เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 57 เธอช่างน่าขำจริงๆ
พอออกมาจากห้องเสิ่นเฉียวก็กลับเข้าประจำโต๊ะทำงานของเธอ พอนั่งลง เธอกุมมือไปที่เมาส์ จึงพบว่ามือของตัวเองสั่น แม้ขนาดจะจับเมาส์เลื่อนนิ่งๆ ก็ทำไม่ได้
เธอเป็นอะไรกันแน่ เย่โม่เซินพูดออกมาแบบนี้ ก็เป็นคำพูดปกติของเขาไม่ใช่หรอ ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าเขาไม่ชอบตัวเองเท่าไหร่ แต่บางทีเสิ่นเฉียวก็อดที่จะคิดมากไปไม่ได้
ถ้าเขาเกลียดเธอขนาดนั้นจริงๆ แต่ทำไมจึงต้องช่วยเธออยู่บ่อยๆ
แต่ละเรื่องๆ มันเห็นได้อย่างชัดเจน
แต่ทุกครั้งก็คิดว่ามันทำให้เธอรู้สึกมีความสุขกับสิ่งที่เขาทำให้ แค่เย่โม่เซินมักจะพูดจาไม่น่าฟังเท่าไหร่ ราวกับคำพูดเมื่อสักครู่นี้….
เสิ่นเฉียวก้มหน้าลงต่ำ นัยน์ตาเย้ยหยันตัวเอง
เธอช่างน่าขำเสียจริง ถ้าเขาช่วยเธอจริงๆ เขาคงไม่พูดคำพูดที่ทำร้ายเธอต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้หรอก เขาพูดถูกแล้ว ที่ไม่อยากร่วมงานกับตระกูลลู่ เป็นการตัดสินใจของเขาเอง ส่วนที่ช่วยเธอตอนอยู่ในร้านเสื้อผ้า ก็แค่ไม่อยากให้ตระกูลเย่ขายหน้าเท่านั้นเอง
เป็นเธอเอง….ที่คิดมากไปเองตลอด
ท้องน้อยรู้สึกเจ็บแปร๊บขึ้นมา ทำให้ใบหน้าของเธอซีดลงไปอีก เธอนั่งลงพลางใช้มือกดนวดไปที่บริเวณท้องน้อย พลันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้
ตอนนี้…ตัวเองกำลังท้องอยู่นี่นา
ช่วงไม่กี่วันนี้ไม่มีอาการอาเจียนเพราะแพ้ท้อง ทำเอาเธอลืมว่ามีลูกอยู่ด้วยไปเลย ไม่งั้นเมื่อคืนวานเธอคงไม่ไปดื่มเหล้าหนักแบบนั้น
เธอช่าง…ไม่รอบคอบเลยจริงๆ เสิ่นเฉียวลุกขึ้นเดินไปที่ห้องชงชา พลางเทน้ำร้อนมาดื่ม แต่อาการปวดกลับไม่ลดลงเลย แม้ไม่ได้รุนแรงมาก แต่ก็รู้สึกทรมาน เสิ่นเฉียวนักพักอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าอาการปวดไม่ได้รุนแรงขึ้น ใจก็คิดว่าน่าจะไม่มีอะไรแล้ว
แต่คิดไม่ถึงว่าพอตกมาตอนบ่าย จะปวดมากขึ้นขนาดนี้ ขณะที่เธอกำลังคิดว่าจะไปลางานดีหรือเปล่า เซียวซู่ก็เข้ามาพอดี
“ผู้ช่วยเสิ่น นี่คือแผนงานที่คุณจะต้องเอาไปส่งที่ฝ่ายแผนงาน คุณช่วยเอาไปส่งหน่อยนะ”
“ได้ ได้ค่ะ” เสิ่นเฉียวยื่นมือไปรับมา อย่างทุลักทุเล
เซียวซู่ถึงพบว่าสีหน้าของเธอซีกไป ดูไปแล้วเหมือนคนกำลังป่วย เขาเอ่ยถามเสียงเบา “ผู้ช่วยเสิ่น สีหน้าคุณไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่สบายหรือเปล่า”
เสิ่นเฉียวส่ายหัวรัว “ฉันไม่เป็นอะไรคะ”
“ไม่เป็นไรจริงๆ หรอ” เซียวซู่ถามอย่างสงสัย “ขนาดปากคุณยังดูซีดเลย”
ได้ยินแบบนี้ เสิ่นเฉียว หยิบลิปสติกออกมา ทาๆ ไปที่ปากเพื่อเพิ่มสีสัน
เซียวซู่: “……”
ให้ตายเถอะ เมื่อครู่ที่เห็นได้ชัดเจนว่าเหมือนไม่สบาย หลังจากที่เสิ่นเฉียวทาลิปสติกลงไป ยิ่งทำให้หน้าที่ขาวซีดดูซีดเด่นขึ้นมาอีก ดูๆ ไปกลับแปลกๆ
“ฉันจะไปส่งให้ตอนนี้แหละคะ” เสิ่นเฉียววางลิปสติกลง หยิบเอกสารลุกขึ้น และฝืนตัวเองเดินลงบันไดไป
เซียวซู่เห็นแบบนี้ ก็พูดอะไรไม่ออกได้แต่ลูบๆ ผมแบบไม่เข้าใจ ก็เห็นๆ อยู่ว่าไม่สบายปางตาย แต่กลับทนฝืนไว้ไม่พูดออกมา เป็นคนยังไงกันแน่เนี้ย
หลังจากที่เซียวซู่กลับไปถึงห้องทำงาน พอรายงานความคืบหน้าของงานเสร็จ จึงนึกถึงใบหน้าที่ซีดเผือดของเสิ่นเฉียวขึ้นได้ รีบเอ่ยขึ้นอย่างไม่คิด “เมื่อครู่ตอนที่ฉันให้ผู้ช่วยเสิ่นไปส่งเอกสาร ฉันเห็นเธอเหมือนจะไม่สบาย”
ได้ยินดังนั้น มือที่เย่โม่เซินถือปากกาอยู่ชะงักไปครู่หนึ่ง ท่าทีที่แปลกไปของตัวเองเขากลับไม่รู้ตัว
“แต่ผมถามเธอแล้ว เธอกลับบอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร เธอคนนี้ก็ไม่รู้เป็นคนยังไง เจ็บปวดตรงไหนก็ไม่รู้จักพูดออกมา”
เซียวซู่พูดอยู่คนเดียวนานสองนาน พล่ามไปจนจบ เขาถึงจะรู้ตัว ตอนที่มองมาทางเย่โม่เซิน เป็นจังหวะที่ใบหน้าอันเยือกเย็นของเขาเงยขึ้นมามองที่ตนพอดี
“คุณว่างมากหรอ”
เห็นสายตาที่เยือกเย็นของเย่โม่เซิน ใจของเซียวซู่ก็เริ่มหวั่นๆ รีบเรียกสติกลับมาสนใจงานตนเอง เขายกมือขึ้นลูบหัวอย่างทำอะไรไม่ถูก “เปล่าครับ เปล่า ผมก็แค่…”
“พูดจบก็ออกไปได้แล้ว รบกวนเวลาทำงานผม”
เย่โม่เซินเอ่ยตัดบท โดยไม่รอให้เซียวซู่ได้อธิบายจนจบ
ก็ได้ๆ เซียวซู่ไม่กล้าขัดคำสั่ง จึงจำต้องกลับหลังหันเดินออกจากห้องไป
แต่หลังจากที่เสิ่นเฉียวไปส่งเอกสารที่ฝ่ายแผนงานกลับมาแล้วนั้น ยิ่งรู้สึกไม่สบายมากขึ้นกว่าเดิม ท้องน้อยของเธอออกอาการปวดมากกว่าเดิมหลายเท่า เธออยากไปลางานกับเย่โม่เซิน แต่พอนึกถึงใบหน้าและถ้อยคำที่แสนเยือกเย็นนั้น เธอก็ล้มเลิกความคิดนี้โดยทันที
เดิมทีเขาก็ไม่พอใจเธออยู่แล้ว ถ้าไปลางานอีก เขาจะต้องไม่อนุญาตอย่างแน่นอน
เหลือเวลาอีกชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงเวลาเลิกงานแล้ว เธอ อดทน อดทนอีกสักหน่อยก็แล้วกัน
สุดท้าย เสิ่นเฉียวปวดจนต้องฟุบลงกับโต๊ะ ราวกับเผลอหลับไป โชคดีที่ในหนึ่งชั่วโมงนี้ เย่โม่เซินไม่ได้เรียกใช้ให้เธอไปทำอะไร เธอสามารถฟุบหลับอยู่ในนี้ได้อย่างสบายใจ
ไม่ง่ายเลยที่จะอดทนจนถึงเวลาเลิกงาน เสิ่นเฉียวเริ่มที่จะเก็บของกลับ แต่พอลุกขึ้นจากเก้าอี้เตรียมออกไปนั้น
เจอกับเย่โม่เซินที่กำลังออกมาจากห้องทำงานเข้าพอดี เสิ่นเฉียวทำเป็นไม่เห็นเขา ให้เขาขึ้นลิฟต์ไปก่อน ตนเองยอมรออีกสักครู่
จนกว่าจะรอจนลิฟต์กลับขึ้นมา เสิ่นเฉียวลงลิฟต์เดินต่อไปจนถึงหน้าประตูบริษัท ช่องท้องของเธอเจ็บจี๊ดขึ้นมาอีกครั้งราวกับโดนเข็มทิ่มแทง เสิ่นเฉียวเจ็บจนทนไม่ไหวจึงต้องคุกเข่าลงไป
ช่าง ปวดทรมานจริงๆ
เสิ่นเฉียว คุกเข่าลงข้างทางพลางกดโทรศัพท์ โทรออกหาหานเส่โยว
ผ่านไปชั่วหนึ่ง ฝั่งทางนั้นจึงรับโทรศัพท์
“เฉียวเฉียวหรอ”
“เส่โยว……” น้ำเสียงของเสิ่นเฉียวฟังออกชัดเจนว่าอ่อนแอมาก จนทำให้ หานเส่โยวตกใจตาม “เธอเป็นอะไรหรอ”
“ฉัน…ปวดท้อง ฉันอยู่หน้าประตูบริษัท คุณมาได้ไหม…”
“เธอรอฉันก่อนนะ ฉันจะรีบไป”
เสิ่นเฉียวยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่อีกฝั่งกลับรีบวางสายอย่างลนลาน เธอจ้องไปยังหน้าจอมือถืออยู่ครู่หนึ่ง ปากที่ซีดเผือดกัดเม้มเข้าหากันอย่างเกินทน
พอจะคิดเห็นภาพที่หานเส่โยวรีบคว้ากุญแจรถเร่งรุดมาที่นี่ออกอยู่บ้าง
ยัยคนนี้…
ช่างเป็นคนดีจริงๆ
หลังจากสายตัดไป รู้ว่าหานเส่โยวกำลังเดินทางมา เสิ่นเฉียวสบายใจขึ้นมาก แต่ท้องน้อยยังคงปวดจนมิอาจทานทน จนหน้าผากของเธอเปียกซึมเหงื่อท่วมตัว
ไม่รู้ว่ารอนานแค่ไหน หานเส่โยวก็ยังไม่ปรากฏตัวสักที เสิ่นเฉียวเจ็บจนจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ทันใดนั้นมีรถที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดีมาจอดอยู่ตรงหน้า
เสิ่นเฉียวได้ยินเสียงประตูรถเปิด นึกว่าเป็นหานเส่โยวที่มา ใบหน้าเผยรอยยิ้มที่อ่อนแอเงยขึ้นมอง แต่พอมองเห็นคนที่มา รอยยิ้มนั้นกลับหลบหายผ่านริมฝีปากไป
เย่โม่เซิน
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้
“เป็นอะไร” เย่โม่เซินส่งสายตามองมาที่เธอ เอ่ยถามเสียงแข็ง
เสิ่นเฉียวขยับริมฝีปาก อยากจะเอ่ยอะไรออกมา แต่ช่องท้องกลับทวีความเจ็บปวดเพิ่มมากขึ้น มีเพียงเสียงครวญครางที่ออกมาแทนคำพูดที่อยากจะเอ่ย แววตาของเย่โม่เซินเปลี่ยนไป รีบเอ่ยสั่งเซียวซู่ “พาเธอขึ้นรถ”
เซียวซู่ช่วยพยุงเธอขึ้นมา จากนั้นช่วยเธอจนเข้าไปนั่งในรถ เย่โม่เซินที่จับจ้องทุกกิริยาอาการก็ตามเข้ามา ประตูรถถูกปิดลง
“คุณผู้ช่วยเสิ่น หน้าคุณซีดเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ถามไปว่าไม่สบาย ทำไมคุณถึงไม่บอก กลับฝืนทนมาจนถึงตอนนี้” เซียวซู่เอ่ยถามรัวๆ
เย่โม่เซินฟังพลางเหลือบมองไปที่เธอ
ใบหน้าของเธอซีดจนไม่มีเลือดเลย หน้าผากเปียกไปด้วยหยดเหงื่อเต็มไปหมด แวบเดียวก็รู้ว่าเธออดทนมานานแล้ว
“ฉัน…ฉันไม่เป็นไร” เสิ่นเฉียวตอบกลับอย่างโรยแรง ทันใดนั้นมือถือของเธอสั่นดังขึ้น ขณะที่กำลังคิดจะหยิบขึ้นมา ตากลับรู้สึกมืดมนสนิท จากนั้นทั้งตัวก็ล้มพับหมดสติไป
“คุณผู้ช่วยเสิ่น”