เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 399 ข้าจะมิยอมอ่อนข้อเป็ นอันขาด
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาม
สตรีร่างอรชรนางนั้นก็ได้นาทางเย่ฉางชิงและชวี่เหวินเซี่ย มา
จนถึงลานประลองคัดเลือกของเมืองกระบี่สวรรค์ด้วยความคุ้นเคย
ณ ลานประลองคัดเลือก ที่นี่ตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองกระบี่
สวรรค์
เวทีลานประลองพื้นปูด้วยหินสีคราม และมีสิ่งก่อสร ้างเพียงมิกี่
อย่าง บริเวณโดยรอบสามารถมองออกไปจนสุดลูกหูลูกตา
มีเวทีที่เต็มไปด้วยร่องรอยของกาลเวลาอยู่หลายสิบแห่ง กระจัด
กระจายไปตามที่ต่าง ๆส่วนด้านล่างของเวทีแต่ละแห่งนั้น จะมีป้ ายทรงกระบี่ที่สูง
ตระหง่านและเต็มไปด้วยไอพลังลึกลับตั้งอยู่ ซึ่งป้ ายทรงกระบี่ที่ดู
โบราณ ถูกปกคลุมไปด้วยแสงจาง ๆ จึงท าให้มองเห็นมิชัดนัก
และในเวลานี้ตรงบริเวณด้านล่างของเวทีหลายสิบแห่ง ทั้ง
ด้านหน้าและด้านหลังของป้ ายทรงกระบี่ ได้มีผู้คนมายืนรวมตัวกัน
จนแน่นขนัด
เมื่อทอดมองออกไปแล้วเรียกได้ว่า เต็มไปด้วยผู้คนจนมืดฟ้ ามัว
ดิน ท าให้รู ้สึกกดดันเป็ นอย่างมาก
แม้จะเป็ นเพียงการประลองรอบแรกในเมืองกระบี่สวรรค์ แต่ภาพ
ที่เห็นแค่คิดก็รู ้แล้วว่าการแข่งขันนั้นจะน่ากลัวเพียงใด !
และในจานวนผู้คนมากมายเช่นนี้ ทว่าจะมีเพียงแค่ 300 คน
เท่านั้น ที่จะได้สิทธิ์ไปเข้าร่วมการทดสอบอื่น ๆ ที่นิกายกระบี่สวรรค์
ต่ออีกทั้งจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ แม้จะบอกว่ามีเพียง 300 คนที่
จะได้สิทธิ์ไปเข้าร่วมการทดสอบอื่น ๆ ที่นิกายกระบี่สวรรค์ได้ ทว่าใน
ความเป็ นจริงแล้ว จะมีผู้ที่สามารถผ่านทุกการทดสอบไปได้จริง ๆ
เหลือเพียงแค่ร ้อยว่าคนเท่านั้น
มิหนาซ้าจากจานวนคนร ้อยกว่าคนที่กล่าวมา ผู้ที่จะสามารถ
เข้าไปเป็ นศิษย์สายนอกของนิกายกระบี่สวรรค์ได้จริง ๆ กลับมีเพียง
สามสิบกว่าคนเท่านั้น ส่วนศิษย์ที่จะได้เข้าไปเป็ นศิษย์สายในของ
นิกายกระบี่สวรรค์นั้น กลับมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
ตามหลักแล้วการทดสอบเช่นนี้ ในแต่ละครั้งผู้ที่สามารถเข้าไป
เป็ นศิษย์สายในของนิกายกระบี่สวรรค์ได้ จะมีมิเกินสิบคนเสียด้วยซ้า
เพราะการคัดเลือกศิษย์สายในของนิกายกระบี่สวรรค์ ที่ผ่านมา
จะยึดมั่นในหลักการ และเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ หรือกล่าวอีก
นัยหนึ่งก็คือต่อให้จะผ่านการทดสอบต่าง ๆ นานาไปได้ แต่หากมิได้
รับการยอมรับจากผู้อาวุโสมากมายในส านัก ก็มิอาจจะเข้าไปเป็ น
ศิษย์สายในได้อยู่ดียิ่งไปกว่านั้นก็คือในบรรดาศิษย์ที่ผ่านการทดสอบในปี นั้น ๆ
อาจมิมีผู้ใดที่สามารถเข้าไปเป็ นศิษย์สายในของนิกายกระบี่สวรรค์
ได้เลย อีกทั้งนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ มิได้
เกิดขึ้นแค่ครั้งสองครั้งอีกด้วย
ตอนนั้นเอง หลังจากที่เย่ฉางชิงและชวี่เหวินเซี่ยปรากฏตัวขึ้น
ลานประลองขนาดใหญ่พลันเกิดความโกลาหลขึ้นมา โดยเฉพาะ
ศิษย์หญิงของสานักต่าง ๆ เมื่อได้เห็นเย่ฉางชิงที่มีใบหน้าหล่อเหลา
ดุจหยก และลักษณะท่าทางที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะก้าวเข้าสู่ระดับ
สร ้างรากฐานปราณขั้นสุดท้าย
พวกนางต่างก็มีแววตาเป็ นประกาย บ้างก็ตะลึงจนอ้าปากค้าง
ท่าทางเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
“ศิษย์พี่ ศิษย์พี่ ท่านดูคนผู้นั้นสิเจ้าคะ ช่างหล่อเหลาจนมิอาจหา
ผู้ใดมาเปรียบได้จริง ๆ เขามาเข้าร่วมการทดสอบจริง ๆ หรือเจ้าคะ ?
”“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าต้องสงวนท่าทีบ้าง โหวกเหวกโวยวายเช่นนี้
ใช ้ได้ที่ไหนกัน ! ”
“ศิษย์พี่ ท่านหันไปมองก่อนแล้วค่อยพูดเถอะเจ้าค่ะ ! ”
“หืม ? อืม ! บ้า… จริง คนผู้นี้เป็ นผู้ใดกันแน่ เหตุใดถึงได้รูปงาม
เพียงนี้ มิหนาซ้าท่าทางก็ยังโดดเด่นมากอีกด้วย”
“ศิษย์พี่ ท่านก็ตกตะลึงเหมือนกันใช่หรือไม่เจ้าคะ ? ”
“ศิษย์น้องเล็ก แค่ตกตะลึงอันใดกัน ตอนนี้เรียกว่าข้ากาลังจะ
ละลายแล้ว”
“ศิษย์พี่ ข้ามองแวบแรกก็ละลายเช่นกันเจ้าค่ะ อีกอย่างข้าคิดว่า
คนผู้นี้มิได้มาเพื่อเข้าร่วมการทดสอบหรอกเจ้าค่ะ ! ”
“ศิษย์น้องเล็ก เหตุใดเจ้าถึงคิดเช่นนั้น ? ”“ศิษย์พี่ ท่านคงจะมิทราบ ว่ากันว่าศิษย์เอกของนิกายกระบี่
สวรรค์ผู้นั้น มิเพียงมีพรสวรรค์สูงส่งที่หาได้ยากยิ่ง อีกทั้งยังมีใบหน้า
ที่หล่อเหลา ลักษณะท่าทางก็โดดเด่นด้วยนะเจ้าคะ”
“เช่นนั้นข้าจึงสงสัยว่าคนผู้นี้ มีความเป็ นไปได้ว่าจะเป็ นศิษย์เอก
ของนิกายกระบี่สวรรค์ผู้นั้นเจ้าค่ะ”
“เป็ นไปได้ แม้ค่ายกลของเมืองกระบี่สวรรค์จะสะกดตบะบารมี
ของพวกเราเอาไว้ แต่ดูจากลักษณะท่าทางที่โดดเด่นเช่นนี้ ก็พอจะ
ยืนยันได้แล้วว่าคนผู้นี้หาใช่คนธรรมดาไม่”
“……”
“……”
ทว่าระหว่างที่ศิษย์หญิงของสานักต่าง ๆ กาลังวิพากษ์วิจารณ์กัน
อยู่นั้น เย่ฉางชิงก็ได้กลายเป็ นศัตรูของศิษย์ชายสานักต่าง ๆ ไปโดย
มิรู ้ตัวพวกเขาแต่ล้วนมีขอบตาแดงก่า เส้นเลือดบนขมับปูดโปนจน
เต้นตุ๊บ ๆ เพราะรู ้สึกแค้นเคืองอย่างมากโดยเฉพาะเมื่อเหลือบมอง
บรรดาศิษย์หญิงที่อยู่ข้างกาย ทาให้สายตาที่มองเย่ฉางชิงจึงเต็มไป
ด้วยไอสังหารภายในพริบตา ราวกับมีความแค้นฝังลึกกันมาก่อน
“ต้องยอมรับว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้มีหน้าตาหล่อเหลามิธรรมดาจริง ๆ
โดยเฉพาะลักษณะท่าทางอันโดดเด่นที่แผ่ออกมานั่น ! ”
“ทว่าเส้นทางการบาเพ็ญเพียรนั้นมิได้ขึ้นอยู่ที่รูปโฉม แต่วัดกัน
ที่คุณสมบัติในการฝึกเซียน การรู ้แจ้งต่างหากเล่า ! ”
“ทุกท่าน มิว่าจะเพื่อศิษย์พี่หรือศิษย์น้องของพวกท่าน ในการ
ประลองต่อจากนี้ หากได้ประมือกับคนผู้นี้ ห้ามยั้งมือโดยเด็ดขาด”
“ใช่แล้ว เมื่อพบคนผู้นี้ห้ามยั้งมือเด็ดขาด โดยเฉพาะใบหน้า
หล่อเหลานั่น ต่อยให้เยินไปเลยยิ่งดี”
“พี่ชายท่านนี้พูดได้ถูกต้องแล้ว หากผู้ใดต้องประมือกับคนผู้นี้ก็
จัดการให้เละได้เลย ให้เหล่าศิษย์พี่หญิงและศิษย์น้องหญิงได้รู ้ว่าเส้นทางการบาเพ็ญเพียรนั้นวัดกันที่ความสามารถและคุณสมบัติ หา
ใช่หน้าตาไม่”
“เจ้าหนุ่มคนนี้ช่างชั่วร ้ายยิ่งนัก เดิมทีศิษย์น้องสวี่ก็มิได้พึงพอใจ
ในรูปลักษณ์ของข้าอยู่แล้ว และเพราะการปรากฏตัวของเขา คิดว่า
ข้าคงมิมีโอกาสอีกแล้ว ! ”
“……”
“……”
ขณะเดียวกัน เย่ฉางชิงเองก็สังเกตได้ถึงสายตาแปลก ๆ ที่ทุก
คนส่งมา
บรรดาศิษย์หญิงต่างมีแววตาเป็ นประกาย เล่นหูเล่นตา และเมื่อ
เขาบังเอิญไปสบตากับอีกฝ่ าย ก็จะมีใบหน้าแดงเรื่อขึ้นมาทันที
พร ้อมกับมีท่าทางเอียงอาย ส่วนเหล่าศิษย์ชายนั้น กลับมีดวงตาวาว
โรจน์ ใบหน้าถมึงทึง ราวกับมีความแค้นฝังลึกกันมาก่อนก็มิปาน‘นี่มันเรื่องอันใดกัน ! ’
‘ข้าเพียงแค่มาเข้าร่วมกันการประลองเท่านั้น มิได้มีความแค้นใด
ๆ กับพวกเจ้านี่นา ? ’
หลังจากนิ่งเงียบอยู่สักพัก เย่ฉางชิงจึงเอ่ยถามชวี่เหวินเซี่ยที่อยู่
ข้างกายเบา ๆ ว่า “ศิษย์พี่ชวี่ พวกเขาเป็ นอันใดกันงั้นหรือขอรับ ? ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชวี่เหวินเซี่ยก็กวาดตามองสายตาแปลก ๆ
รอบกาย พลันอดมิได้ที่จะหัวเราะออกมา
“ศิษย์น้องเย่ เจ้าคิดว่าเยี่ยงไรเล่า ? ”
ชวี่เหวินเซี่ยหันไปเอ่ยกับเย่ฉางชิงอย่างหยอกล้อ
“เอ่อ… เหล่าสตรีพวกนี้ พวกนางคงตกตะลึงในรูปโฉมของข้า”เย่ฉางชิงขมวดคิ้วน้อย ๆ พลางเอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “ส่วนบรรดา
ศิษย์ชายเหล่านั้น ข้ามิค่อยเข้าใจจริง ๆ เพราะข้าก็มิเคยมีเรื่อง
บาดหมางกับพวกเขามาก่อนเลยนะขอรับ”
หลังได้ยินคากล่าวนี้ ชวี่เหวินเซี่ยก็หัวเราะร่วนออกมา ก่อนจะ
ถามกลับไป “ศิษย์น้องเย่ เจ้ายังจาได้หรือไม่ว่าก่อนหน้านี้ข้าบอกอัน
ใดกับเจ้า ? ”
เย่ฉางชิงส่ายหน้าเล็กน้อย
“ในนิกายกระบี่สวรรค์มิว่าจะเป็ นศิษย์ในสานักหรือศิษย์นอก
ส านัก ศิษย์ชายหญิงสามารถผูกคู่ชะตาบ าเพ็ญเพียรได้”
ชวี่เหวินเซี่ยจึงหัวเราะออกมาอีกครา “อีกทั้งบรรดาศิษย์ที่มาเข้า
ร่วมการทดสอบ ส่วนมากล้วนมาจากสานักเดียวกัน เช่นนั้นจึงมีใจ
ผูกสมัครรักใคร่กันมาก่อนแล้ว บางคู่ถึงขนาดแอบตกลงกันเอาไว้
นานแล้ว ว่าหากเข้านิกายกระบี่สวรรค์ได้สาเร็จ พวกเขาจะผูกเป็ นคู่
ชะตาบ าเพ็ญเพียรของกันและกัน”“แต่การปรากฏตัวของเจ้ากลับทาให้ศิษย์หญิงเหล่านั้นเกิด
หวั่นไหวขึ้นมา”
กล่าวถึงตรงนี้ชวี่เหวินเซี่ยก็แสร ้งยักคิ้วหลิ่วตาพลางเอ่ยว่า
“ศิษย์น้องเย่ เจ้าสังเกตหรือไม่ว่า หลังจากที่เจ้าก้าวเข้าสู่ระดับสร ้าง
รากฐานปราณขั้นสุดท้าย ใบหน้าและลักษณะท่าทางของเจ้าก็
เปลี่ยนแปลงไป เจ้าดูมีสง่าราศีมากกว่าเดิมหลายเท่า”
“เจ้าในตอนนี้จึงเป็ นตัวดึงดูดหายนะโดยแท้ มิเพียงเท่านั้น
หลังจากเจ้าผ่านการทดสอบและเข้าไปในนิกายกระบี่สวรรค์แล้ว
จะต้องสร ้างความโกลาหลคราใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน”
เย่ฉางชิง “……”
เย่ฉางชิงเองก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้ แต่เขาเองก็จนปัญญาเช่นกัน
!
‘ข้ามีใบหน้าหล่อเหลา อีกทั้งลักษณะท่าทางสง่างามเช่นนี้ก็มี
ตั้งแต่กาเนิด เรื่องนี้มิใช่ความผิดของข้านี่นา ! ’‘หรือว่า… หรือว่าเพราะข้านั้นหล่อเหลาเกินไป จึงต้องทาลาย
ใบหน้าของตัวเองเสีย เพื่อลดความแตกต่างกับผู้อื่นเยี่ยงนั้นหรือ ? ’
‘ช่างงี่เง่าสิ้นดี ! ’
หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก เย่ฉางชิงก็มิเก็บเรื่องนี้มาใส่ใจอีก !
บัดนี้เขาฝึ กเคล็ดเทพปี ศาจโบราณสาเร็จแล้ว ภาพกระบี่ไร ้
สิ้นสุดก็รู ้แจ้งไปเกินครึ่ง ยิ่งกว่านั้นยังบาเพ็ญเพียรจนสามารถบรรลุ
ถึงระดับสร ้างรากฐานปราณขั้นสุดท้ายแล้ว เช่นนั้นพลังของเขาจึงมิ
อาจดูถูกได้อีกแล้ว
อีกทั้งข้างกายยังมีศิษย์พี่ชวี่ที่มาจากสานักเซียนลึกลับอยู่ด้วย
ทั้งคน เช่นนั้นต่อให้จะมีศัตรูบุกเข้ามามากมายเพียงใด หากเขา
รับมือมิไหว เชื่อว่าพี่ชวี่จะมิมีทางนิ่งดูดายอย่างแน่นอน
อีกอย่างนักพรตชิงอวิ๋นก็เคยกล่าวเอาไว้ ‘เส้นทางการบาเพ็ญ
เพียรจะต้องมีจิตใจที่ไร ้พ่าย’ มิเช่นนั้นหากถอยหนึ่งก้าวก็ต้องถอยไปเรื่อย ๆ เช่นนั้นเขาจะมิมีทางยอมแพ้เพียงเพราะจานวนของศัตรูอย่าง
แน่นอน และยิ่งจะต้องฝ่าฟันไปให้ได้
“สูด ! ”
เมื่อคิดได้เช่นนั้นเย่ฉางชิงจึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเอ่ยกับ
ตนเองว่า “จงทาในสิ่งที่ใจปรารถนา อย่าได้กลัวว่าจะเป็ นหรือตาย
ข้าจะมิยอมอ่อนข้อเป็ นอันขาด”
ตอนนั้นเอง เสียงก้องกังวานทว่าเย่อหยิ่งเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ผู้น้อยหม่าเป่ ากั้ว ศิษย์สานักสิงหยุนแห่งเขาหัวพยัคฆ์ ขอท้า
ประลอง ! ”
ทันทีที่สิ้นเสียงทุกคนในที่นั้นต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ท่าทางเต็ม
ไปด้วยความตื่นตระหนก
ก่อนที่ทุกคนจะหันไปมอง