เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 195 นายต้องรับผิดชอบ
บทที่ 195 นายต้องรับผิดชอบ
หัวหว่านพาพวกเฉิงยวนออกไป แต่ก่อนจะไป เฉิงยวนลอยทะลุกำแพงเข้ามาและพูดเตือนฉู่ลั่วว่า “เจ้าอย่าลืมติดต่อไปหาฮั่วเซียวหมิงบ้างนะ เขาเป็นห่วงเจ้ามากจริง ๆ”
“อืม”
เฉิงยวนถึงยอมออกไปพร้อมสีหน้าพึงพอใจ
ฉู่ลั่วกลับเข้ามาในห้องนอน นั่งลงบนเตียง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเตรียมจะติดต่อไปหาฮั่วเซียวหมิง
เธอมองหาในรายชื่อผู้ติดต่อของตนเอง
ในนั้นไม่มีชื่อฮั่วเซียวหมิง และไม่มีวีแชตของเขาด้วย
ฉู่ลั่วเงียบงัน “…”
เธอยืนขึ้น เดินไปที่โต๊ะ หยิบยันต์ขึ้นมาหนึ่งแผ่น ก่อนจะเขียนข้อความลงไปบนยันต์อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พับเป็นนกกระเรียนกระดาษ
นิ้วชี้แตะเบา ๆ ที่นกกระเรียนกระดาษ วินาทีต่อมาเจ้านกก็บินออกไปทางหน้าต่าง
[นายหญิง ตอนนี้พลังวิญญาณของคุณกำลังขาดแคลนนะ ยังเสียพลังวิญญาณไปกับกระเรียนสื่อสารอีก]
[นายหญิง คุณบอกมาตามตรงเถอะ คุณใจเต้นกับฮั่วเซียวหมิงใช่ไหม?]
ฉู่ลั่วยืนตัวตรงที่หน้าโต๊ะ ก่อนจะหยิบปากกาขึ้นมาวาดยันต์ “ฉันแก้ปัญหาให้เหิงหว่านไป๋แล้ว ทำไมพลังวิญญาณของฉันไม่เพิ่มขึ้นสักที”
[…เอ่อ]
ฉู่ลั่วพูด “บอกเหตุผลฉันมาสิ”
ระบบส่งเสียงหัวเราะแห้ง ๆ ออกมาสองครั้ง
[นายหญิง ระหว่างนี้เกิดปัญหาเล็ก ๆ ขึ้นนิดหน่อย คุณแก้ไขเรื่องราวได้แล้วก็จริง แต่จำเป็นต้องรอให้ภาพยนตร์ออกฉายก่อน พลังวิญญาณของคุณถึงจะเพิ่มขึ้น]
ตอนนี้ มีเพียงคนที่รู้จักใบหน้าที่แท้จริงของเหิงหว่านไป๋เท่านั้นที่ส่งผลต่อพลังวิญญาณของฉู่ลั่ว
ต้องรอเรื่องราวถูกบ่มเพาะก่อน ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาสักระยะ
ฉู่ลั่วเมินเฉย
แม้ว่าเธอจะไม่พูดอะไรเลย แต่ระบบก็รับรู้ได้ด้วยตัวเองว่าอีกฝ่ายกำลังดูถูกเขาอยู่
[ผมเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าเรื่องราวมันจะกลายเป็นแบบนี้!]
ฉู่ลั่วยังคงนิ่งเงียบ “…”
[นายหญิง ที่จริงเรื่องนี้มันก็ไม่แย่อย่างที่คุณคิดหรอกนะ]
เด็กสาวเก็บปากกา และเก็บยันต์ที่วาดไว้ทั้งหมด “ไม่แย่เหรอ? นายพูดเองนี่ ว่าฉันต้องใช้พลังวิญญาณมาต่อสู้กับฉู่หร่าน ตอนนี้นายยังจะให้ฉันสูญเสียพลังวิญญาณเพื่อช่วยให้ฝันของเหิงหว่านไป๋เป็นจริงอีกเหรอ?”
[…]
ฉู่ลั่วเอ่ยว่า “ทำให้เหิงหว่านไป๋ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนได้ นายรู้ไหมว่าต้องสูญเสียพลังวิญญาณไปมากเท่าไหร่?”
[…]
เธอเดินไปที่ห้องน้ำ “ทำให้สิ่งลี้ลับปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน ต้องสูญเสียพลังงานไปอีกเท่าไหร่?”
[…ถ้าคุณไม่ยินยอม ก็ไม่ต้องรับปากเหิงหว่านไป๋ได้นะ]
ระบบเสียงเบามาก เขาพูดอย่างไม่ได้รับความยุติธรรม
ฉู่ลั่วหัวเราะเย็นชาให้กับตัวเองในกระจก “ไม่ช่วย? นายบอกให้ฉันไม่ช่วยเหรอ?”
[นายหญิง ขอโทษครับ ผมผิดไปแล้ว ผมพูดผิดไปแล้ว]
ฉู่ลั่วเอามือเท้าไว้บนอ่างล้างหน้า สายตายังคงมองกระจก “ผิดไปแล้ว? บอกว่าผิดก็จบงั้นเหรอ? ถ้าครั้งนี้ฉันผ่านเคราะห์กรรมไปไม่ได้ นายต้องรับผิดชอบ”
[ผม… ผมจะรับผิดชอบยังไง! นายหญิง นายหญิง…]
ฉู่ลั่วไม่สนใจคำพูดของระบบอีกต่อไปแล้ว ในขณะที่ระบบกำลังอ้อนวอนขอร้อง ยอมรับผิดและขอโทษเธออย่างน่าสงสาร
…
คฤหาสน์ตระกูลฮั่ว
หยางไต้สวมเสื้อคลุมยืนอยู่นอกห้องหนังสือ พอเห็นสามีที่เดินออกมาจากด้านในก็กระซิบถามว่า “อาจิ่วยังอารมณ์เสียอยู่เหรอคะ?”
ฮั่วจิ้นโบกมือเป็นนัยว่าเธออย่าไปสนใจ ก่อนเอื้อมมือไปจับมือภรรยาไว้ “เป็นครั้งแรกที่เขาชอบใครสักคน ก็เลยตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกน่ะ ดีที่ไม่ไปอารมณ์เสียต่อหน้าลั่วลั่ว ยังรู้จักกลับมาทำหน้าตาบูดบึ้งที่บ้าน”
หยางไต้หันไปมองที่ห้องหนังสือ “คงไม่ให้บอดี้การ์ดไปตามลั่วลั่วจริงหรอกนะคะ!”
เธอขมวดคิ้ว รู้สึกไม่สบายใจ “นิสัยของลั่วลั่ว มองดูแวบเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ชอบให้คนอื่นวุ่นวายกับเธอมากเกินไป”
เป็นครั้งแรกที่ลูกชายใจเต้นกับใครสักคน ทั้งยังเป็นผู้หญิงที่ดีมากด้วย
เธอหวังจากใจจริงว่าลูกชายของเธอกับฉู่ลั่วจะได้ลงเอยกัน
แต่ลูกชายคนนี้…
ฮั่วจิ้นกระซิบ “เขายังไม่ซื่อบื้อถึงขั้นนั้นหรอกคุณ เพราะตั้งแต่เด็กจนโตทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขามาตลอด จู่ ๆ ก็มีคนที่เขาให้การใส่ใจปรากฏตัวขึ้นมา แถมยังอยู่นอกเหนือการควบคุมของเขาอีก ก็เลยสับสนน่ะสิ”
หยางไต้ถอนหายใจอย่างโล่งอก “ก็ดีค่ะ ไม่ให้คนไปตามดูลั่วลั่วก็ดีแล้ว”
ฮั่วจิ้นโอบไหล่ภรรยา พูดพร้อมรอยยิ้มว่า “แบบนี้ก็ดี จะได้ดัดนิสัยหยิ่งยโสของเขาลงบ้าง”
ได้ยินแบบนั้นหยางไต้ก็อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ “มีพ่อที่ไหนเป็นแบบคุณบ้างคะเนี่ย?”