อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 462 ให้ฉันเป็นเหมือนคนปกติได้ไหม?
ตอนที่ 462 ให้ฉันเป็นเหมือนคนปกติได้ไหม?
“ไม่ได้บอบบางขนาดนั้น ช่วยทำเหมือนฉันเป็นคนปกติได้ไหม?”
ตอนนี้อารมณ์ของเธอไม่ค่อยจะดีนักเพราะว่ายาของถังซือเถียน ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและถังซั่วที่ไม่มีอะไรกันเลยทำให้ความความสัมพันธ์พี่น้องของพวกเขาต้องขัดแย้งกันเอง
แต่หวังว่าจะไม่กลายเป็นศัตรูกันเพราะเรื่องนี้
ถ้าหากว่าตัวเธอนั้นเป็นสาเหตุของการทะเลาะของเขาทั้งคู่ หลังจากนี้เธอจะทำยังไง?
เธอไม่อยากจะคิดถึงฉากนั้น ถึงยังไงถังซั่วก็เคยช่วยเธอเอาไว้ แต่ว่าก็ไม่อยากจะทำให้จิ่งเป่ยเฉินลำบากใจ
ช่วงนี้เขาลำบากใจมามากแล้ว
ทำไมเรื่องถึงได้กลายเป็นแบบนี้!
หลินจือเซี๋ยวหยิบเสื้อผ้าออกมาจากตู้เสื้อผ้าด้านในพลางมองอันโหรวที่นั่งลงที่เตียง ใบหน้าเล็ก ๆ ดูไม่มีสีเลือดและร่างกายของเธอก็เผยให้เห็นถึงความสิ้นหวังและความโศกเศร้าอย ย่างมาก
เธอค่อย ๆ เดินเข้าไปนั่งลงด้านข้างเธอ “โหรวโหรว อย่าเสียใจไปเลย”
เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว เสียใจไปก็มีแต่จะทำให้ตัวเองยิ่งเจ็บปวดมากกว่าเดิม
เมื่อได้ยินคำปลอบโยนของเธอ อันโหรวก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับ ไม่โศกเศร้าเสียใจนั้นแสร้ง ลูกน้อยของเธอไม่อยู่แล้ว หัวใจของเธอนั้นแทบแหลกสลาย
ตอนนี้รู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือถังซั่ว จิ่งเป่ยเฉินกับถังซั่วแตกหักกัน เธอก็ยิ่งรู้สึกเสียใจ
“ไม่เป็นไรนะ อีกสักพักเรื่องมันก็จะดีขึ้น” เธอรับเสื้อผ้ามาจากมือของหลินจือเซี๋ยว ถ้าหากว่าไม่ยอมเปลี่ยนเสื้อที่เปียกชื้นนี้ หากจิ่งเป่ยเฉินรู้เข้าคงได้กลายเป็นพายุแน่
……
จิ่งเป่ยเฉินและฉีเซิ่งเทียนยากที่จะพบเจอในผับบาร์ในช่วงกลางวันแบบนี้
ทั้งคู่นั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์และเป็นที่ดึงดูดสายตาของผู้หญิงจำนวนไม่น้อย แต่ว่าไอความเยือกเย็นของจิ่งเป่ยเฉินที่แผ่ออกมานั้นทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามาใกล้
ได้เพียงแต่มองอยู่ไกล ๆ
ฉีเซิ่งเทียนที่ดื่มไวน์ยังไม่ทันหมด สายตาของเขาก็เหลือบไปมองจิ่งเป่ยเฉินที่ดื่มไปหลายแก้วแล้ว
เขารู้ว่าจิ่งเป่ยเฉินคอแข็ง แต่ก็ไม่คิดว่าจะดื่มหนักขนาดนี้!
“พี่เฉิน แบบนี้ไม่ได้นะ!” เขาดื่มแอลกอฮอล์ไปเยอะแบบนี้ ถ้ารอให้เขาส่งกลับไปละก็ พี่สะใภ้ได้อาละวาดใส่เขาแน่!
พาเขาออกมาพักผ่อนแต่จิ่งเป่ยเฉินกลับเมาแบบนี้
แก้วไวน์ในมือของจิ่งเป่ยเฉินราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดของฉีเซิ่งเทียน เขารินเองดื่มเอง
หลายวันที่ผ่านมาคอยอยู่ข้างโหรวโหรว ตอนนี้ไม่เห็นเธอเพราะงั้นอารมณ์ที่สะสมมาทั้งหมดนั้นก็ระเบิดออกมา เขาอยากจะดื่มให้เมาจนเป็นอัมพาตจริง ๆ
เขามักจะสงบและยอมตลอด ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมาผับเพื่อดื่มจนเมาทั้งวัน
จู่ ๆ ก็มีชายคนหนึ่งมานั่งลงข้างกายจิ่งเป่ยเฉิน น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังเข้ามาในหู “ไวน์มา!”
ฉีเซิ่งเทียนมองถังซั่วที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น ได้! เขายอมรับว่าเขาโทรศัพท์เรียกถังซั่วมา
ถึงยังไงก็เป็นพี่น้องกันมาหลายปี จะมาทอดทิ้งความรู้สึกไว้เพียงลำพังไม่ได้
ดูว่ายังพอมีที่ว่างเหลือไว้อยู่?
จิ่งเป่ยเฉินเลื่อนสายตาไปมองแก้วไวน์ในมือราวกับว่าถังซั่วไม่ได้อยู่ข้างเขา
ถังซั่วรู้ดีว่าจิ่งเป่ยเฉินไม่ให้อภัยเขา นั่นถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ตัวเองยังไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ นับประสาอะไรกับจิ่งเป่ยเฉิน
ไม่คิดเลยว่าเขาจะเมาแบบนั้นแล้วลงมือกับคนรักของพี่น้องกันเองได้!
เขาไม่ใช่มนุษย์!
ฉีเซิ่งเทียนมองถังซั่วที่ดื่มไวน์อย่างอึดอัดใจ บาร์เทนเดอร์ก็รินไวน์อีกแก้วให้ทันที
หรือว่าเขาไม่ควรที่จะเรียกถังซั่วออกมา ดื่มไวน์กันทั้งคู่!
มองจิ่งเป่ยเฉินและถังซั่วกระดกไวน์ทีละแก้วเข้าปากราวกับว่าเทลงไปในหลุมลึก
“พี่ทั้งสองคนจะหยุดดื่มได้หรือยัง!” ฉีเซิ่งเทียนคว้าแก้วในมือของจิ่งเป่ยเฉินมา แต่กลับถูกมองด้วยสายตาที่นิ่งและเย็นชา
ฉีเซิ่งเทียนค่อย ๆ ส่งแก้วไวน์ในมือให้กับจิ่งเป่ยเฉิน “พี่เฉิน ดื่มให้มันน้อย ๆ หน่อย พี่สะใภ้ยังรอพี่อยู่ที่บ้านนะ!”
เขาพูดไปก็ไร้ประโยชน์ ใช้อันโหรวมาพูดกดดันเขาน่าจะได้ผล
มือของจิ่งเป่ยเฉินจับแก้วไวน์แน่น แต่กลับไม่ได้ดื่มมัน ราวกับว่าตัวเขานั้นแข็งทื่ออยู่ที่เดิม
จิ่งเป่ยเฉินไม่ดื่มแล้ว แต่ว่าถังซั่วที่อยู่ข้างเขานั้นยังคงไม่หยุดดื่ม และยังคงดื่มต่อไป…
ดื่มจนเมาแล้วได้อะไร?
พูดสิ!
ฉีเซิ่งเทียนโกรธ ทั้งสองคนไม่ยอมคุยกันดี ๆ แบบนี้ก็คงไม่มีโอกาส!
ถังซั่วที่คิดอยากจะพูดบางอย่าง แต่ว่าเมื่ออยู่ข้างจิ่งเป่ยเฉินแล้วกลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
ถูกเขาต่อยด้วยความเต็มใจ แต่ว่าตัวเองก็ขอร้องให้ปล่อยถังซือเถียนไปเอง ตอนนี้ได้ส่งถังซือเถียนไปเมืองนอกอีกครั้งแล้ว
แต่ว่าตัวเองกลับไม่ได้หนีไป เรื่องนี้สุดท้ายแล้วก็เป็นเขาที่ผิด
ถ้าหากว่าไม่ได้ดื่มจนเมา ถ้าเขายังมีสติดีอยู่ก็คงจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นเด็ดขาด
ถึงแม้ว่าเขาเองก็ชอบอันโหรว แต่เขาก็ถอดใจไปนานแล้ว
ความเสน่หาที่ยังสะสมอยู่ในจิตใต้สำนึก บางทีในคืนนั้นเขาอาจจะรู้ว่าผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาเป็นใคร ความกระสับกระส่ายในร่างกายของเขานั้นยังคงไหลเวียนอยู่
“อ้วก….”
ถังซั่วดื่มอย่างกระหายและเร็วมาก ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีอะไรตกถึงท้อง แอลกอฮอล์จึงออกฤทธิ์ทำให้เป็นตะคริวที่ท้องอย่างกะทันหัน
เมื่อฉีเซิ่งเทียนเห็นแบบนั้นก็รีบวางแก้วในมือลงทันที “พี่เฉิน พี่นั่งอยู่ก่อนนะ! ฉันไปส่งเขาก่อน!”
“อ้วก……”
ถังซั่วยังคงอาเจียนอยู่ ฉีเซิ่งเทียนรีบพยุงเขาออกไปอย่างรวดเร็ว
ไม่น่าเรียกเขามาที่นี่เลยจริง ๆ ไม่ยอมพูดอะไรเลย ไม่คิดว่าดื่มจนเมาแล้วยังต้องมาดูแลเขาอีก!
คนรอบข้างเขาเริ่มทยอยหายไป จิ่งเป่ยเฉินก็ยังคงดื่มไวน์ในมือของเขาต่อ
หลังจากดื่มแก้วสุดท้ายก็ลุกขึ้นออกไปจากบาร์
ฉีเซิ่งเทียนส่งถังซั่วเสร็จก็รีบกลับมาทันที ก่อนจะพบว่าไม่มีร่างของจิ่งเป่ยเฉินที่เคาน์เตอร์บาร์แล้ว
“ไปไหนแล้ว?” เขาถามบาร์เทนเดอร์
“ประธานจิ่งออกไปแล้ว”
“ไปแล้ว?”
หรือว่าเขากลับไปแล้ว?
ฉีเซิ่งเทียนเดินออกไปและรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา
ปลายสายรับอย่างรวดเร็ว “เซี๋ยวเซี๋ยว พี่เฉินกลับบ้านไปแล้วเหรอ?”
“บิ๊กบอสกลับบ้านหรือยัง ฉันเองก็ไม่รู้ แต่ว่าฉันกลับบ้านมาแล้ว” ตอนนี้หลินจือเซี๋ยวอยู่ที่บ้านแล้ว
เธอทำให้โหรวโหรวอารมณ์เสีย หลังจากนั้นโหรวโหรวก็หลับไป
“โหรวโหรวกำลังหลับ คุณไม่ต้องโทรศัพท์ไปหาเธอ ถ้าไปรบกวนเธอ คุณได้ตายแน่!”
“เซี๋ยวเซี๋ยว รอฉันอยู่ที่บ้านนะ!” ฉีเซิ่งเทียนขึ้นรถและวางโทรศัพท์
แล้วก็โทรศัพท์หาจิ่งเป่ยเฉิน แต่ก็ไม่มีคนรับ
เวลานี้น่าจะอยู่บนรถ เขาดื่มไปเมาแบบนั้น เสี่ยวหยางน่าจะไปรับเขากลับ
เมื่อคิดถึงตรงนี้เขาก็กลับไปหาหลินจือเซี๋ยวได้อย่างสบายใจ
……
อันโหรวตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดในใจ เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้ามืดสนิท
เธอเปิดไฟห้องนอน แสงสว่างสลัว ๆ ภายในห้องทำให้เห็นได้ชัดว่ามีเครื่องเรือนมากมายภายในห้อง หรือเพราะว่าเธอไม่เห็นจิ่งเป่ยเฉิน เลยรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมา?
เธอสวมเสื้อผ้าและลงไปชั้นล่าง หยางหยางและหน่วนหน่วนกำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา
“หยางหยาง หน่วนหน่วน กินข้าวกันหรือยังคะ?” ตอนนี้ดึกมากแล้ว เธอเองก็นอนไปนานแล้วเหมือนกัน
“แม่จ๋า ตอนนี้พวกเรากำลังรอพ่อจ๋า” หยางหยางพูดและลงมาจากโซฟาพลางมองใบหน้าที่ดูไม่ค่อยดีของเธอ
อันโหรวดึงมือของหยางหยางมา หน่วนหน่วนก็วิ่งเข้ามา เธอจูงมือทั้งสองมาที่ห้องครัว “พ่อจ๋าไปไหน?”
เธอคิดว่าจิ่งเป่ยเฉินจะอยู่กับพวกเขาชั้นล่าง แต่ว่าตอนนี้ไม่เห็นจิ่งเป่ยเฉินอยู่ชั้นล่าง
“พ่อจ๋าไม่ได้อยู่กับแม่จ๋าเหรอครับ?” หยางหยางมองไปที่เธอ หลายวันที่ผ่านมาพ่ออยู่กับแม่ตลอด ไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว