อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 360 พิธีแต่งงานดูเหมือนจะเกิดเรื่องขึ้น
ตอนที่ 360 พิธีแต่งงานดูเหมือนจะเกิดเรื่องขึ้น
เขารู้ว่าพวกเขาจัดพิธีแต่งงานอยู่ที่นี่ อยากจะเข้าไปแต่จิ่งเป่ยเฉินไม่อนุญาตให้เขาเข้าไป เขาจึงอยู่ด้านนอกอย่างไร้หนทาง
คิดไม่ถึงว่าเขาจะเจอเธอเดินออกมา ดูเหมือนว่าในพิธีแต่งงานจะเกิดเรื่องขึ้น!
เจ้าสาวไม่อยู่แล้ว
หรือว่าในใจของโหรวโหรวยังมีเขา เพราะงั้นถึงได้วิ่งหนีออกมา แม้แต่เสื้อผ้าของเธอก็ไม่ได้ใส่เป็นชุดเจ้าสาวด้วยซ้ำ
เมื่อคิดแบบนี้ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที กวาดล้างหมอกควันในอดีตและเผยรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้า
“โอวหยางลี่ นายอย่าตามฉันมานะ!” เธอสวมรองเท้าส้นสูงจึงวิ่งได้ไม่เร็ว แต่ว่าเธอกลับพยายามใช้แรงอย่างมาก
ทันใดนั้นรถเฟอร์รารี่สีแดงก็มาจอดอยู่ตรงหน้า พร้อมบีบแตรเสียงดัง “สาวสวย ไปไหม?”
เธอวิ่งพลางหันหน้าไปมอง เมื่อกระจกหน้าต่างรถเลื่อนลงมาก็เผยใบหน้าคนที่อยู่ด้านใน เธอรีบหันตัวและวิ่งไปขึ้นรถทันที
ประตูรถฝั่งข้างคนขับถูกเปิดออกทันทีและเธอก็ขึ้นไปนั่ง
ฝีเท้าของโอวหยางลี่หยุดลงอย่างช้า ๆ ได้แต่มองอันโหรวเดินขึ้นรถคันนั้นอยู่ไกล ๆ หนำซ้ำรถคนนั้นก็ยังไม่มีป้ายทะเบียนอีก
“สมควรตาย! คนนั้นมันเป็นใครกัน!”
เขาเตะไปที่ต้นไม้ข้างถนนอย่างเต็มแรง ไม่แน่อาจจะเป็นคนที่อันโหรวหามาเพราะเธอต้องการหนีงานแต่งงาน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ได้เตรียมการเอาไว้
ขอเพียงแค่เธอไม่ได้อยู่กับจิ่งเป่ยเฉิน และยังไม่ได้แต่งงาน เขาก็ยังมีหวัง!
เขายืนอยู่ที่เดิมสักพัก จู่ ๆ ผู้คนและรถยนต์จำนวนมากก็ออกมาจากด้านใน เขาหัวเราะออกมาอย่างติดตลก
ก่อนหน้านี้จิ่งเป่ยเฉินหัวเราะเยาะเขา วันนี้ถึงตาที่เขาจะหัวเราะจิ่งเป่ยเฉินแล้ว
รถโรลส์-รอยซ์สีดำจอดที่ด้านข้างเขา กระจกหน้าต่างถูกเลื่อนลง เผยให้เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของฉีเซิ่งเทียน
“ประธานโอวหยาง คุณมาทำอะไรอยู่ตรงนี้?”
“ฉันมาเดินเล่นแถวนี้ นายไม่เห็นหรือไง?” เขาค่อย ๆ เดินไปสองสามก้าว รถโรลส์-รอยซ์ก็ขับตามเขาไป
“เดินเล่นอยู่งั้นเหรอ! เห็นเพื่อนเก่าเดินผ่านมาแถวนี้บ้างหรือเปล่า?” แม้ฉีเซิ่งเทียนจะยิ้มและหัวเราะ แต่ว่ารอยยิ้มนั้นกลับแฝงไปด้วยความเย็นชา
“เพื่อนเก่า? ก็นายไม่ใช่เหรอเพื่อนเก่า? พิธีแต่งงานของพวกเขาทำไมถึงได้จบเร็วแบบนี้นะ? แม้แต่กินเลี้ยงก็ไม่ได้กินงั้นเหรอ? นี่เป็นการจัดพิธีแต่งงานที่เร็วที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลย!” เขาค่อย ๆ พูดออกมาพลางยิ้มเยาะ
อันโหรวหนีงานแต่งงานออกมาแบบนั้น สำหรับเขาแล้วถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก
แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าด้านในนั้นเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
“เหอะ ตามธรรมชาติแล้วก็คงไม่นานเท่าพิธีแต่งงานของประธานโอวหยางหรอก แต่ว่านานกว่างานแต่งงานของประธานอีกนะ!” ฉีเซิ่งเทียนพูดจบก็จากไป
ไม่นานรถก็แล่นออกไปอย่างรวดเร็ว
ฉีเซิ่งเทียนมองไปที่ใบหน้าที่มืดมนของจิ่งเป่ยเฉิน “ดูเหมือนว่าโอวหยางลี่จะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับพี่สะใภ้นะ”
จิ่งเป่ยเฉินไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่กำลังอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง
ตอนนี้เขานึกถึงวันนั้นที่เห็นอันโหรวอยู่ที่บ้านวิเวียน ตอนนั้นเธอมองเขาด้วยความเฉยชาและห่างเหิน
สายตาแบบนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเขา
แต่ว่ามันผ่านไปนานแล้ว และพวกเขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน ช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาก็อยู่ด้วยกัน นอกเสียจากสัปดาห์ก่อนที่จู่ ๆ ก็ตัดสินใจจะแต่งงานกัน
“หลินจือเซี๋ยวรู้เรื่องไหม?” โหรวโหรวกับหลินจือเซี๋ยวเป็นเพื่อนกัน ถ้าหากว่าหลินจือเซี๋ยวรู้แต่กลับไม่บอก
“พี่เฉิน พี่ดูผิดคนแล้ว เธอจะไปรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ถ้าหากว่าเธอรู้ละก็ ไม่มีทางปิดบังพี่หรอก!” ฉีเซิ่งเทียนเชื่อว่าหลินจือเซี๋ยวนั้นไม่รู้เรื่องนี้
ตอนที่อยู่ในงาน เมื่อเห็นว่าคนที่สวมชุดเจ้าสาวไม่ใช่อันโหรวแต่กลับเป็นอันหยาพั่น สีหน้าของเธอดูตกใจไม่ต่างจากพวกเขาจนทำโทรศัพท์หล่นลงพื้น
ความจริงแล้วจิ่งเป่ยเฉินเองก็รู้ว่าหลินจือเซี๋ยวไม่มีทางรู้เรื่อง ถ้าหากโหรวโหรวตัดสินใจที่จะหนีงานแต่งไปโดยปิดเป็นความลับ เธอคงไม่มีทางบอกใครเลยสักคน
ที่แปลกคือตอนที่เขาเข้าไปในห้อง เธอก็ดูรีบร้อนให้เขารีบออกไป ที่แท้ก็เพื่อเรียกอันหยาพั่นมาแล้วหนีเขาไป
ที่น่าสงสารคือหนีเขาไปโดยที่เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไร
ไม่มีเหตุผลอะไรเลย ไม่คิดว่าจะใช้วิธีแบบนี้เพื่อหนีงานแต่ง
ถ้าหากไม่อยากแต่งงาน ทำไมต้องมาหนีเขาต่อหน้าสาธารณชน?
“พี่เฉิน อาจจะเป็นเพราะพี่สะใภ้คิดว่าใส่ชุดเจ้าสาวสวยเกินไปจนออกไปไม่ได้ ครั้งหน้าก็จัดงานแต่งที่แตกต่างออกไป เธอจะได้ไม่หนีไปอีก!”
คำพูดของฉีเซิ่งเทียนที่พูดออกมานั้น เขารับรู้ได้ถึงรังสีที่เย็นชา อากาศภายในรถก็เหมือนจะลดลง
ตอนนี้เขาจึงไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาอีก
ภายในใจของเขานั้นคิดว่าพี่สะใภ้นะพี่สะใภ้ พี่ไม่น่าหนีไปเลย
ไม่อย่างนั้นฉากต่อไปอาจจะจบไม่สวยก็ได้!
อันโหรวที่ถูกฉีเซิ่งเทียนบ่นพูดถึง ในขณะนั้นภายในรถที่แล่นไปด้วยความเร็ว เสียงของคนขับรถก็พูดติดตลกออกมา
ฉีหย่วนหยางจับพวงมาลัยด้วยมือหนึ่งข้างพลางยิ้มมุมปาก ดวงตามองไปที่เธออย่างยิ้มแย้ม “นี่เธอเล่นอะไรอยู่กันนะ? หรือจู่ ๆ คิดได้ว่าฉันนั้นเหมาะสมกับเธอที่สุด คิดอยากจะแต่งงานกับฉันจนอดใจไม่ไหว!”
“ฉีหย่วนหยาง นายมองข้างหน้าหน่อย!” อันโหรวตอบกลับอย่างโมโห
“เธอไม่ต้องห่วง ถ้าหากตายฉันจะจัดงานศพให้เอง เธอจะไม่เหงาตายบนถนน!” แม้ว่าเขาจะพูดไปแบบนั้น แต่ก็ยังคงหันมาหาเธอ
รถสีแดงขับแล่นมาที่คฤหาสน์บนยอดเขาด้วยความรวดเร็ว เมื่อรถจอดนิ่งสนิท อันโหรวก็เอื้อมมือไปเปิดประตูรถ
แต่กลับพบว่าเปิดไม่ออก
เธอหันหน้าไปมองฉีหย่วนหยาง เขาเลิกคิ้วขึ้นและโน้มตัวไปหาเธอ “จุ๊ ๆ เธอนี่ไม่ยุติธรรมเลย ตอนทำงานอยู่ที่บริษัทฉันด้วยสภาพใบหน้าแบบนั้นนานเท่าไรกัน! ฉันมองจนเบื่อแล้ว! พอเธอกลับมาได้ยินว่าไม่นานก็ลบเครื่องสำอางแล้ว!”
“นายสนใจเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ?” เธอมองเขาด้วยสีหน้าเย็นชาก่อนจะหรี่ตามองเขา หรือว่าเขาดูไม่ออกว่าตอนนี้เธออารมณ์ไม่ดี?
“เธอนี่เป็นผู้หญิงที่ไร้มโนธรรมจริง ๆ ถ้าตอนนี้ไม่ใช่เพราะฉัน ตอนนี้เธอก็คงได้ไปอยู่บนรถของคนอื่นแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะวิ่งหนีจนหอบก็ได้! พูดมา! เกิดอะไรขึ้น ฉันจะแก้แค้นให้เธอเอง!”
อันโหรวเอนหลังพิงไปที่เบาะ “เปิดประตู!”
“บอกมา จะแก้แค้นให้เธอเอง เธอดูโกรธมากขนาดนี้ ฉันปวดใจนะ!” เขาทำท่าทางจะมาลูบที่หน้าของเธอ
อันโหรวหันไปมอง ก่อนจะเอื้อมมือขึ้นมาตีหลังมือของเขาอย่างไม่เกรงใจ “ประธานฉี ช่วยจริงจังหน่อยได้ไหม?”
“ก็ได้ ๆ ยังไงวันนี้เธอก็ทำให้ฉันหัวเราะและยิ้มออกมาได้ ฮ่า ๆ” ฉีหย่วนหยางปลดล็อกประตูและเปิดประตูลงไปเร็วกว่าเธอ
อันโหรวสูดลมหายใจเข้า ถ้าหากไม่ใช่เพราะไม่มีทางเลือก และหากไม่ใช่ถูกโอวหยางลี่ตามมา เธอคงไม่มีทางนั่งรถเขามาแน่ ๆ
“คุณนายอัน!”
เมื่อเขาเดินเข้ามา คนรับใช้ทั้งสองก็ทักทายเธอ
ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์มากเท่าไรจึงแค่พยักหน้าตอบ เธอเปลี่ยนรองเท้าก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน ด้านหน้าของเธอมีวิสกี้หนึ่งแก้วพร้อมกับน้ำแข็งตั้งอยู่
เธอยื่นมือไปหยิบขึ้นมาจิบสองสามจิบ สายตามองไปที่โซฟาในห้องนั่งเล่นและก็เดินไปสำรวจ
เมื่อฉีหย่วนหยางเห็นท่าทางของเธอก็เดินตามเธอไปอย่างช้า ๆ ร่างสูงใหญ่หยุดอยู่ตรงหน้าเธอพลางดื่มไวน์ในมือ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “แค่ผู้ชายคนเดียวเอง จำเป็นต้องเสียใจขนาดนี้เลยเหรอ? เธอตัดสินใจหนีงานแต่งออกมาแล้ว อย่าลืมสิ”
อันโหรวนั่งลงบนโซฟาโดยไม่ได้ตอบอะไร เธอไม่อยากจะพูดอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว