อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 79 ความรู้สึกที่สับสนวุ่นวาย + 80 เบื้องหลังคนพวกนี้คือ........
- Home
- อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด
- ตอนที่ 79 ความรู้สึกที่สับสนวุ่นวาย + 80 เบื้องหลังคนพวกนี้คือ........
ตอนที่ 79 ความรู้สึกที่สับสนวุ่นวาย
อันโหรวค่อยๆหมดสติ โทรศัพท์ที่กำอยู่ตรงมือ ค่อยๆลื่นไหลออกจากฝ่ามือ สายที่อยู่ในโทรศัพท์เองก็ถูกตัดการเชื่อมต่อ
“ไป เร็วเข้ารีบลงมือให้เร็วกว่านี้” ชายในชุดดำรู้สึกเวียนหัวขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเคลื่อนตัวไปข้างหน้าเพื่อยกตัวอันโหรว หลังจากที่เอาตัวของอันโหรวเข้าไปในรถ ก็รีบเร่งคันเร่งออกจากบริษัทจิ่งด้วยความรวดเร็ว
ทางด้านหลินจื่อเซี๋ยวที่อยู่ในสาย เมื่อได้ยินเสียงที่วุ่นวายจากปลายทาง ก็รู้สึกว่าตัวเองได้ยินไม่ผิดแน่ เมื่อครู่ อันโหรว กรีดร้องขอความช่วยเหลือ.….
เธอทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะกดโทรศัพท์เพื่อโทรกลับไป แต่กลับไม่มีใครตอบรับในตอนท้าย
หลินจื่อเซี๋ยวเริ่มตื่นตระหนกมากขึ้น ท่าทีและท่าทางของหลินจื่อเซี๋ยวตอนนี้ตกไปอยู่ในสายตาของจิ่งเป่ยเฉิน เขาที่กำลังจะดึงประตูรถลง สักพักก็เลิกคิ้วขึ้น เมื่อปิดประตูรถเรียบร้อย เขาก็รีบเดินไปหาหลินจือเซี๋ยวทันที
“เลขาหลิน นี่คุณยืนทำอะไรอยู่?”
หลินจื่อเซี๋ยวเมื่อได้ยินน้ำเสียงของจิ่งเป่ยเฉิน ก็รู้สึกตกใจขึ้นทันที แต่เมื่อคิดถึงโหรวโหรว ที่ตอนนี้เวลานั้นไม่เคยรอใคร ทางที่ดีตัวเธอรีบแจ้งบอกประธานจิ่งให้ช่วยเหลือหาทางออกคงจะดีที่สุดแล้ว!
“ประธานจิ่งค่ะ คืออันอีหานดูเหมือนจะเกิดอะไรบางอย่างผิดปกติขึ้นค่ะ! เมื่อครู่นี้ฉันกำลังคุยโทรศัพท์กับเธออยู่ แต่จู่ๆเธอก็เจออะไรไม่รู้เข้า กรีดร้อง และโทรศัพท์ก็ถูกตัดขาดไปโดยทันที”
จิ่งเป่ยเฉินหัวใจกลับเต้นรัวๆ ดวงตาที่เผยให้เห็นถึงความตื่นตระหนก ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนก “อันอีหาน ครั้งสุดท้ายตอนที่พูดกับเธอนั้น อันอีหานอยู่ที่ไหนกัน?”
หลินจื่อเซี๋ยวแน่นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยออกไป “น่าจะอยู่ในบริษัทจิ่งระยะร้อยเมตรไม่ไกลนี่แน่นอนค่ะ”
จิ่งเป่ยเฉินเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดออกไปอย่างเป็นระเบียบแบบแผนว่า “ไปที่ห้องกล้องวงจรปิดของบริษัท และส่งข้อมูลทุกอย่างไปยังเมลล์ของผม รีบลงมือเถอะ”
จิตใจของหลินจือเซี๋ยวในที่สุดก็สงบลงขึ้น จิ่งเป่ยเฉินทำให้เธอรู้ว่ามีคนคอยซัพพอร์ตอยู่เบื้องหลัง ก่อนจะรีบวิ่งไปยังห้องกล้องวงจรปิดด้วยท่าทีที่รวดเร็ว
จิ่งเป่ยเฉินขับรถออกมาจากชั้นใต้ดิน ค่อยๆมองหาเส้นทางที่หลินจื่อเซี๋ยวคาดการณ์เอาไว้อย่างช้าๆ ในที่สุดหลังจากขับไปได้สักระยะห้าสิบเมตร เขาก็พบโทรศัพท์มือถือของอันโหรวที่ทำตกไป
มันกระแทกตกสู่พื้นและแตกออกมาหลายส่วน ทั้งยังเหมือนกับถูกรถทับไปเสียแล้วอีกด้วย…
เมื่อกลับไปยังรถ ไม่นานเขาก็ได้รับไฟล์วิดีโอจากหลินจือเซี๋ยว มันเป็นวิดีโอที่ถูกบันทึกไว้เป็นฉากๆ ภายในนั้นมีภาพของอันโหรวที่ถูกจับด้วยยาอีเธอร์ก่อนจะถูกลากให้เข้าไปในรถตู้
น่าเสียดายที่การถ่ายภาพป้ายทะเบียนรถนั้นกลับไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก
“สมควรตายนัก!” จิ่งเป่ยเฉินเผยสีหน้าที่เย็นชามากขึ้น เขาถอดเนคไทของเขาออกมา และล้วงเข้าไปในเสื้อผ้าเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะโทรออกไปหาเพื่อนสนิทของเขา “เซิ่งเทียน ตรวจสอบป้ายทะเบียนนี้ให้ฉันที ขอเวลาห้านาที ฉันจะต้องรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของรถคันนี้ให้ได้!”
“ห้านาที นายคิดว่าตาของฉันมันเป็นอิเล็กทรอนิกส์ยังงั้นเหรอ? ตูทำไม่ได้หรอกนะโว้ย!”
ฉีเซิ่งเทียนเผยอารมณ์ที่ไม่พอใจก่อนจะโกรธขึ้น ตอนแรกเขาก็มีความสุขอยู่กับบ้านดีๆอยู่หรอก แต่ไม่นานคิดไม่ถึงเลยว่าลูกพี่ใหญ่จะมาสั่งงานแบบนี้เข้าอีกแล้ว
จิ่งเป่ยเฉินขบฟันแน่นขึ้น “ฉันบอกให้นายแค่ห้านาที ถ้าตรวจสอบไม่พบก็เตรียมตัวโยกตัวเองไปแอฟริกาได้เลย!”
“มีอะไรเกิดขึ้นกันเนี่ย? นี่….” ฉีเซิ่งเทียนเริ่มรู้สึกแปลกๆ หัวใจกลับพลันเต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว พอคิดจะเอ่ยถาม สายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไปเสียแล้ว เขาเตรียมลุกขึ้นจากเตียง และหยิบโน้ตบุ้คขึ้นมาทำงานโดยทันที
จิ่งเป่ยเฉินเอนหลังพิงไปที่เก้าอี้ในรถ ก่อนจะเริ่มขมวดคิ้วขึ้นอย่างหงุดหงิด จู่ๆก็มีคนหาญกล้าคิดท้าทายอยู่ใต้จมูกของเขา ทั้งยังจับคนไปแบบนี้
มันช่างหาญกล้าเสียจริงๆ
มือของเขาสัมผัสไปที่หัวใจของตัวเองเบาๆ หัวใจของเขานั้นมันกลับเต้นรุนแรงมากขึ้น ความรู้สึกที่วูบวาบเช่นนี้ มันช่างคล้ายกับเมื่อตอนไม่พบโหรวโหรวเมื่อห้าปีก่อนเลย มันเหมือนกันมากทั้งยังแย่กว่าเสียอีก
……
โรงงานร้างในชานเมืองตะวันตก
มือและเท้าของอันโหรว ตอนนี้ถูกมัดไปด้วยเชือกแน่นๆ ปากของเธอก็ถูกผ้าอุดเอาไว้ มีชายสองคนลากเธอออกจารถก่อนจะอุ้มมาไว้ที่โรงงานแห่งนี้
“พี่ใหญ่ ตอนนี้พวกเราจะทำยังไงดี?” ชายผิวคล้ำที่มีชื่อว่าหลี่เหวินใบหน้าดูอ่อนเยาว์มากนัก กำลังเดินตามพี่ชายของตนที่ชื่อหลี่ฮ่าว พวกเขาจับอันโหรวเข้าไปในห้องเล็กๆ ที่อยู่ทางด้านซ้ายก่อนที่จะลังเลเล็กน้อย
หลี่ฮ่าวมีหนวดเคราใหญ่โต ร่างกายสูงดูกำยำ ซึ่งแตกต่างกว่าหลี่เหวินที่เป็นน้องชายของตนอย่างสิ้นเชิง
เขามองไปที่ผู้หญิงที่อยู่บนพื้น ก่อนจะตบไปที่ไหล่ของน้องชายตัวเองเบาๆ “รอนายจ้างของเรามาก่อน อย่าพึ่งรีบร้อนไป”
……….
ตอนที่ 80 เบื้องหลังคนพวกนี้คือ………
หลี่เหวินเพิ่งจะเหยียบย้ำมาเส้นทางนี้ แต่ไหนแต่ไรจึงหดไหล่ด้วยความหวาดกลัวและไม่พูดอะไรมาก ก่อนจะตามพี่ชายไปนั่งสูบบุหรี่ที่พื้นทีละมวน
หลังจากที่ถูกป้ายยาอีเทอร์แล้ว อันโหรวก็ค่อย ๆ ตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ เพียงแต่ว่าเธอยังไม่ได้ลืมตาขึ้นมาอย่างเต็มที่ กลับจะค่อย ๆ ขยับข้อมือทีละเล็กทีละน้อย และพยายามลืมตาขึ้นมา ก่อนกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง ด้วยท่าทีที่ระวังตัว
ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นโรงงานร้าง มีชายสองคนยืนอยู่ตรงด้านหน้า หนึ่งชายตัวสูงอีกคนผอมแห้ง ดู ๆ ไปแล้วไม่ว่ายังไง เธอคงไม่มีโอกาสที่จะสู้เอาตัวรอดได้แน่
ตอนนี้หัวใจของเธอกลับเต้นรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะค่อย ๆ บังคับให้ตัวเองสงบจิตใจลง
เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงถูกลักพาตัวแบบนี้ได้ หากที่คิดอยู่ในใจก็มีหลายคนที่ไม่ค่อยชอบตัวของเธออยู่ หนึ่งคนก็มีฉิวซี อีกคนก็น่าจะเป็นลูซี่แฟนสาวลับ ๆ ของจิ่งเป่ยเฉิน
ฉิวซีอยู่บริษัทเดียวกันกับเธอ เขาคงไม่กล้าหาญมากพอที่จะทำเรื่องพวกนี้แน่ ๆ ส่วนลูซี่นั้นก็แตกต่างกันออกไป
ทั้งหมดนี่ตกอยู่ในห้วงความคิดของอันโหรวที่รวดเร็วมากขึ้น แต่ทว่าเมื่อชายร่างใหญ่เอ่ยปากพูดถึงนายจ้าง อันโหรวก็ถึงกับผงะ….
“คุณหนูเหอ ผมจับคนมัดไว้ตามที่คุณต้องการแล้ว!” หลี่ฮ่าวเห็นผู้หญิงคนนึงที่กำลังเข้ามา เขาก็รีบลุกขึ้นไปต้อนรับโดยทันที
คุณหนูเหอ ปากของหลี่ฮ่าวที่พูดมา เป็นเหอเหมียว!
เหอเหมียวที่กำลังเดินออกมา ตัวเธอนั้นสวมแว่นกันแดดสีดำพร้อมกับสวมชุดเดรสสีขาว ดูแล้วสะอาดสะอ้าน เธอจับจ้องไปที่ตัวของอันอีหาน ก่อนจะยกปากขึ้นอย่างประชดประชัน “ทำได้ดีมาก มีคนพบเห็นรึเปล่า?”
หลี่ฮ่าวรีบส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากรับรอง “ไม่มีคนพบเห็นแน่นอนครับ พวกเราสองพี่น้องจัดการให้คุณหมดแล้ว วางใจได้เลย คุณหนูเหอเหมียวส่วนเรื่องเงินนั้น…..”
เขาถูมือตัวเองไปเรื่อย ๆ แววตาฉายความโลภออกมา
เหอเหมียวมองไปที่ตา ก่อนจะเคร่นน้ำเสียงที่ดูถูกเหยียดหยาม และหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าและโยนให้พวกเขา “ในนี่มีห้าหมื่นหยวน ตราบใดที่พวกนายเชื่อฟังคำที่ฉันบอกละก็ เงินที่เหลือ ก็จะตกเป็นของพวกนาย”
หลี่ฮ่าวจับเงินเอาไว้ ก่อนจะรู้สึกถึงความหนักอึ้ง และยิ้มออกมาอย่างโง่ ๆ หลี่เหวินเมื่อมองตามมา ดวงตาก็ฉายแววเป็นประกาย เขาไม่เคยเห็นเงินจำนวนมากขนาดนี้มาก่อน ที่แท้การทำเรื่องแบบนี้จะได้เงินจำนวนมากนี่เอง
หลี่ฮ่าวเหลือบสายตามองไปยังน้องชายของตน ก่อนจะเก็บเงินเข้ากระเป๋าอย่างระมัดระวัง และพยักหน้าโค้งหัวให้กับเหอเหมียว และพูดขึ้น “คุณหนูเหอออกคำสั่งมาเมื่อใด พวกเราก็พร้อมทำตามให้ทันทีครับผม”
“รับเงินไปแล้ว ก็ช่วยฉันจัดการให้มันดี ๆ หน่อย! เอาผู้หญิงคนนั้นมาโยนไว้ที่หน้าฉันซะ”
เหอเหมียวค่อนข้างรู้สึกเสียใจกับเงินจำนวนมากของตัวเอง เพราะว่าตัวเธอได้นำเครื่องประดับทั้งหมดที่โอวหยางลี่มอบให้ นำไปแปรขายกลายเป็นเงิน เพียงแต่ถ้าหากใช้เงินจำนวนพวกนั้น สามารถสั่งสอนหญิงแก่อย่างอันอีหานได้ เธอเองก็คิดว่ามันก็คุ้มค่าพอสมควรแล้ว
หลี่ฮ่าวกับหลี่เหวินสองพี่น้องรับคำสั่งจากเหอเหมียว ก่อนจะรีบไปอุ้มอันโหรวขึ้นมาจากพื้น พร้อมกับแกะเชือกออกจากเท้า และดึงแถบผ้าที่คาไว้ในปากออก และเตรียมที่จะยกมือของอันโหรวขึ้น เพื่อมัดไว้กับชานเสาบนหลังคา ช่วงขณะที่กำลังยกนั้นเอง อันโหรวก็ดิ้นสุดแรงเพื่อต่อสู้ขึ้น
“ยัยนี่ตื่นแล้ว พวกนายรีบจัดการซะ!” เหอเหมียวเมื่อเห็นอันอีหานตื่นขึ้น ก็รีบกระวนกระวายกู่ร้องใหญ่โต
อันโหรวไม่มีทางปล่อยตัวเธอเองนั้นถูกเหอเหมียวจับไว้ได้แน่ ฉวยโอกาสเมื่อเชือกที่มัดเท้าของเธอคลายออก ช่วงเวลานั้นเธอก็แกล้งทำเหมือนเป็นลมสลบไป ก่อนจะรีบลืมตาขึ้้นมาเพื่อลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว อันโหรวตอนนี้กระโดดด้วยหลังเท้าใส่เข้าไปยังหลี่ฮ่าวด้วยปลายแหลมของรองเท้าส้นสูงขึ้นทันที
ผลก็คือหลี่ฮ่าวรู้สึกเจ็บเสียจนไม่อาจทนไหวไว้ได้
“อ๊าก!” หลี่ฮ่าวตะโกนกู่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และกลิ้งลงไปนอนบนพื้นทันที
หลี่เหวินเมื่อเห็นพี่ชายของตนถูกจัดการอย่างเจ็บปวดเช่นนี้ เขาก็มองไปยังอันโหรวเพื่อเตรียมหวังจะจัดการ เพียงแต่ทว่าช่วงเวลานั้นเอง
ไม่รู้ว่าภาพมันเกิดขึ้นชั่วพริบตาหรืออย่างไร เท้าของอันโหรวเตะไปที่กลางเป้าของเขา มันทำให้ใบหน้าของหลี่เหวินถึงกับแดงก่ำ ก่อนจะรีบเอามือไปกุมที่หว่างขาใต้กางเกงของตนและร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
อันโหรวไม่ได้สนใจจะดูเท่าไหร่นัก เธอรีบวิ่งออกไปโดยทันที เหอเหมียวเองเมื่อเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้าไปขวางตัวของอันโหรวไว้ “พวกแกมันเศษขยะ รีบหยุดยัยนี่เร็ว……”
เธอยังไม่ทันพูดจบ ใบหน้าของเธอก็ถูกโจมตีเสียหนัก อันโหรวกัดไปที่ฟันของตัวเองก่อนจะโบกมือที่ถูกมัดไว้ ใส่ไปที่ใบหน้าของเหอเหมียว เสียจนเธอเจ็บพูดไม่ออกสักคำ
“อ๊า!” เหอเหมียวที่ถูกกระแทกร่างกายถึงกับเซ ก่อนจะร่วงลงไปกับพื้น แว่นกันแดดของเธอก็ร่วงหล่นลงมาเช่นกัน โหนกแก้มของตัวเหอเหมียวเริ่มมีอาการบวมมากขึ้น มากขึ้นเสียจนดูน่าอับอาย