เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 415 เหตุใดเขาถึงได้สูงส่งถึงเพียงนี้
“มิยุติธรรม พวกเราขอค้าน ! ”
“การทดสอบที่ผ่านมา เพียงแค่ขึ้นบันไดเมฆาถึง 50 ขั้นก็นับว่า
ผ่านการทดสอบทั้งหมดของนิกายกระบี่สวรรค์แล้ว จากนั้นก็จะได้
เป็ นศิษย์สายในทันที ! ”
“บัดนี้พอการทดสอบแดนมายาเกิดปัญหา กลับมาบอกว่าผู้ที่
ขึ้นบันไดเมฆาถึง 50 ขั้น ถึงจะมีสิทธิ์บาเพ็ญเพียรที่สานักนอก นี่มัน
เรื่องอันใดกัน ! ”
“ทุกคนต่างก็รู ้ดีว่าการทดสอบบันไดเมฆานั้นยากยิ่งกว่าการ
ทดสอบแดนมายาหลายเท่า บัดนี้หากใช ้กฎในการคัดเลือกเช่นนี้
เห็นได้ชัดว่าต้องการบีบให้พวกเราเข้าเป็ นศิษย์สายนอกเท่านั้น ! ”
“……”“……”
ทันทีที่ได้ฟังกฎใหม่ที่ซ่งจืออวี่เพิ่งประกาศออกมา ทาให้ตอนนี้
มิได้มีเพียงศิษย์ที่มีนิสัยดื้อรั้นมิกี่คนที่ออกมายืนคัดค้านเหมือนใน
ตอนแรก แต่คนส่วนใหญ่เองก็รู ้สึกมิพอใจและส่งเสียงคัดค้านด้วย
เช่นกันเพราะการทดสอบแดนมายาเป็ นการทดสอบเรื่องการขัดเกลา
จิตใจ ส่วนการทดสอบบันไดเมฆนั้นจะต่างออกไป
เท่าที่พวกเขารู ้มานั้น เหตุที่เรียกว่าการทดสอบบันไดเมฆา ก็
เป็ นไปดังชื่อ
โดยจานวนขั้นบันไดที่พวกเขาสามารถขึ้นไปได้ จะเป็ นตัว
ตัดสินว่าจะสามารถผ่านการทดสอบหรือไม่
แต่การทดสอบแดนเมฆาหาได้ง่ายดายดังเช่นที่คิดไม่ เพราะ
ขณะที่ขึ้นบันไดเมฆานั้น ทุกครั้งที่ก้าวขึ้นบันได แรงกดดันของ
บันไดขั้นต่อไปจะเพิ่มขึ้นเป็ นทวีคูณหากต้องการขึ้นบันไดเมฆาให้ได้ 50 ขั้น เพื่อผ่านการทดสอบ
ในหัวข้อที่สอง มิเพียงต้องรับแรงกดดันที่คาดมิถึงแล้ว ยังต้องเอา
ความสามารถทั้งหมดที่มีออกมาใช ้เพื่อผ่านด่านนี้ไปให้ได้
ขณะเดียวกันเมื่อศักยภาพของแต่ละคน ถูกเค้นออกมาจน
หมดแล้ว ผู้อาวุโสของนิกายกระบี่สวรรค์ที่จับตามองอยู่นั้น จะเป็ น
คนตัดสินใจว่าศิษย์คนนั้น จะสามารถเข้าเป็ นศิษย์สายในได้หรือไม่
หากผู้อาวุโสในนิกายมิเลือก ต่อให้ศิษย์ผู้นั้นจะผ่านการทดสอบ ก็
ยังคงเป็ นได้เพียงศิษย์สายนอกเท่านั้น
ทว่าครั้งนี้กลับต่างออกไป เพราะกฎการทดสอบของนิกายกระบี่
สวรรค์มีการเปลี่ยนแปลง
เพราะต้องขึ้นบันไดเมฆาได้ถึง 50 ขั้น จึงจะได้เข้าเป็ นศิษย์สาย
นอก และหากต้องการเป็ นศิษย์สายใน จะต้องขึ้นบันไดเมฆาให้ได้
60 ขั้น
บันไดเมฆา 60 ขั้น !นี่มันยากมากจริง ๆ เรียกได้ว่าแทบจะเป็ นไปมิได้ และคงมิมีผู้ใด
ที่จะสามารถทาได้อย่างแน่นอน !
แค่คิดก็รู ้แล้วว่าเวลานี้ภายในใจของทุกคนนั้น จะรู ้สึกโมโหและ
เกรี้ยวกราดมากเพียงใด !
ทาเช่นนี้เท่ากับว่ามิเปิดโอกาสให้กับพวกเขาตั้งแต่แรกแล้ว !
“ท่านพี่เย่ นิกายกระบี่สวรรค์ทาเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ามิต้องการให้
พวกเราเข้าเป็ นศิษย์ของนิกายกระบี่สวรรค์แต่แรกอยู่แล้ว ! ”
“ท่านพี่เย่ ต่อไปพวกเราควรทาเช่นไรดี ! ”
“ฮือ ๆ ๆ ๆ ……”
ทันใดนั้น ศิษย์หญิงกลุ่มหนึ่งที่ห้อมล้อมเย่ฉางชิงต่างก็มีสีหน้า
ร ้อนรน บางคนถึงขนาดร ้องไห้ออกมาเย่ฉางชิงเองก็ได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ ยืนทาอันใดมิถูกอยู่เยี่ยง
นั้น
‘ที่เรียกวว่าการทดสอบบันไดเมฆา คงจะเป็ นการเดินขึ้นบันได
กระมัง ? ’
‘มันยากมากเลยงั้นหรือ ? ’
‘แต่ทาไมข้ารู ้สึกมิมั่นใจเลย ! ’
มินาน ระหว่างที่เย่ฉางชิงกาลังกลัดกลุ้มใจอยู่นั้น
แววตาของชวี่เหวินเซี่ยก็มีประกายเจ้าเล่ห์พาดผ่าน ก่อนจะเอ่ย
กับบรรดาศิษย์หญิงที่ร ้องไห้คร่าครวญว่า
“พวกเจ้าก็มิต้องกังวลไป ขอเพียงเดินใกล้ ๆ ศิษย์น้องเย่เอาไว้
เชื่อว่าการทดสอบบันไดเมฆาครั้งนี้ ก็คงมิยากเท่าไรนัก”ทันทีที่สิ้นเสียง บรรดาศิษย์หญิงก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนจะ
สบตากันเล็กน้อย
“ท่านพี่เย่ ท่านทาได้จริง ๆ หรือเจ้าคะ ? ”
“ท่านพี่เย่ ถ้าอยู่ข้างกายท่านจะสามารถผ่านการทดสอบบันได
เมฆาได้จริง ๆ หรือเจ้าคะ ? ”
“ท่านพี่เย่ ขอเพียงท่านสามารถทาให้พวกเรา ผ่านการทดสอบ
บันไดเมฆาไปได้อย่างราบรื่น ภายภาคหน้าข้าจะยอมเป็ นสาวใช ้ของ
ท่านเลยเจ้าค่ะ”
“ท่านพี่เย่ ข้าเองก็สามารถมีลูกให้ท่านได้นะเจ้าคะ ! ”
“……”
“……”เมื่อต้องเผชิญกับสายตาที่ร ้อนแรงของทุกคน เย่ฉางชิงถึงกับ
เม้มริมฝีปากแน่น พลางมองชวี่เหวินเซี่ยด้วยสายตามิพอใจ
“ศิษย์พี่ชวี่ ครั้งนี้ท่านล้อข้าเล่นแรงเกินไปแล้วกระมัง ? ”
เย่ฉางชิงกดเสียงต่าระหว่างเอ่ยกับชวี่เหวินเซี่ย “ข้ามิรู ้อันใด
เกี่ยวกับบันไดเมฆานี่เลย แล้วจะพาพวกนางผ่านการทดสอบไปด้วย
ได้เยี่ยงไรกันขอรับ ? ”
“ศิษย์น้องเย่ เรื่องนี้เจ้ามิต้องกังวลไป”
ชวี่เหวินเซี่ยเอ่ยขึ้นอย่างมีเลศนัย “และการที่พวกนางจะสามารถ
ผ่านการทดสอบได้หรือไม่ เจ้าปล่อยให้เป็ นหน้าที่ของข้าเอง”
ความจริงแล้วชวี่เหวินเซี่ยมิได้มีวิธี หรือความสามารถใดๆ ที่จะ
ช่วยเหลือพวกนางในการทดสอบบันไดเมฆานี่แม้แต่น้อย แต่เยี่ยงไร
ซะนี่ก็ถือเป็ นการทดสอบศิษย์ของนิกายกระบี่สวรรค์ 1 ใน 4 ส านัก
เซียนใหญ่แห่งหลิงโจว ยิ่งกว่าไปนั้นยังมีพวกตาเฒ่าคอยจับตาดูอยู่
หากเล่นตุกติกแม้เพียงนิดเดียว จะต้องถูกจับได้อย่างแน่นอนทว่านางมองว่าด้วยตัวตนที่แท้จริงของเย่ฉางชิงที่น่ากลัวถึงเพียง
นั้น และการทดสอบบันไดเมฆาก็จะใช ้ค่ายกลปล่อยพลังออกมา
กดดัน เพื่อกระตุ้นศักยภาพของคน ๆ หนึ่งออกมา เช่นนั้นระหว่าง
การทดสอบ ขณะที่ค่ายกลปล่อยพลังกดดันเย่ฉางชิงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ถึงตอนนั้นก็จะสามารถยืนยันการคาดเดาของนางก่อนหน้านี้ได้
และก่อนหน้านี้นางยังสัมผัสได้อีกว่า ศิษย์สายในผู้รับผิดชอบ
การทดสอบในครั้งนี้ มองเย่ฉางชิงด้วยสายตามิเป็ นมิตร เหมือนกับ
จงใจที่จะกลั่นแกล้งเย่ฉางชิงเยี่ยงไรเยี่ยงนั้น ดังนั้นนางจะต้องก่อ
ความวุ่นวายในการทดสอบบันไดเมฆานี้เสียหน่อย
หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก เย่ฉางชิงก็เอ่ยขึ้นอย่างมิอยากจะเชื่อ
เท่าไรนัก “ศิษย์พี่ชวี่ จริงหรือขอรับ ? ”
ชวี่เหวินเซี่ยตอบกลับอย่างมั่นใจว่า “ศิษย์น้อยเย่ ข้าเคยโกหก
เจ้าตั้งแต่เมื่อไรกัน ? ”เย่ฉางชิงเหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบพยักหน้ารับด้วย
รอยยิ้ม “ศิษย์พี่ ข้าทราบแล้วขอรับ”
‘ศิษย์พี่ชวี่มีที่มาที่ไปมิธรรมดา ! ’
‘นางเป็ นถึงยอดสตรีที่บาเพ็ญเพียรมานาน’
‘และนางยังได้บ าเพ็ญเพียรอยู่ในส านักเซียนลึกลับอย่างส านัก
ชิงหยางอีกด้วย เช่นนี้นางจะต้องมีสุดยอดของวิเศษติดกายหลายชิ้น
อย่างแน่นอน’
‘แต่เหตุใดศิษย์พี่ชวี่ต้องทาเช่นนี้ด้วยเล่า ? ’
‘หรือนางต้องการให้ข้ากลายเป็ นผู้โดดเด่นระหว่างการทดสอบ
จนเป็ นที่สนใจของผู้อาวุโสในนิกายกระบี่สวรรค์ ? ’
‘อืม ! ’‘คงเป็ นเช่นนี้ ! ’
‘มิใช่สิ ! ’
‘ต้องเป็ นเช่นนี้แน่ ! ’
‘ศิษย์พี่ชวี่ช่างรอบคอบยิ่งนัก ! ’
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เย่ฉางชิงก็หันไปสบตากับชวี่เหวินเซี่ยด้วยแวว
ตาซาบซึ้ง ก่อนจะหันไปทางบรรดาศิษย์หญิง พร ้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
มั่นใจ
“ทุกท่าน เมื่อการทดสอบเริ่มแล้ว ให้พวกเจ้าก็เดินตามข้าไป”
ทันทีที่สิ้นเสียง เหล่าศิษย์หญิงที่มีใบหน้างดงามแต่ละนางก็เผย
รอยยิ้มยินดีออกมา แววตาที่มองเย่ฉางชิงเต็มไปด้วยประกาย
ระยิบระยับ ส่วนเย่ฉางชิงก็ส่งรอยยิ้มที่มั่นใจและสงบนิ่งกลับเช่นนี้ !หรือเขาจะสามารถพาพวกเราผ่านการทดสอบบันไดเมฆาไปได้
จริง ๆ น่ะหรือ ?
บุรุษที่สุภาพอ่อนโยนและมีพรสวรรค์สูงล้า เหตุใดต้องให้พวก
เราพานพบกับเขาด้วย !
แท้จริงแล้วนี่เป็ นวาสนาที่สวรรค์ประทานให้แก่พวกเรา หรือเป็ น
การลงโทษพวกเราอยู่กันแน่ ?
เหตุใดเขาถึงได้สูงส่งถึงเพียงนี้ !
……
……
ทางด้านซ่งจืออวี่ที่เผชิญหน้ากับศิษย์ของสานักต่างๆ ที่มิพอใจ
อยู่นั้น กลับมิได้แยแสใด ๆ เพียงแค่เอ่ยเรียบ ๆ ออกมาว่า “ที่นี่พวกเจ้ามิมีสิทธิ์ออกความคิดเห็น เลือกได้เพียงจะจากไปหรืออยู่ต่อ
เท่านั้น”
จากนั้นซ่งจืออวี่ก็พาบุรุษที่สวมชุดดาลายเมฆากลุ่มหนึ่ง เดิน
ผ่านประตูอันสูงตระหง่าน และเต็มไปด้วยร่องรอยของกาลเวลาบาน
นั้น เพื่อเตรียมเริ่มการทดสอบในหัวข้อที่สองทันที
ทันใดนั้น นอกจากพวกเย่ฉางชิงแล้ว ศิษย์ของสานักต่าง ๆ ที่
เหลือกลับมีใบหน้าแดงก่า ท่าทางเต็มไปด้วยความเดือดดาลและจน
ปัญญา เพราะพวกเขาต่างก็เป็ นอัจฉริยะในการฝึกเซียนของส านัก
ของตนเอง
ทว่าบัดนี้เมื่อมาเข้าร่วมการทดสอบที่นี่ กลับถูกคนดูถูกถึงเพียง
นี้ ภายในใจย่อมเต็มไปด้วยความโมโห
“เฮ้อ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คงทาได้เพียงเข้าร่วมการทดสอบ
บันไดเมฆานั่นสินะ”“ใช่แล้ว หากจากไปตอนนี้ มิแน่นิกายกระบี่สวรรค์อาจจะลงโทษ
ส านักของพวกเราก็ได้”
“ช่างเถอะ ในเมื่อมาแล้วเช่นนั้นก็ต้องเดินขึ้นไปดูสักครั้ง”
“แต่หากการทดสอบบันไดเมฆาเกิดปัญหาขึ้นอีก เช่นนั้นก็คงจะ
ดีมิน้อย ! ”
“……”
“……”