้ว!
ทำไมตัวเองพูดสิ่งที่คิดอยู่ในใจออกไปแบบนั้น!
ฉีเซิ่งเทียนเริ่มที่จะอารมณ์เสียมากขึ้น เขาเหยียบคันเร่งหนักขึ้นไปอีก ทำให้รถพุ่งออกไปด้วยความรวดเร็วมากขึ้นทันที
“ผู้จัดการฉี คุณกับเขารู้จักกันงั้นเหรอ? แต่ทำไมฉันดูแล้วไม่เห็นใช่แบบนั้นเลย! พวกคุณแทบจะไม่ได้ทักทายกันเลยด้วยซ้ำ!” พวกเขาน่าจะไม่รู้จักกันแน่ ๆ
แต่สิ่งที่พวกเขาพูดมันดูแปลกจริง ๆ นะ เซว์มู่ เซี๊ยมู่?
“ไม่รู้จัก”
“ไม่รู้จัก? พอฉันคิด ๆ ดูแล้ว เหมือนวันนั้นตอนที่ฉันไปนัดบอด คุณก็อยากรู้ว่าคู่ของฉันเป็นใคร ฉันจำได้ว่าคุณเคยพูดแบบนั้นมาก่อน!” จู่ ๆ เธอก็นึกถึงภาพความทรงจำเมื่อครั้งนั้นได้อย่างชัดเจน นัดบอดครั้งนั้นที่เธอได้เจอกับตัว
คนที่เป็นนัดบอดกับเธอครั้งแรก!
อีกอย่างตอนนั้นก็ถูกทิ้งเป็นนกน้อย แน่นอนว่าความทรงจำนี้ไม่มีทางลืม!
“โชคดีที่วันนั้นเขาไม่ได้มา ตอนนั้นที่บาร์ก็น่าจะรู้จักเขาแล้วนี่ ดูยังไงเขาก็ไม่ใช่ลูกผู้ชายเต็มตัว!”
“งั้นตอนที่ฉันไปที่นั่น ตามที่ผู้จัดการฉีกล่าวมา ถ้าอย่างนั้นฉันก็เป็นผู้หญิงที่ไม่ได้เต็มตัวสิ” หลินจือเซี๋ยวส่ายหน้าด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะไม่ได้ยื่นหน้าเข้าไปถามอีก แต่กลับเอนหลังพิงเบาะรถ พร้อมกับหลับตาลง
ชื่อซ้ำกันเยอะแยะในประเทศ เธอไม่มั่นใจหรอกว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นผู้ชายที่นัดบอดกับเธอ อันที่จริงเธอควรจะตั้งชื่อให้เขาด้วยตัวเองด้วยซ้ำ
ถ้าหากเขาแสดงท่าทีที่ไม่ปกติแล้วละก็ เช่นนั้นคนคนนั้นก็จะต้องเป็นผู้ชายที่นัดบอดกับเธอไม่ผิดแน่!
กล้าปล่อยเธอทิ้งไว้ แย่มาก!
“เธอกล้าให้ฉันเปลี่ยนไปแบบนี้ก็ลองดูสิ!” ฉีเซิ่งเทียนพูดออกมาหนึ่งประโยค พร้อมขับรถกลับบ้านด้วยความรวดเร็วทันที!
หลินจือเซี๋ยวหลับตาพร้อมกับคิด จริง ๆ แล้วเธอไม่ได้ทำแบบนั้นเลยสักนิดเดียว!
เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวน้อย ๆ แต่ฉีเซิ่งเทียนนี่สิดูยังไงก็ไม่ใช่ผู้ชาย!
เขาเหมือนกับม้าพยศที่พร้อมสืบพันธ์ุอย่างเดียว!
ไม่ช้าในที่สุดรถก็ได้หยุดลง หลินจือเซี๋ยวที่ยังติดอยู่ในภวังค์ที่คิดอยากนอน แต่เธอก็พยายามเปิดตาออกมาดู
ก่อนจะเปิดประตูรถและลงไป เธอยืนอยู่หน้าวิลล่าสไตล์ยุโรป ดวงตาของเธอค่อย ๆ เลื่อนไปมองฉีเซิ่งเทียน “ผู้จัดการฉี ฉันมาส่งคุณถึงบ้านแล้ว! งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ ราตรีสวัสดิ์ พักผ่อนให้เยอะ ๆ นะ”
คำตอบที่เธอได้รับก็คือชายคนนั้นเอามือโอบที่เอวของเธอและพูดขึ้นว่า “หลินจือเซี๋ยว เธอลืมอะไรไปหรือเปล่า? คืนนี้เธอคงไม่คิดว่าจะหนีรอดไปได้หรอกนะ เธอไม่สามารถหลบหนีได้ตลอดชีวิตหรอก!”
หลินจือเซี๋ยวเองก็รู้ว่ามันต้องเป็นแบบนั้น แต่เธอก็คิดว่าฉีเซิ่งเทียนน่าจะลืมเรื่องพวกนี้ไปแล้ว!
เวลาก็ผ่านไปนานมากแล้ว บางทีเขาก็ชอบแกล้งหยอกเธอ ทั้งยังไม่เคยแสดงพฤติกรรมใด ๆ ออกมาสักนิด แต่ที่แท้เขาก็หาช่วงเวลาที่เหมาะสม และที่ผ่านมาเวลามันยังไม่ลงตัวนี่เอง
ฉีเซิ่งเทียนพยายามอย่างหนัก เท้าของเธอแม้จะฝืนรั้งไม่ก้าวเดินไปข้างหน้า พยายามที่ยืนอยู่กับที่เดิมราวกับว่าที่เท้าของเธอตอนนี้มีเถาวัลย์มารัดขาเอาไว้ ไม่ยอมให้เธอก้าวเดินไปข้างหน้า พยายามทำทุกอย่างไม่ให้ฉีเซิ่งเทียนลากไปได้ ฝืนรั้งไปสักพักหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะล้มลงทันที
“หลินจือเซี๋ยว เธอโง่หรือเปล่า! ก็รู้อยู่ว่าทำแบบนี้ยังไงก็ล้ม ยังไม่คิดจะเดินไปข้างหน้าอีก!” ฉีเซิ่งเทียนอดไม่ได้ที่จะดุเธอจากด้านหลังกับการกระทำของเธอแบบนี้
วินาทีต่อมา ก่อนที่เธอจะได้ขยับเขยื้อนหรือทำอะไร ตัวของเธอก็ถูกเขาอุ้มขึ้นมาเสียแล้ว
“ฉีเซิ่งเทียน นายปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยฉันนะ!” เท้าของเธอสั่นไปมาไม่หยุด สุดท้ายก็รู้ว่ามันไร้ประโยชน์ที่จะดิ้นรน
เขาก้าวเดินเข้าไปข้างใน ภายในห้องโถงมีไฟสว่างขึ้นมาทันที ก่อนที่เธอจะได้มองถึงบรรยากาศการตกแต่งก็ถูกเขาอุ้มขึ้นไปที่ด้านบนแล้ว
ภายในมือที่ถือกระเป๋าอยู่ฟาดเข้าไปที่หลังของฉีเซิ่งเทียน แต่ก็ทำให้เขาแค่ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนที่กระเป๋าจะหล่นลงไปตรงบันไดด้านล่าง
“ผู้จัดการฉี ฉันผิดไปแล้ว มันเป็นความผิดของฉันเอง! ฉันไม่ควรรับคำกับคุณเมื่อครั้งนั้นเลย ฉันยอมรับว่าเป็นคนหลอกล่อคุณให้คึกแบบนั้น แต่จริง ๆ แล้วฉันไม่คิดอยากจะให้เป็นแบบนี้ เพราะงั้นคืนนี้คุณช่วยปล่อยฉันไปเถอะนะ ได้ไหม?” เธอพูดความจริงออกไป คิดว่าเจรจาต่อไปอย่างน้อยก็น่าจะมีโอกาสบ้าง
ปล่อยเธอไป ปล่อยเธอให้ไปหาเซี๊ยมู่คนนั้นเหรอ?
ไม่มีทาง ยังไงก็ไม่มีทาง!
แม้ว่าเขาไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้มาก่อน แต่ถ้าหากไม่ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงของเขา หัวใจของเขาคงจะไม่สงบนิ่งแน่ ๆ
หลินจือเซี๋ยวเมื่อไม่ได้ยินคำตอบจากฉีเซิ่งเทียน ไม่ช้าตัวเธอก็ล้มลงไปบนเตียงกว้างที่แสนนุ่ม
เตียงใหญ่……
เตียง…….
“อะ!” เธอพยายามคว้าผ้าห่มบนเตียงขึ้นมาพันรอบทั้งตัวของเธอ “ผู้จัดการฉีผู้หล่อเหลา มีเสน่ห์องอาจ สุภาพอ่อนโยน คุณช่วยปล่อยฉันไปเถอะนะ นะ! คืนนี้คุณไม่ต้องหลับนอนกับผู้หญิงสักคนก็ได้นี่!”
ฉีเซิ่งเทียนยืนอยู่ข้างเตียงพลางมองเธอที่เอาผ้าห่มมาพันตัวเอาไว้ ใบหน้าของเขาชื่นชมเล็กน้อย ดวงตาโต ๆ ที่กะพริบไปมาช่างดูน่ารักมากจริง ๆ ก่อนที่เขาจะพูดประโยคที่ดูมั่นใจออกไป “นอนไม่ได้หรอก ใครใช้ให้ร่างกายท่อนล่างคิดเรื่องพวกนี้เล่า!”
เธอค่อย ๆ ขยับตัวถอยหลังไป ดวงตาของเธอเลื่อนจากสายตาของเขาลงไปดูที่ช่วงล่าง ไม่ช้าเธอก็เบิกตากว้างทันที
อะไรกัน มันเปลี่ยนไปแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหน?
เมื่อครู่พวกเขาเพิ่งจะขึ้นบันไดมาเองไม่ใช่เหรอ? อีกทั้งก่อนหน้านั้นก็ขับรถอยู่ ยังไม่เห็นมันจะเปลี่ยนไปแบบนี้เลย!
“ผู้จัดการฉี เรื่องพวกนี้ถ้าหากไม่ได้ทำคนที่ชอบมันไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? ฉันไม่ได้ชอบคุณนะ ฉันไม่ได้รู้สึกกับคุณแบบนั้นเลย เพราะงั้นคุณอย่าบังคับกันเลย ไม่อย่างนั้นฉันจะเกลียดคุณนะ และฉันจะฟ้องคุณด้วย!” เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองพูดอะไรไป แต่รู้แค่ไม่อยากทำเรื่องพวกนี้เท่านั้น
ฉีเซิ่งเทียนในคืนนี้ดื่มไวน์มามากเกินไป แต่ความเป็นจริงแล้วเขารู้สึกว่าคนที่ควรดื่มไวน์น่าจะเป็นหลินจือเซี๋ยวเสียมากกว่า