เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 323 เพียงเท่านี้ก็รู้แจ้งวิถีกระบี่ที่ไร้เทียมทานได้แล้วงั้นหรือ ?
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน
- ตอนที่ 323 เพียงเท่านี้ก็รู้แจ้งวิถีกระบี่ที่ไร้เทียมทานได้แล้วงั้นหรือ ?
ตอนที่ 323 เพียงเท่านี้ก็รู้แจ้งวิถีกระบี่ที่ไร้เทียมทานได้แล้วงั้นหรือ ?
สิ้นเสียงของเทพหลิว
เจ้าสำนักต้าหลัว หลัวชุนเฟิง ที่ก่อนหน้านี้ยังยกย่องชื่นชมเทพหลิวอยู่นั้น ก็รีบหมุนกายมาคำนับพร้อมกลับตอบว่า
“เรียนผู้อาวุโส เป็นทัณฑ์สวรรค์พิฆาตสายที่เจ็ดแล้วขอรับ”
เทพหลิวเพียงปรายตามองหลัวชุนเฟิงที่ยิ้มเต็มหน้า ด้วยสีหน้าเย็นชา
“หากต้องการขึ้นสวรรค์ ต้องผ่านการทดสอบทัณฑ์สวรรค์ทั้งหมด 9 สาย”
เทพหลิวเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ “หากต้องการผ่านทัณฑ์สวรรค์เจ็ดสายแรกให้ได้นั้น ความจริงแล้วมิได้ยากอะไร ขอเพียงมีตบะบารมีระดับมหายานขั้นสูงสุดก็พอแล้ว ทว่าทัณฑ์สวรรค์สองสายสุดท้ายนั้นต่างออกไป”
“ทัณฑ์สวรรค์สายที่แปดเป็นการทดสอบการรู้แจ้งมหามรรคา ส่วนทัณฑ์สวรรค์สายที่เก้านั้นเป็นการทดสอบจิตมรรคา และเรียกได้ว่าเป็นทัณฑ์สวรรค์พิฆาตอย่างแท้จริง ประมาทเพียงเล็กน้อยก็สามารถนำไปสู่หายนะได้”
ได้ยินเช่นนั้นพวกซีเหมินเหลยหู่ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะหันมองหน้ากันโดยมิรู้ตัว
‘สตรีที่สวมอาภรณ์สีเขียวและเป็นผู้ติดตามผู้อาวุโสเย่นางนี้ มีตบะบารมีระดับใดกัน ? ’
‘ถึงได้รู้เรื่องทัณฑ์สวรรค์อย่างทะลุปรุโปร่งเช่นนี้’
‘หรือว่านางจะเคยประสบกับทัณฑ์สวรรค์มาแล้ว ? ’
‘มิใช่กระมัง ! ’
‘หรือว่าผู้ติดตามข้างกายผู้อาวุโสเย่นางนี้ก็จะมาจากสวรรค์เช่นกัน ? ’
มิกี่อึดใจต่อมา
ตู๋กูชิงเฟิงก็ถอนสายตากลับมา ก่อนหันไปมองเทพหลิว
“หากมิมีสิ่งใดผิดพลาดล่ะก็ คราก่อนที่ท่านล้มเหลว คงจะเป็นเพราะมิสามารถผ่านทัณฑ์สวรรค์สายที่เก้าไปได้ใช่หรือไม่ ? ”
ตู๋กูชิงเฟิงเอ่ยถามขึ้นพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
เทพหลิวลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับ
เห็นเช่นนั้นพวกซีเหมินเหลยหู่ต่างก็ลอบสื่อสารกันทางสายตา จากนั้นก็พ่นลมหายใจออกมาน้อย ๆ มินานก็เหลือบมองเทพหลิวอีกครั้งด้วยสีหน้าหวาดหวั่น
แม้จะมิได้ลงมาจากสวรรค์ ทว่ากลับเคยประสบทัณฑ์สวรรค์พิฆาตทั้งเก้าสายมาแล้ว โดยที่ยังมิดับสูญไป และยังสามารถมายืนอยู่ตรงนี้ได้
แค่คิดก็รู้แล้วว่าพลังของสตรีที่สวมอาภรณ์เขียวนางนี้แก่กล้ามากเพียงใด !
ตอนนั้นเอง ตู๋กูชิงเฟิงก็ก้าวไปยืนข้างกายของเย่ฉางชิง
นางมองไปยังใบหน้าคมสันของเย่ฉางชิง ก่อนจะถามออกมาด้วยสีหน้าอ่อนโยน
“ฉางชิง เจ้าคิดว่าคนผู้นี้มีโอกาสผ่านการทดสอบมากน้อยเพียงใดงั้นหรือ ? ”
เมื่อสิ้นเสียง ยังมิทันที่เย่ฉางชิงจะทันได้ตอบอะไร
พวกซีเหมินเหลยหู่กลับมีสีหน้าเปลี่ยนไป ท่าทางของพวกเขาเต็มไปด้วยความสับสน
‘นางเรียกว่า ฉางชิง ! ’
‘เหตุใดจักรพรรดิมารตนนี้ ถึงพูดคุยอย่างสนิทสนมเช่นนี้ได้ ? ’
‘หรือว่ามิได้ถูกจองจำ แต่ทั้งสองมีความสัมพันธ์พิเศษบางอย่างต่อกัน ? ’
‘ใช่แล้ว ! ’
‘คงจะเป็นเช่นนั้น ! ’
‘เป็นไปได้มาก ! ’
‘แต่หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็เป็นไปได้สูงที่จะเป็นอย่างที่เจ้าสำนักไท่เสวียนคาดเดาเอาไว้ก่อนหน้านี้’
‘แต่นี่มันมิถูกต้อง ! ’
‘หากผู้อาวุโสเย่แปรพักตร์ไปอยู่ฝ่ายมารจริง เช่นนั้นเหตุใดฝ่ายมารที่ต้องทำลายค่ายกลรอบแดนต้องห้าม อย่างไร้สติเช่นนั้นด้วยเล่า’
คิดถึงตรงนี้ เหล่าผู้นำลัทธิเต๋าต่างก็มีสีหน้างุนงง
วินาทีต่อมา ขณะที่เหล่าผู้นำลัทธิเต๋ามองมาทางตู๋กูชิงเฟิงและเย่ฉางชิง ด้วยสีหน้างงงวยนั้น
หลังจากลังเลอยู่สักพัก เย่ฉางชิงก็มองออกไป พลางเอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า
“หากเขารู้แจ้งในสิ่งที่ข้าบอกเขาไปก่อนหน้านี้จริง ๆ คิดว่าวันนี้ก็คงมิน่ายากเกินไป”
ความจริงแล้ว ก่อนหน้านี้เย่ฉางชิงมิรู้จริง ๆ ว่า ผู้ที่เข้ารับการทดสอบจากสวรรค์ในวันนี้แท้จริงแล้วเป็นผู้ใดกันแน่
แต่เมื่อครู่จู่ ๆ เขาก็คิดถึงใครคนหนึ่งขึ้นมาได้
ซือถูเจิ้นผิง !
เพราะซือถูเจิ้นผิงผู้นี้เคยถามเขาว่า วิถีกระบี่คือสิ่งใด ?
และตอนนั้นเขาก็ได้ตอบกลับไปว่า หญ้าต้นเดียวก็ฟันตะวัน จันทรา และดวงดาวได้
อีกทั้งก่อนที่ซือถูเจิ้นผิงจะจากไป เขายังได้มอบภาพอักษรพู่กันให้อีกหนึ่งภาพด้วย
บัดนี้ซือถูเจิ้นผิงใกล้จะได้ขึ้นสวรรค์
หากสามารถทำให้วิถีกระบี่ถึงระดับที่หญ้าต้นเดียวก็ฟันตะวัน จันทรา และดวงดาวได้
เช่นนั้นแม้แต่ตะวัน จันทรา และดวงดาวยังฟันได้ แล้วจะนับประสาอะไรกับทัณฑ์สวรรค์แค่เก้าสาย ?
เช่นนั้นเย่ฉางชิงจึงค่อนข้างมั่นใจเป็นอย่างมาก
“ที่แท้เขาได้รับการชี้แนะจากเจ้า มิน่าเล่าก่อนหน้านี้เขาถึงได้รู้แจ้งในเจตจำนงที่แท้จริงของวิถีกระบี่ คุณสมบัติมิธรรมดาเลยจริง ๆ ”
ตู๋กูชิงเฟิงเอ่ยกับเย่ฉางชิงด้วยรอยยิ้ม
ทว่าดวงตาของเย่ฉางชิงกลับมีประกายสับสนบางอย่างแวบผ่าน ก่อนจะพยักหน้าให้อย่างจืดเจื่อน
‘เพราะได้รับคำแนะนำจากข้าถึงมีวันนี้ ? ’
‘ขอร้องล่ะ ! ’
‘ทว่าตัวข้าที่มีตบะบารมีเพียงระดับรวมชีพจรขั้นกลาง ไหนเลยจะสามารถชี้แนะผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงเช่นนี้ได้ ? ’
‘หากนั่นเรียกว่าคำชี้แนะจริง ๆ คำพูดนั้นของข้าก็เป็นเพียงคำพูดจุดประเด็นเท่านั้น’
‘ส่วนเรื่องการชี้แนะการบำเพ็ญเพียรอะไรนั่น ยังห่างชั้นอีกมาก’
ในตอนนั้นเอง หลังจากเสียงหวีดหวิวของสายลมดังขึ้นมา
ไกลสุดสายตา กลุ่มเมฆเกิดการพลุ่งพล่าน ลำแสงสีขาวพร่างพราวทะลุผ่านชั้นเมฆลงมา
จนเวลาผ่านไปได้มิกี่อึดใจ
สายฟ้าที่ทรงพลังสายหนึ่งก็ได้ทะลุผ่านเมฆสีครามที่ลอยต่ำ และเต็มไปด้วยเจตจำนงที่แท้จริงของวิถีกระบี่จำนวนมหาศาลก็พุ่งลงมาทันที
ทว่าขณะที่ทัณฑ์สวรรค์สายนี้ อยู่ห่างจากซือถูเจิ้นผิงอีกเพียงร้อยจั้งนั้น
สายฟ้าที่ทรงพลังสายนั้น ราวกับปะทะเข้ากับหินก้อนยักษ์ เกิดเป็นประกายไฟอันเจิดจ้ากระจายออกไปทั่วบริเวณ
วินาทีต่อมา ก็ปรากฏภาพสุดพิสดารขึ้น
ประกายไฟมากมายนับมิถ้วนที่กระจายออก พลันแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่โบราณมากมาย
บนกระบี่โบราณทุกเล่มจะมีเงากระบี่ไหลเวียน ประกายไฟปะทุขึ้น ไอกระบี่อันทรงพลังส่งเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวออกมาเป็นระยะ
ทันใดนั้น กระบี่โบราณมากมายที่ห่อหุ้มไอพลังอันน่าสะพรึงกลัว ก็พุ่งลงมาราวกับห่าฝน เกิดเป็นปรากฏการณ์ที่น่ากลัวยิ่งนัก
ซือถูเจิ้นผิงที่สวมชุดสีดำ ยังคงยืนอยู่กลางอากาศ ดวงตาปิดสนิท ท่าทางสงบนิ่ง
“เป็นดังที่ข้าคาดการณ์เอาไว้มิมีผิด ทัณฑ์สวรรค์แต่ละสายนั้นจะน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ”
“โดยเฉพาะทัณฑ์สวรรค์สายที่แปด เป็นกระบี่สายฟ้าที่เกิดจากการจำแลงร่างของเจตจำนงที่แท้จริงของวิถีกระบี่ เทียบกันแล้วยังน่ากลัวกว่าการโจมตีของทัณฑ์สวรรค์เจ็ดสายก่อนหน้านี้รวมกันเสียอีก”
“แต่ในเมื่อข้ากล้าที่จะอัญเชิญทัณฑ์สวรรค์พิฆาตในวันนี้ ย่อมต้องไตร่ตรองมาเป็นอย่างดีแล้ว”
ซือถูเจิ้นผิงแค่นเสียงเย็นออกมา พลังปราณรอบกายพลันปะทุขึ้นอย่างรุนแรง พลังมหาศาลกลุ่มหนึ่งพุ่งขึ้นไป
จากนั้นเขาก็ตวัดมือขึ้น
ขณะเดียวกันก็เพ่งสมาธิ หยิบภาพอักษรพู่กันที่เย่ฉางชิงเคยมอบให้เขาออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ
“พฤกษาห่อเหี่ยวใบไม้ร่วงโรย แม่น้ำแยงซีซัดสาด”
“จิตกระบี่สายธารา ไป ! ”
“สารทฤดูแสนเศร้าเมื่อไกลบ้าน โรครุมเร้าถาโถมคล้ายตอกย้ำ”
“จิตกระบี่ปลายสารทฤดู ไป ! ”
น้ำเสียงของซือถูเจิ้นผิงเรียบนิ่ง แต่กลับเปี่ยมไปด้วยพลัง ราวกับเสียงแห่งเต๋าที่ดังก้องไปทั่วท้องนภา
วินาทีต่อมา กระบี่โบราณมากมายที่ก่อนหน้านี้พุ่งลงมาราวกับห่าฝน และลอยวนอยู่รอบกายของซือถูเจิ้นผิง ก็เกิดสั่นขึ้นมาน้อย ๆ
เพียงเสี้ยววินาที ก็มีเจตจำนงที่แท้จริงของกระบี่สองชนิดที่หลอมรวมกันห่อหุ้มเอาไว้ จากนั้นก็ทะยานขึ้นฟ้าไปทันที
“เปรี้ยง ! ”
ทันใดนั้นบนศีรษะของซือถูเจิ้นผิงก็เกิดภาพที่ชวนตกตะลึงขึ้น เมื่อกระบี่โบราณมากมายปะทะเข้ากับกระบี่โบราณที่เกิดจากทัณฑ์สวรรค์ ก็เกิดระเบิดขึ้นมิหยุด
เพียงแต่มิกี่อึดใจต่อมา
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนศีรษะของซือถูเจิ้นผิง ทำให้ห้วงอากาศภายในรัศมีหมื่นจั้งเต็มไปด้วยความเสียหาย
ขณะเดียวกัน ยังปกคลุมเอาไว้ด้วยค่ายกลสังหารที่น่าสะพรึงกลัวมากมาย จนแทบจะกลายเป็นแดนต้องห้ามของโลกมนุษย์
แค่คิดก็รู้แล้วว่าทั้งหมดนี้น่าสะพรึงกลัวมากเพียงกัน !
ในเวลาเดียวกัน เมื่อประโยคจากกลอนปีนขึ้นที่สูง ดังขึ้นมาในหูของเย่ฉางชิง
เย่ฉางชิงก็มีท่าทีอึ้งไปเล็กน้อย
‘ที่แท้ซือถูเจิ้นผิงมิได้บรรลุถึงระดับ หญ้าต้นเดียวก็ฟันตะวัน จันทรา และดวงดาวได้’
‘ทว่ากลับรู้แจ้งวิถีกระบี่จากกลอน ปีนขึ้นที่สูง บทนั้น’
‘จิตกระบี่สายธารา ! ’
‘จิตกระบี่ปลายวสันต์ฤดู ! ’
‘มันคืออะไรกัน ! ’
‘เพียงเท่านี้ก็รู้แจ้งวิถีกระบี่ที่ไร้เทียมทานได้แล้วงั้นหรือ ? ’
‘หากเป็นเช่นนั้นจริง เช่นนั้นวันหนึ่งขอเพียงข้าหันมาบำเพ็ญเพียรวิถีกระบี่ มิเท่ากับจะพลิกฟ้าได้เลยเยี่ยงนั้นหรือ ? ’
คิดได้เช่นนั้น มุมปากของเย่ฉางชิงก็ปรากฏรอยยิ้มมีเลศนัยขึ้น
…………………………
จนเวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม
ในที่สุดซือถูเจิ้นผิงก็ผ่านทัณฑ์สวรรค์สายที่แปดไปได้สำเร็จ
ทว่าขณะที่ซือถูเจิ้นผิงที่มีใบหน้าซีดขาวและสูญเสียพลังไปอย่างมากนั้น กำลังจะฟื้นฟูพลังก่อนที่ทัณฑ์สวรรค์สายที่เก้าจะฟาดลงมานั้น
จู่ ๆ ทัณฑ์สวรรค์สายที่เก้ากลับฟาดลงมา โดยที่เขามิทันได้ตั้งตัว