เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 216 คนรักของผู้อาวุโสเย่
ตอนที่ 216 คนรักของผู้อาวุโสเย่
มิกี่อึดใจต่อมา
ก็เกิดภาพที่แปลกประหลาดขึ้น
ม้วนภาพในมือถูซื่อเปล่งแสงอันบริสุทธิ์งดงามออกมา ก่อนจะปกคลุมนางเอาไว้
ทว่าในวินาทีต่อมาแสงสีขาวบริสุทธิ์รอบกายของถูซื่อก็ค่อย ๆ เคลื่อนที่ แล้วไอพลังอันแข็งแกร่งก็พุ่งออกมาทันที
ขณะเดียวกันก็ไหลเวียนตามความเร็วของเลือดลมภายในร่างกายนาง นางรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าอาการบาดเจ็บภายในร่างกายของนางกำลังดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
‘มิน่าเชื่อ ! ’
‘ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ ! ’
หากสามารถยืมภาพจิ้งจอกเหินนี้มาใช้ได้ ถูซื่อมั่นใจว่าหากให้เวลานางเพียงแค่เดือนเดียว นางจะต้องสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บภายในร่างกายได้อย่างแน่นอน
เช่นนี้แล้วก็หมายความว่า นางก็จะสามารถปลดปล่อยพันธนาการ เพื่อก้าวเข้าสู่ระดับที่สูงยิ่งขึ้นได้อีกครั้ง
อีกทั้งถูซื่อยังมีความคิดดี ๆ อีกอย่างผุดขึ้นมา
หากนางมีภาพจิ้งจอกเหินภาพนี้ นางก็จะสามารถปลดปล่อยพันธนาการได้อย่างมิต้องหวั่นเกรงสิ่งใด จากนั้นก็ค่อยอาศัยภาพจิ้งจอกเหินนี้ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บภายใน
ตอนนั้นเองถูสือซานก็ได้เอ่ยถามถูซื่อด้วยรอยยิ้มกระจ่างใสว่า “ท่านบรรพบุรุษ ภาพจิ้งจอกเหินภาพนี้อัศจรรย์มากใช่หรือไม่เจ้าคะ ? ”
ถูซื่ออึ้งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะได้สติ แล้วจึงเก็บม้วนภาพในมือให้เรียบร้อย
“ภาพจิ้งจอกเหินนี้แฝงจิตวิญญาณแห่งเต๋าเอาไว้ สามารถใช้ภาพนี้ในการบำเพ็ญเพียรได้ ช่างเป็นวาสนาที่ใหญ่หลวงจริง ๆ ”
ถูซื่อเอ่ยกับถูสือซาน ด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง
ทว่าเวลานี้นางกลับรู้สึกสงสารตัวเองจริง ๆ
เท่าที่ดูแม้แต่ภาพเทพมารในตำนาน เกรงว่ายังสู้ภาพจิ้งจอกเหินภาพนี้มิได้ด้วยซ้ำ
แต่ภาพจิ้งจอกเหินนี้เป็นวาสนาที่ผู้อาวุโสเย่ท่านนั้นมอบให้แก่ถูสือซาน
หากนางชิงภาพนี้มาจากถูสือซานล่ะก็ เมื่อผู้อาวุโสเย่ท่านนั้นทราบเข้า เกรงว่ามิช้าคงนำภัยพิบัติมาสู่ตัวเป็นแน่
ต้องยอมรับว่าหากดูจากคุณสมบัติแล้ว ถูสือซานที่มีสัญญาณว่าสายเลือดจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ย่อมอยู่เหนือกว่านางอย่างชัดเจน
และเมื่อถูสือซานมีอายุเท่ากับนาง หากมิมีสิ่งใดผิดพลาด เกรงว่าคงได้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับจอมปีศาจเป็นแน่
และการที่ผู้อาวุโสเย่มอบภาพจิ้งจอกเหินให้แก่ถูสือซาน บางทีอาจเป็นเพราะเขาเล็งเห็นถึงเรื่องนี้ก็เป็นได้
ในขณะที่ถูซื่อกำลังมีท่าทางลังเลอยู่นั้น
“ท่านบรรพบุรุษ ท่านคงยังมิรู้ใช่หรือไม่”
ถูสือซานเอ่ยด้วยรอยยิ้มสดใสอีกคราว่า “ภาพนี้หาใช่ของโบราณไม่ แต่เป็นภาพที่ผู้อาวุโสเย่วาดต่อหน้าข้าและราชันทมิฬเจ้าค่ะ”
“ห๊ะ ? ”
‘วาดต่อหน้าเจ้าและราชันทมิฬงั้นหรือ ? ’
‘ก็หมายความว่าผู้อาวุโสเย่ท่านนี้ มีอิทธิฤทธิ์ในการผสานจิตวิญญาญแห่งเต๋าสู่ภาพอักษรพู่กันได้ง่าย ๆ เยี่ยงนั้นหรือ ? ’
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มัน ! ’
‘ต้องเป็นผู้ที่เก่งกาจเพียงใดกัน ถึงมีอิทธิฤทธิ์ที่ศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้’
‘น่าเหลือเชื่อ ! ’
‘ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ! ’
“สูด ! ”
ถูซื่อคิดถึงตรงนี้แล้วก็สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่
วินาทีนี้มีบางเรื่อง ที่ในที่สุดนางก็สามารถเข้าใจแล้ว
ว่าเหตุใดโชคของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณจึงถูกช่วงชิงไป !
เหตุใดราชันทมิฬที่มีความสามารถธรรมดา ถึงได้กล้าหยิ่งผยองอย่างมิหวาดหวั่นสิ่งใดในเทือกเขาแดนใต้เช่นนี้ !
เหตุใดผู้แข็งแกร่งที่ไร้เทียมทานที่สามารถสังหารจ้าวปีศาจพยัคฆ์ดำได้โดยง่ายท่านนั้น จึงได้คิดถึงแต่นายท่านอยู่เสมอ !
ผู้ที่ไร้เทียมทานและน่ากลัวเช่นนั้น เกรงว่าแม้แต่ผู้แข็งแกร่งอย่างต้นหลิวโบราณ การได้เป็นผู้รับใช้ก็นับเป็นโอกาสและวาสนาอันใหญ่หลวงแล้ว !
เมื่อเห็นถูซื่อมีสีหน้าซีดเผือด หน้าผากมีเหงื่อผุดขึ้นมา ท่าทางเต็มไปด้วยความสะพรึงกลัว
ถูสือซานที่อยู่ข้าง ๆ จึงขมวดคิ้วพลางถามว่า “ท่านบรรพบุรุษท่านเป็นอะไรหรือเจ้าคะ ? ”
เมื่อได้สติถูซื่อก็ฉีกยิ้มฝืดเฝื่อนออกมา ก่อนจะส่ายหน้าไปมา “สือซาน เจ้าวางใจเถอะ ข้ามิเป็นไร”
ถูสือซานจึงยิ้มบางออกมา “ใช่แล้ว สือซานยังมีอีกคำถามที่อยากจะถามท่านบรรพบุรุษเจ้าค่ะ”
ถูซื่อพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “มีอะไรเจ้าถามมาได้เลย ต่อหน้าข้าเจ้ามิต้องระวังตัวถึงเพียงนั้นหรอก”
ถูสือซานได้ยินเช่นนั้นดวงตาพลันเปล่งประกายขึ้นมา นัยน์ตาดำขลับกลอกไปมาก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ท่านบรรพบุรุษเจ้าคะ สือซานสงสัยว่าผู้อาวุโสเย่กับเผ่าจิ้งจอกวิญญาณของเราอาจจะมีความเกี่ยวพันบางอย่างต่อกันเจ้าคะ”
“ความเกี่ยวพัน ? ”
คิ้วเรียวยาวของถูซื่อเลิกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นจึงถามด้วยความสงสัยว่า “เหตุใดเจ้าคิดเช่นนั้นหรือ ? ”
“ท่านบรรพบุรุษ ดูท่าตอนนี้ท่านเองก็คงพอจะคาดเดาได้แล้วกระมังเจ้าคะ”
ถูสือซานเอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “ด้วยตบะบารมีอันสูงส่งของผู้อาวุโสเย่ คิดว่าเขาคงรู้ล่วงหน้าแล้วว่า จะได้พบกับทายาทเผ่าจิ้งจอกวิญญาณเช่นข้า”
ถูซื่อพยักหน้าเห็นด้วย
ถูสือซานจึงเอ่ยต่อว่า “แต่นับตั้งแต่ได้พบผู้อาวุโสเย่มา อาวุโสเย่ก็ดูแลสือซานอย่างดีมาตลอด อีกทั้งภาพนี้ยังมีชื่อว่าภาพจิ้งจอกเหินอีกด้วย นอกจากนี้ผู้ที่เก่งกาจเช่นผู้อาวุโสเย่เกรงว่าคงมีชีวิตมายาวนานจนมิอาจประมาณได้แล้ว”
“เช่นนั้นสือซานคิดว่า บางทีผู้อาวุโสเย่อาจจะรู้จักกับบรรพบุรุษท่านใดท่านหนึ่งของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณ อีกทั้งยังสนิมสนมกันถึงได้ดูแลสือซานดีเพียงนี้เจ้าค่ะ”
ถูซื่อนิ่งไปอีกคราทันทีที่ได้ยิน นางรู้สึกราวกับได้ยินเสียงวิ้งดังขึ้นในโสตประสาท
จริงด้วย !
เมื่อครู่นางมัวแต่ครุ่นคิดถึงตัวตนของผู้อาวุโสเย่ จึงมิได้นึกถึงสิ่งเหล่านี้
ผู้ที่เก่งกาจเช่นผู้อาวุโสเย่ ต่อให้ถูสือซานจะมีสัญญาณว่าสายเลือดจะเกิดการเปลี่ยนแปลง คาดว่าก็คงมิอยู่ในสายตาของเขาอย่างแน่นอน
แต่บัดนี้กลับมอบโอกาสและวาสนาพลิกฟ้าเช่นนี้ให้แก่ถูสือซาน
แน่นอนว่าสิ่งที่น่าสงสัยที่สุดก็คือ ในเมื่อภาพนี้มีชื่อว่าภาพจิ้งจอกเหิน เช่นนั้นสตรีงดงามในภาพ ย่อมเป็นบรรพบุรุษท่านใดท่านหนึ่งของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณ
เช่นนี้ก็เป็นอันแน่นอนแล้วว่าผู้อาวุโสเย่ท่านนี้ จะต้องมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับบรรพบุรุษท่านใดท่านหนึ่งของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณเป็นแน่
อีกทั้งสตรีเผ่าจิ้งจอกวิญญาณล้วนงดงามมาแต่กำเนิด เป็นที่หมายปองของเหล่าผู้บำเพ็ญเพียรที่เป็นเผ่ามนุษย์
นั่นก็หมายความว่าผู้อาวุโสเย่ท่านนี้ มิเพียงมีความสนิทสนมกับบรรพบุรุษท่านใดท่านหนึ่งของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณ ยิ่งกว่านั้นอาจเป็นคู่รักกันอีกด้วย
ถูซื่อคิดได้เช่นนั้นก็มีท่าทีอ่อนลง เพียงพริบตาก็เผยรอยยิ้มยินดีออกมา
หากเผ่าจิ้งจอกวิญญาณมียอดฝีมือเช่นนี้คุ้มครอง เหตุใดจะต้องสนใจพวกตาเฒ่าในราชาขุนเขาสือว่านซานด้วยเล่า ?
ดี !
ดีมาก !
เยี่ยมจริง ๆ !
ถูซื่อคิดได้เช่นนั้นก็ยื่นมือมากดที่ไหล่อันอ่อนนุ่มของถูสือซาน พร้อมรอยยิ้มโล่งใจ “สือซาน หากเป็นเช่นนั้นจริง นับแต่นี้ไปเผ่าจิ้งจอกวิญญาณก็จะมิต้องพึ่งพาคนอื่นอีก”
ถูสือซานพยักหน้าเห็นด้วย “ท่านบรรพบุรุษได้โปรวางใจ หากสือซานบำเพ็ญเพียรด้วยภาพจิ้งจอกเหินต่อไป เชื่อว่าสักวันจะต้องก้าวเข้าสู่ระดับราชันปีศาจได้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
ถูซื่อพยักหน้าให้พร้อมรอยยิ้ม
แล้วถูซื่อผู้เป็นบรรพบุรุษแห่งเผ่าจิ้งจอกวิญญาณกับทายาทของนาง ก็ได้พูดคุยกันเป็นเวลานานจนดึกดื่นค่อนคืน
ทว่าสุดท้ายแล้วถูซื่อก็อดมิได้ที่จะเอ่ยกับถูสือซานว่า ต้องการจะยืมภาพจิ้งจอกเหินเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บภายในร่างกาย
ส่วนถูสือซานผู้มีจิตใจอันบริสุทธิ์ อีกทั้งยังรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของบรรพบุรุษท่านนี้มาโดยตลอด ย่อมยอมให้ถูซื่อยืมภาพไปใช้อย่างมิมีข้อแม้ใด ๆ
เพียงพริบตายามราตรีก็ผ่านพ้นไป
เช้าวันต่อมา
เมื่อราชันทมิฬเดินออกมาจากภายในถ้ำแห่งหนึ่ง
ปีศาจเผ่าจิ้งจอกวิญญาณก็เริ่มทยอยกลับมายังเขาดอกท้อกันแล้ว
เพียงแต่พวกเขาแต่ละคนล้วนหน้านิ่วคิ้วขมวด ราวกับสืบมิพบข่าวดีใด ๆ
ขณะเดียวกันถูซานเหยาผู้เป็นหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกวิญญาณ รวมทั้งผู้อาวุโสมากมายเองก็ทยอยเดินออกมาจากด้านในถ้ำเช่นเดียวกัน
มินานด้านในของเขาดอกท้อ
ก็มีลำแสงสีแดงสายหนึ่งเหาะมา