เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 426 ที่แท้เธอคือแชมป์เปี้ยน
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่ 426 ที่แท้เธอคือแชมป์เปี้ยน
บทที่ 426 ที่แท้เธอคือแชมป์เปี้ยน
“ประมาณนั้นเถอะ ขอเพียงแค่แรงบันดาลใจของเธอมาแล้ว ก็ไม่อยากให้คนอื่นไปรบกวน ดังนั้นจึงได้นำตัวเองปิดขึ้นมา หลังจากนั้นก็วาดรูป”
เลิงเยาเยามักรู้สึกว่าดูเหมือนว่าตัวเองได้ขาดอะไรไปสักหน่อย หลังจากที่พวกเขาได้รับเงินไปแล้ว ก็รู้ว่าหลังจากที่ได้รู้จักกับหานมู่จื่อก็ไม่ได้มีความสนใจอะไรต่อเธอนัก เพราะได้คิดว่าเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่อาศัยผู้ชาย
แต่ว่าตอนนี้ดูแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เช่นนั้น
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เลิงเยาเยาก็ได้ถาม: “ก่อนหน้านี้ตอนที่หล่อนอยู่ต่างประเทศคือเรียกว่า?”
“พวกเธอหมายความว่าอะไรล่ะ? มาที่บริษัทก็เป็นเวลานานแล้วเถอะ คาดไม่ถึงว่าจะยังไม่รู้จักชื่อของหล่อน”
“ดังนั้นจึงได้ถามเธอไง รีบบอกฉัน”
“Shelly”
จางเสี่ยวเหยียนได้ตอบกลับไปประโยคหนึ่งอย่างมีความรำคาญอยู่บ้าง
Shelly? ชื่อนี้เมื่อได้ยินขึ้นมา ดูเหมือนว่าจะมีความคุ้นเคยเช่นนั้นอยู่หน่อย
ด้วยเหตุนี้เลิงเยาเยาก็ไม่ได้พูดคุยกับจางเสี่ยวเหยียนอีก และได้ขึ้นลิฟต์กลับไปที่ห้องทำงาน หลังจากนั้นก็ได้นั่งลงมาอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์แล้ว
หวังอานเห็นถึงเธอจึงได้หันตัวเข้ามา: “เป็นยังไงบ้าง? หล่อนยังคงไม่ออกมา?”
“ไสหัวไป อย่าทำให้ฉันรำคาญ” เลิงเยาเยาถลึงตาใส่หวังอานไปทีหนึ่ง หลังจากนั้นก็ได้เปิดเครื่องมือการค้นหาออกมา และได้ป้อนชื่อภาษาอังกฤษของหานมู่จื่อเข้าสู่ด้านใน
“Shelly? เธอไป่ตู้คนนี้ทำไม?” หวังอานถูกเธอส่งเสียงให้ไสหัวไป ก็ไม่โกรธ และยังคงได้เข้าใกล้ดูคอมพิวเตอร์ของเธอเข้ามาอีก
ไม่ไป่ตู้ก็ไม่รู้ เมื่อได้ไป่ตู้ เลิงเยาเยาก็ได้ตื่นตกใจไปตรงๆแล้ว และมองความสำเร็จที่เด่นชัดในอดีตของคนนี้ที่เรียกว่าShellyด้วยความประหลาดใจ
เป็นแบบนี้ได้ยังไง? นิ้วมือของเลิงเยาเยาได้เลื่อนไถลลงไปทางด้านล่างอย่างรวดเร็ว ความสำเร็จแต่ละอันได้ลอยปรากฏออกมา ก็แม้แต่หวังอานที่อยู่ตรงด้านหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะถลึงตาโตแล้ว
“เชี้ย นี่คือใครล่ะ? ทำไมถึงได้ยอดเยี่ยมเช่นนี้?”
“เกิดอะไรขึ้นล่ะ?” เมื่อคนอื่นเห็นถึงเลิงเยาเยาพูด และก็ได้รีบเข้ามาดูแล้วแวบหนึ่ง
“รางวัลดอกบัว นี่เป็นรางวัลที่ใหญ่ที่สุดของต่างประเทศ คาดไม่ถึงว่าคนนี้ที่เรียกว่าShellyได้กุมตำแหน่งแชมป์เปี้ยนแล้ว”
“ว้าว การออกแบบผลงานชิ้นนี้ดีมาก Shellyคนนี้คือใครล่ะ? เยาเยา เธอไป่ตู้ค้นหาเธอทำไม?”
มือที่เลิงเยาเยาได้กุมเมาส์ไว้ก็ได้มีความสั่นระริกขึ้นมาอยู่บ้าง ริมฝีปากของเธอได้ขยับแล้วขยับอีก ในที่สุดสุดท้ายแล้วก็คือคำพูดประโยคหนึ่งก็ล้วนพูดไม่ออกมา
ตั้งแต่เริ่มต้น พวกเขาคนพวกนี้ก็ได้ประเมินผู้หญิงคนนั้นต่ำไปแล้ว
เพราะว่าจิตใต้สำนึกของทุกคนก็คิดว่าเธอคือคนรุ่นหลังที่ไร้ชื่อ ดังนั้นแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ไปตรวจสอบเบื้องหลังของเธอ ทำเพียงเธอเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งไกลจนกระทั่งคิดว่าแม้แต่การออกแบบเธอก็คือทำไม่เป็น
แต่ภายหลังคำพูดวาจาของสายตาที่เฉียบแหลมพวกนั้นที่ถูกต้องแม่นยำของเธอก็ได้ทำให้กลุ่มคนไร้หนทางที่จะโต้แย้งได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะตรงจุดไหนก็มีความเป็นไปได้ในการมองออกมาว่าเธอคือคนหนึ่งที่ได้เจาะลึกถึงแก่นของอาชีพ เลิงเยาเยาเพียงคิดว่าอาจจะเพราะเธออยู่ต่างประเทศจึงมีความสำเร็จอยู่หน่อย แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะมีความสำเร็จที่ใหญ่โตเช่นนี้
จิตสำนึกของเลิงเยาเยาได้กลืนน้ำลายไปคำหนึ่ง
“เธอคิดว่าคนนี้ยอดเยี่ยมไหม?”
“ยอดเยี่ยม รางวัลดอกบัวเป็นความฝันของฉันมาทั้งชีวิต อย่าพูดถึงแชมป์เปี้ยนเลย แค่สามารถถูกเอ่ยชื่อได้ ฉันเดาว่าแม้เป็นเพียงแค่ฝันก็คงต้องถูกหัวเราะจนทำให้ตื่นแล้ว” จางยู่ได้เปิดปากพูดอธิบายวินิจฉัยข้อเท็จจริง
ซูกั่วเอ๋อที่อยู่ทางด้านหนึ่งก็ได้หัวเราะแล้วหัวเราะอีก: “เอ่ยชื่อ? เกรงว่าพวกเราที่นี่ก็ไม่มีใครที่มีคุณสมบัติ”
“ก็ใช่สิ หากว่าพวกเรามีคุณสมบัติถูกเอ่ยชื่อละก็ พวกเราก็คงไม่มารวมตัวจัดตั้งกลุ่มคณะกลุ่มหนึ่งที่นี่แล้ว” นี่คือเสียงของเซียวยียี เมื่อดูขึ้นมาแล้วเธอได้มีความท้อใจอยู่บ้าง
เพียงแต่ว่าในไม่ช้า สายตาทั้งหมดของเธอก็ได้มองไปทางผลงานการออกแบบด้านบนคอมพิวเตอร์ไว้: “แชมป์เปี้ยมของรางวัลดอกบัวเนี่ย นั่นจะต้องเป็นคนที่สะดุดตาแค่ไหนนะ”
เลิงเยาเยาคิดแล้วคิดอีก และได้เริ่มหารูปภาพของShellyบนไป่ตู้ หลังจากนั้นก็ได้เปิดออก
เดิมทีกลุ่มคนไม่สนใจ แต่ผลสุดท้ายตอนที่ได้เห็นถึงShellyขึ้นเวทีรับรางวัล คนกลุ่มหนึ่งก็ล้วนได้ชะงักงันไปทั้งหมดแล้ว
“อ๋า คนนี้ทำไมเมื่อมองขึ้นมาแล้วดูเหมือนว่าจะมีท่าทางที่คุ้นตาอยู่หน่อย!”
“นี่ นี่ไม่ใช่……”
สีหน้าของทุกคนก็ได้เปลี่ยนไปจนไม่น่าดูขึ้นมาแล้ว ลมหายใจก็ได้กระชั้นถี่ไปแล้วกี่ส่วน และหลินเจิงที่อยู่ตรงด้านหนึ่งที่ไม่ได้เปล่งเสียงมาโดยตลอดก็ได้หันมองมาที่ทางด้านนี้แล้วทีหนึ่ง หลังจากนั้นก็ได้เห็นถึงแชมป์เปี้ยนคนนั้นในหน้าจอแล้ว
นั่นคือผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้สวมใส่กระโปรงสีน้ำเงินเข้มของท้องทะเลตัวหนึ่ง เอกลักษณ์เฉพาะตัวทุกส่วนกับดวงไฟสีฟ้าที่ได้สะท้อนอยู่ด้วยกัน ดารานักแสดงหญิงธรรมดาก็คือได้อาศัยแสงสว่างโชติช่วงที่ช่วยขับให้เด่นขึ้น แต่ว่าท่าทางที่เธอได้กุมรางวัลยืนอยู่บนเวที กลับยิ่งเหมือนเธอกับแสงไฟได้ผสมอยู่ด้วยกันแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าที่จืดจางกับความเยือกเย็นเงียบเหงาที่ไร้สาเหตุภายใต้สายตาได้กลมกลืนเข้ากันได้ดี
มีความรู้สึกของความตกหล่นสูญหาย และความอิสระเป็นตัวของตัวเองประเภทหนึ่ง
เป็นครั้งแรกที่ภายใต้สายตาของหลินเจิงได้มีสีสันของความประหลาดใจแล้ว
ผู้หญิงคนนั้น ก็คือเจ้านายคนใหม่ของพวกเขา
วันนั้นเธอยังได้นำเขาเก็บไว้อยู่ในห้องประชุม และได้พูดกับเขา: ความยากลำบากเป็นเพียงแค่ชั่วคราว เบื้องหลังของความมืดมิดก็คือแสงอาทิตย์
เหอะ
ภายใต้สายตาของหลินเจิง ได้มีความเหน็บแนมถากถางหนึ่งเพิ่มขึ้นแล้ว
คนที่ยืนอยู่ตรงจุดส่วนยอดสูงสุดที่สว่างโชติช่วง มาพูดประโยคนี้ต่อเขาคนที่ยืนอยู่ในความมืดมิด ไม่น่าหัวเราะงั้นเหรอ?
น่าขำขัน!
น่าขำขันอย่างสุดขีด!
ทันใดนั้นหลินเจิงก็ได้ลุกขึ้น จากนั้นก็เดินออกไปแล้วโดยไม่บอกกล่าว
“พี่หลินเจิง?” เซียวยียีไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว และได้รีบติดตามขึ้นไป
ในห้องทำงานที่เต็มไปด้วยความเงียบสงัด
“ดังนั้น เจ้านายคนใหม่ของพวกเรา ที่จริงไม่ใช่ว่าไม่มีความรู้หรือความสามารถ ก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่อาศัยผู้ชาย แต่คือ…… Shelly?” จางยู่ได้ถลึงตาโต รู้สึกว่าแทบไม่อยากที่จะเชื่อ
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? เธอยังคิดวิธีที่จะนำผู้หญิงคนนั้นดึงลงมา ยังคิดให้เธอมีวันหนึ่งที่ได้เปลี่ยนไปจนน่าหัวเราะ
แต่คือคิดไม่ถึงว่าเธอคือShelly?
และอารมณ์ในจิตใจของซูกั่วเอ๋อก็ได้ ซับซ้อน พัวพันกันอย่างยุ่งเหยิง
เพราะว่าก่อนหน้านี้บนการประชุม เธอได้พูดบนสถานที่ว่าผลงานของตัวเองได้มีร่องรอยของการเลียนแบบหนักมาก ทำให้จางยู่หัวเราะเยาะเธอเป็นเวลานาน ในใจของ ซูกั่วเอ๋อก็ได้โกรธแค้นมากมาโดยตลอด
แม้ว่าเธอจะคิดว่าที่มู่จื่อพูดก็ถูก แต่ว่าเธอที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่อะไรก็ล้วนไม่เป็น จะมีสิทธิ์อะไรที่มาพูดตัวเองเช่นนี้?
ตอนนี้ตอนที่รู้ว่าเธอคือแชมป์เปี้ยนของรางวัลดอกบัว ในช่วงเวลาสั้นๆอารมณ์ในใจของซูกั่วเอ๋อก็ได้เปลี่ยนไปเป็นยากที่จะเข้าใจขึ้นมา การชี้แนะของผู้ที่สามารถเป็นแชมป์เปี้ยนได้ เธอยังต้องโกรธอีกไหม? ซูกั่วเอ๋อก็ไม่รู้ว่าต้องขอบคุณหรือว่ายังต้องโกรธต่อไป
และหลี่จุ้นเฟิงก็ได้ชะงักงันไปแล้วครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ได้ยกมุมปากขึ้น: “เหมือนในจินตนาการของฉันจริงๆ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา พวกเธอก็ไม่คิดสักหน่อย ผู้หญิงธรรมดาจะสามารถเข้าสู่สายตาของหานชิงได้ยังไงกันล่ะ? เหอะ~ยังมีครั้งนั้นที่ตัวเองได้ส่งมาถึงประตูของบริษัทตระกูลเย่ จากที่ฉันดูนะ……สีสันของเบื้องหลังของผู้หญิงคนนี้ช่างลึกซึ้งล่ะ ทุกคนสบายใจได้ล่ะ ไม่แน่ว่า พวกเราที่คิดว่าเป็นความโชคร้ายก็คือโชคดีของพวกเราที่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว”
*
หานมู่จื่อที่ได้วาดรูปมาตลอดจนถึงหกโมงเย็น ถึงได้สิ้นสุดผลงานแล้ว
แต่ทว่าท่าทางที่ได้พักอย่างเป็นเวลานาน ไหล่ของหานมู่จื่อก็ล้วนได้เจ็บปวดไปหมด เธอเหนื่อยจนไม่ไหวแล้ว จึงได้ถือโอกาสวางปากกาลง หลังจากนั้นคนทั้งคนก็ได้เหมือนตัวอักษรขนาดใหญ่ในการถอยมาทางด้านหลังและล้มลงไปแล้ว
จากนั้นก็ได้ปิดตา ดวงตาทั้งหมดก็คือคลุมเครือขมฝาด ในหัวก็เหมือนกับมีแป้งเปียกก้อนหนึ่งที่กำลังตีให้เข้ากันไว้ ก็พักผ่อนไปแบบนี้เถอะ
และจางเสี่ยวเหยียนที่รออยู่ด้านนอกมานานมากแล้ว เมื่อเห็นว่าใกล้ที่จะมืดแล้ว ตัวเธอเองก็ได้เลิกงานก่อนและได้ไปโรงเรียนที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงเพื่อรับเสี่ยวหมี่โต้วกลับมา หลังจากนั้นก็ได้พามาถึงในบริษัทแล้ว
ตอนที่เสี่ยวหมี่โต้วเข้ามา ก็ได้พบกับเลิงเยาเยาที่กำลังต้องการจะลงไปชั้นล่างพอดี
ตอนนี้เลิงเยาเยาได้เห็นถึงเสี่ยวหมี่โต้ว อารมณ์ภายในใจก็ได้เปลี่ยนไปจนยากที่จะเข้าใจขึ้นมา แต่ไหนแต่ไรมารางวัลดอกบัวก็คือความฝันของเธอมาโดยตลอด แต่ว่าตอนนี้เจ้านายของพวกเขากลับเป็นเจ้าของแชมป์เปี้ยนรางวัลนั้น
นี่น่าจะเป็นเรื่องหนึ่งที่คุ้มค่าต่อการปีติยินดี แต่ว่าตอนนี้ที่เธอได้ทักทายกับเด็กคนนี้ จะถูกคิดว่าเป็นการสอพลอประจบประแจงไหมล่ะ? ถึงอย่างไรเสียเมื่อก่อนเธอก็ได้โหดเหี้ยมเช่นนั้น
ก็ได้อยู่ในตอนที่เลิงเยาเยาได้พัวพันกันอย่างอุตลุด เสี่ยวหมี่โต้วกลับให้อภิสิทธิ์ในการเรียกเธอแล้ว: “เอ๊ะ พี่สาวคนสวย ที่ครั้งที่แล้วได้ให้ลูกอมกับฉัน”