อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 418 ถูกละเลยเสียแล้ว
ตอนที่ 418 ถูกละเลยเสียแล้ว
ในที่สุดเธอก็กลับมาถึงบ้านช้ากว่าเขา ตัวเธอที่ซื้อของมาไว้ในรถก็ไม่ได้หยิบลงไป ตอนนี้เดินตัวเปล่าไปยังห้องรับแขก
หยางหยางไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ส่วนหน่วนหน่วนนั้นนั่งอยู่ข้าง ๆ เขา ในมือถือหนังสือเทพนิยายพลางยิ้มและหัวเราะอย่างร่าเริง
“แม่จ๋า กลับมาแล้วเหรอคะ?”
“อืม” เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่างไร้อารมณ์ใด ๆ ไม่มีการหอมแก้มเขาเลยสักนิด รีบเปลี่ยนทิศเดินขึ้นไปที่ด้านบนด้วยความรวดเร็ว
บิ๊กบอสที่เป็นถึงหัวหน้าใหญ่คนนี้ถูกละเลยแล้วอย่างนั้นเหรอ?
“หน่วนหน่วน หนูไปเล่นคนเดียวก่อน” จิ่งเป่ยเฉินลุกขึ้น คิดจะเดินตามเธอไป
อันโหรวปิดประตูห้องก่อนที่จิ่งเป่ยเฉินจะเปิดประตูห้องเข้ามา
“ที่รัก เธออารมณ์ไม่ดีอย่างนั้นเหรอ? ใครทำให้เธอโกรธกัน?” ทำไมทุกครั้งเวลาเธอพบกับวิเวียน เธอต้องอารมณ์ไม่ดีแบบนี้ด้วย หลังจากนี้คงจะปล่อยให้เธอไปเจอกันไม่ได้แล้ว
“นายไง….”
เธอยืนอยู่กลางห้องนอน ตอนแรกคิดว่าตัวเองควรจะไปไหน สุดท้ายก็เลือกที่จะนั่งลงบนโซฟาแทน ส่วนเธอก็หยิบหนังสือเกี่ยวกับการตั้งท้องของคนเป็นแม่ขึ้นมาอ่านอย่างเบื่อหน่าย
หนังสือพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอซื้อมา ทั้งยังไม่เคยพูดว่าคิดอยากจะซื้อ เพราะงั้นมีความเป็นไปได้เพียงข้อเดียว นั่นก็คือเป็นของจิ่งเป่ยเฉิน!
“ฉันเหรอ……”
สีหน้าของจิ่งเป่ยเฉินแข็งทื่อ วันนี้เขาอยู่แต่บริษัทมาโดยตลอดด้วยซ้ำ แต่เมื่อคิดว่าต้องให้เธอออกไปก็ให้เธอออกไปละกัน แต่ทำไมเขาถึงได้เป็นคนทำให้เธออารมณ์ไม่ดี?
เขานั่งลงข้าง ๆ ตัวเธอ ก่อนจะเอามือไปโอบกอดเอวของเธอไว้ แม้ว่าเธอจะดิ้นรนแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ เพราะตอนนี้ถูกมือของเขาจับกุมไว้แน่นเรียบร้อยแล้ว
“ที่รัก เธอบอกว่าฉันเปลี่ยน แต่นี่……” เขาก้มศีรษะลงไปข้าง ๆ หูของเธอ ก่อนจะพูดกระซิบเบา ๆ “วันนี้ในห้องทำงาน เรายังพูดไม่จบเลยด้วยซ้ำนะ”
หน้าของเธอนั้นเย็นชาขึ้นมา วันนี้ตอนแรกตั้งใจจะบอกความจริงกับเขา แต่นี่…..
“ที่ฉันพูดไปสำคัญกับนายหรือเปล่า นายส่งคนตามฉันมา ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายคิดจะทำอะไร?”
ดวงตาของจิ่งเป่ยเฉินหรี่ลงทันที ฉีเซิ่งเทียนทำอะไรของเขากัน!
“รบกวนนายหน่อยนะ ครั้งหน้าช่วยทำเป็นมืออาชีพทีจะได้ไหม? ฉีเซิ่งเทียนขับรถวิ่งไปมาอยู่ได้ ไม่สังเกตเห็นก็บ้าแล้ว!” เธอเหนื่อยมากวันนี้ คิดอยากจะนอนแล้วด้วย ไม่อยากคิดอะไรทั งนั้น และก็ไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้น
“โหรวโหรว เขาแค่อยากจะไปปกป้องเธอเท่านั้น”
“จิ่งเป่ยเฉิน ถ้าหากเขาคิดจะปกป้องฉันละก็ ตอนที่ฉันจะโดนใครบางคนทำร้ายในห้างจนเกือบจะล้มลงกับพื้น ทำไมเขาถึงไม่ปรากฏตัวให้ฉันเห็น?” เขาส่งคนตามเธอไป แต่ไม่มีสักคำที่เ เป็นคำอธิบายเลยสักนิด
“ถังซั่วเองก็อยู่ที่นั่น เขาช่วยเธอไว้ ฉันรู้” แม้ว่าฉีเซิ่งเทียนจะไม่บอกกับเขา แต่เขาก็รู้ดี อีกอย่างภายในห้างก็มีการเฝ้าระวังอยู่ตลอด
“ดีมาก!” เธอพยักหน้าและมองมือเรียวยาวของเขาที่กำลังกำหมัดแน่นขึ้น ก่อนจะพูดต่อ “งั้นนายก็รู้สินะว่าฉันทำอะไรไปบ้าง ของที่ฉันซื้อมาให้นายอยู่ในรถ ลงไปเอามาเองเลย! !”
“เธอคิดจะซื้อให้ฉัน เธอก็ต้องเอามาให้ถึงมือสิ” แค่ใส่ไว้ในรถจะถือว่าเป็นของขวัญที่ส่งมอบจากเธอได้ยังไงกัน
“นับวันคำขอเริ่มสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ นะ อยากจะให้ฉันช่วยใส่ให้เลยไหม!” ดูเหมือนตอนนี้เขาเริ่มคิดอุกอาจเกินไปแล้ว!
เห็นได้ชัดว่าเธอโกรธมาก โกรธมากจริง ๆ
เห็นได้ชัดว่าเขาส่งคนตามเธอมา อีกทั้งยังรูปร่างคล้ายกับฉีเซิ่งเทียนไม่ผิดด้วยซ้ำไป
“นั่นก็ถือว่าจะไม่ได้นะ” ถ้าหากเธอสวมเสื้อพวกนั้นให้เขาจริง เขาคงมีความสุขมากเลย
“……”
อันโหรวเงียบลงทันที ตอนนี้ถ้าหากเธอไม่พูดคงไม่เป็นไรใช่ไหม?
ในที่สุดก็ทนไม่ไหวลงไปด้านล่างและมุ่งตรงไปหยิบข้าวของในรถเข้ามา
ตอนที่กำลังขึ้นไปชั้นบน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ ๆ หยางหยางกับหน่วนหน่วนก็เข้ามาในห้องของพวกเขา
ถุงใบใหญ่มากมายต่างก็ถูกวางลงบนเตียง ของข้างในต่างก็ไหลออกมากองบนเตียงหมด ดวงตาสีฟ้าของหน่วนหน่วนถึงกับตาลุกวาวเมื่อได้เห็นข้าวของพวกนี้
“แม่จ๋า ตอนนี้แม่ชอบพ่อจ๋ามากที่สุดเลย ไม่มีแม้แต่ของหนูกับพี่ชายเลย!” ใบหน้าของหน่วนหน่วนน้อยเงยหน้าขึ้นมองไปที่ตัวเธอ ก่อนหน้านั้นแม่จ๋าก็ซื้อข้าวของให้เธอและพี่ชายแบบนี เลย
แต่ทว่าวันนี้กลับไม่มีข้าวของใด ๆ ที่จะมอบให้พวกเขาเลยสักนิดเดียว
หยางหยางยืนอยู่ข้าง ๆ พลางมองดูข้าวของ และก็ยอมรับว่าของพวกนี้ไม่มีอะไรที่ดูเหมาะกับพวกเขาเลยสักนิด
อันที่จริงมันก็ดีเหมือนกัน แม่จ๋าชอบพ่อจ๋า ถ้าหากไม่คิดจะแยกทางกัน ครอบครัวของพวกเขาก็จะสมบูรณ์แบบ ไม่แยกจากกันอีก
ใบหน้าที่เคร่งขรึมของจิ่งเป่ยเฉินยกยิ้มขึ้นมาราวกับดีใจมาก คิ้วที่หล่อเหลาราวกับคมดาบกระตุกขึ้นมา เหมือนกับว่ากระตุกขึ้นเพราะมีความสุขเสียมากมาย
อันโหรวมองดูใบหน้าที่สูงส่งตรงหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข นี่เขามีความสุขจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?
ตอนนี้พอมาลองคิด ๆ ดูแล้ว ดูเหมือนว่าเขาเองก็ไม่เคยมอบของขวัญให้เธอมาก่อนเลยใช่ไหมนะ?
แต่เมื่อได้เห็นรอยยิ้มตรงหน้าก็ดูมีความสุขดี
“พ่อจ๋า ใส่นี่ดูสิ ดูดีมากเลย!” หน่วนหน่วนถือชุดเสื้อผ้าลายดอกไม้สีชมพูตัวแรกมาไว้ในมือ ก่อนจะยื่นมือเล็ก ๆ สองมือไปตรงหน้าของจิ่งเป่ยเฉิน “พ่อจ๋า ดูดีจริง ๆ นะ ลองใส่ดูห หน่อย! สายตาของแม่จ๋าไม่เลวเลย!”
จิ่งเป่ยเฉินมองไปที่เสื้อสีชมพู ก่อนจะลังเลเล็กน้อย
แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยสวมเสื้อผ้าสีชมพูมาก่อนเลย หนำซ้ำตอนนี้ยังมีลายดอกไม้สีขาวเล็ก ๆ เต็มไปหมด ควรใส่จริง ๆ เหรอ?
“หน่วนหน่วน สายตาเฉียบแหลมมาก หยางหยางคิดว่าพ่อจ๋าสวมเสื้อสีชมพูแล้วจะดูดีไหม?” อันโหรวเริ่มเอ่ยปากพูดขึ้น ถ้าหากพวกเขาทั้งสามตกลงยินดีเห็นด้วยพร้อมกัน ยังไงเขาก็ต้องใส ส่อยู่ดี
“มีแต่ต้องสวมดูถึงจะรู้ เพราะงั้น…พ่อจ๋าลองใส่ดูหน่อยสิ?” หยางหยางมองดูเขาเช่นกัน แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยเห็นพ่อของเขาสวมใส่เสื้อแบบนี้มาก่อน ครั้งนี้เลยตั้งตารออยากเห็น นเขาสวม อยากรู้ว่ามันจะเป็นยังไง
“สามต่อหนึ่ง นายแพ้แล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าเลย!” เธอมองจิ่งเป่ยเฉินที่ตอนนี้นิ่งราวกับเป็นภูเขา ก่อนจะคิดอยากเข้าไปช่วยเปลี่ยนให้เขาจริง ๆ แต่เมื่อคิดว่าตัวเองกำลังโกรธอยู่ ก็โกรธต่อดีกว่า เรื่องอื่นก็ช่างมันเถอะ
“โหรวโหรว สีชมพูนี่…เธอแน่ใจนะว่ามันเหมาะกับฉันจริง ๆ” เขาหยิบเสื้อสีชมพูจากมือหน่วนหน่วนขึ้นมา และมองไปที่ใบหน้าของอันโหรว
“นายไม่สวมจะรู้ได้ยังไงว่าเหมาะ?” ตอนนี้เธอนั่งลงข้างเตียง ก่อนจะหยิบเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินขึ้นมาอีกตัว “ไม่เป็นไร เสื้อนี้ไว้สวมตอนเข้างานคุยธุรกิจก็ได้! ไม่ก็ว่าง ๆ ลองหน่ อยก็แล้วกัน จะว่าไปแล้วเสื้อสีน้ำเงินนี่ดูดีไหม?”
“ฉันใส่สีน้ำเงินดีกว่า” สีชมพูไม่ว่ายังไงก็ไม่เหมาะกับเขาจริง ๆ
“ไม่เอา พ่อจ๋าสวมเสื้อสีชมพูนะ หน่วนหน่วนชอบสีชมพู อยากเห็น” หน่วนหน่วนดึงกางเกงด้วยมือทั้งสองข้าง พลางส่งสายตาอ้อนวอน ถ้าหากเธอสูงกว่านี้หน่อยก็คงช่วยพ่อเปลี่ยนแล้ว
“ไว้ให้ที่รักของหนูในอนาคตลองใส่ดูนะ” จิ่งเป่ยเฉินมองไปที่ตัวเธอ ในดวงตาก็เห็นผู้หญิงที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงสะท้อนออกมา
“อืม ที่รัก ฉันเองก็อยากเห็น” อันโหรวเงยหน้าขึ้นมองไปที่เขา ใบหน้าที่งดงามของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ลองใส่ดูสิ ถ้านายไม่ใส่ละก็ แสดงว่าสายตาของฉันมีปัญหา หลังจากนี้จะไม่ซ ซื้อให้นายอีกแล้ว!”
ปัญหานี้เริ่มร้ายแรงแล้วสิ
จิ่งเป่ยเฉินโยนเสื้อไปบนเตียงของเขา ก่อนจะนั่งยอง ๆ กับพื้นและเอามืออีกข้างหนึ่งจับมือเธอและพาเดินออกไปข้างนอก “พวกหนูลงไปเล่นข้างล่างก่อนนะ”
“แต่พ่อจ๋า หน่วนหน่วนอยากเห็น” หน่วนหน่วนไม่คิดอยากจะไป มือทั้งสองข้างยังคงจับกางเกงเขาไว้ไม่ยอมปล่อย
หลังจากมาถึงประตูห้องด้านนอก จิ่งเป่ยเฉินก็ย่อตัวลงและค่อย ๆ ปล่อยมือของหน่วนหน่วนออก “หน่วนหน่วน ต่อไปให้ที่รักของหนูสวมให้หนูดูนะ ส่วนพ่อจ๋าจะสวมให้แม่จ๋าดูคนเดียว”
“พ่อจ๋าใจร้าย แม่จ๋าก็ใจร้าย!” หน่วนหน่วนปล่อยมือออกจากเขาด้วยท่าทีหงอย ๆ ก่อนที่มือจะไปจับมือของหยางหยางต่อ “พี่จ๋า พ่อจ๋ากับแม่จ๋าไม่รักพวกเราแล้ว”
“พ่อจ๋าแม่จ๋ารักพวกหนูสิ” จิ่งเป่ยเฉินพูดจบก็ยืนขึ้นพลางมองไปที่หยางหยางและพูดว่า “ดูแลน้องสาวดี ๆ อย่าให้น้องเขาคิดอะไรแปลก ๆ เชียว”
หลังจากนั้นเขาก็ปิดประตูและเดินตรงไปที่เตียงพร้อมกับถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก
อันโหรวรู้สึกว่าเขาทำหุนหันเกินไปหน่อย ดูร้อนรนอะไรหรือเปล่ากับแค่สีเสื้อผ้าสีเดียวแบบนี้?
เมื่อเดินผ่านโต๊ะชาไป จิ่งเป่ยเฉินก็กดรีโมตปิดม่านลง ตอนนี้ภายในห้องทุกอย่างล้วนปิดบังสายตาจากด้านนอกจนหมด
อันโหรวรู้สึกเร้าอารมณ์แปลก ๆ มากขึ้น