เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่1596 พูดแล้วรักษาคำพูดด้วย
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่1596 พูดแล้วรักษาคำพูดด้วย
บทที่1596 พูดแล้วรักษาคำพูดด้วย
ตลอดทั้งคืน ถางหยวนหยวนนอนหลับไม่ค่อยสนิท เธอฝันเห็นเรื่องราวหลายเรื่อง สับสนวุ่นวายไปหมด ทั้งคำพูดเย้าเย้ยถากถางของอานเชี่ยน และคำพูดปลอบใจของจงฉู่เฟิง
เหตุการณ์หลังจากนั้น ก็คือคำพูดที่ผู้อ่านบอกกับตนเอง
สุดท้ายก็เป็นยู่ฉือยี่ซู เขายืนอยู่ตรงนั้น ยืนมองเธอนิ่ง ด้วยสายตาเอ็นดู ไม่มีสายตาอื่นแอบแฝง ก่อนจะยื่นมือมาทางเธอ
“หยวนหยวน。”
หลังจากนั้นถางหยวนหยวนก็วิ่งเข้าไปหาเธอโดยไม่สนใจอะไรอีก แต่ยังไม่ทันที่จะถึงอ้อมกอดของเขา ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
พี่ชายหายไปแล้ว กลายเป็นใบหน้าของคนแปลกหน้า มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่ละคนใช้สายตาดูถูกเหยียดหยามมองมาที่เธอ
“ดูยัยอ้วนนี่สิ หน้าตาก็น่าเกลียด แต่กลับชอบฝันกลางวัน คิดจะจีบเจ้าชายอีก ไม่ส่องกระจกดูซะบ้าง”
“พระเจ้า หุ่นของเธอนี่ทับคนตายได้เลยล่ะมั้ง ยังคิดจะจีบคนอื่นอีก”
“อยากจะบ้าตาย ผู้หญิงอ้วนสมัยนี้ใจกล้าถึงขนาดนี้เลยเหรอ ปกติไม่เคยส่งกระจกมองตัวเองเลยหรือไง”
คำพูดแต่ละประโยคกรีดแทงเข้าไปในหัวใจของเธอเต็มๆ
ถางหยวนหยวนทรมานเป็นอย่างมาก เธอส่ายหน้าไปด้วยร้องไห้ไปด้วย “ไม่นะ ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นนะ”
เธอที่กำลังฝันร้ายหารู้ไม่ว่าตอนนี้ยู่ฉือยี่ซูได้นั่งอยู่ข้างเตียงเธอเป็นที่เรียบร้อย พอเห็นเธอพึมพำและร้องไห้ไปด้วย เขาก็ขมวดคิ้วแน่น
เดิมทีเขาคิดจะมาปลุกเธอตื่น แต่ผลสุดท้ายปลุกเธออยู่ตั้งนาน เธอกลับไม่ยอมตื่น ยู่ฉือยี่ซูกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจึงรีบเปิดประตูเข้าไปดู กลับได้ยินเสียงตะโกนของถางหยวนหยวนขึ้นมาซะก่อน
เขาเพิ่งจะเดินมานั่งลง ถางหยวนหยวนก็เริ่มร้องไห้ และดูเหมือนจะเสียใจมากด้วย
กำลังฝันร้ายอยู่เหรอ
ยู่ฉือยี่ซูยื่นมือไปวางไว้บนหน้าผากของเธอ พบว่าเธอมีไข้เล็กน้อย เขาจึงตบหน้าเธอเบาๆ “หยวนหยวน หยวนหยวน”
“ไม่ ฉันไม่ได้ทำอะไรนะ…” ถางหยวนหยวนยังคงร้องไห้ไม่หยุด
ยู่ฉือยี่ซูได้แต่เรียกชื่อเธอ แล้วปลอบประโลมเธอไปด้วย “อย่าร้อง น้องไม่ผิด พี่ชายอยู่ตรงนี้แล้ว อย่าร้องนะเด็กดี”
ถางหยวนหยวนที่กำลังฝันร้ายคว้าแขนเขาไปกอดไว้ แล้วท่าทางสงบลง หลังจากนั้นเธอก็ขยับตัวเข้าใกล้ แล้วพึมพำออกมาเบาๆ “พี่ชายคะ”
ยู่ฉือยี่ซูใจอ่อนไปทันที
เด็กผู้หญิงคนนี้ โตแล้วเหรอ ทำไมตั้งแต่เล็กจนโตถึงได้หน้าตาไม่เปลี่ยนไปเลย ถ้าผ่านไปอีกหนึ่งปี เธอก็จะบรรลุนิติภาวะแล้ว แต่กลับยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย บริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างน่าเป็นห่วง
เสี่ยวโต้วหยายังเข้าใจกว่าเธอซะอีก
พอคิดถึงตรงนี้ ยู่ฉือยี่ซูก็ห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วดึงแขนตัวเองกลับมา แต่ถางหยวนหยวนกลับตกใจ จนสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที
พอลืมตาขึ้นมา ก็เห็นใบหน้าของยู่ฉือยี่ซูเลย
“พี่ชายคะ” ถางหยวนหยวนนึกว่าตัวเองมองผิดไป ไม่อย่างนั้นทำไมพอลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นหน้าเขาเลยล่ะ
“อืม” ยู่ฉือยี่ซูยื่นมือไปดีดหน้าผากเธอเบาๆ “ในที่สุดก็ตื่นนอนได้สักทีนะ”
หลังจากดีดหน้าผากแล้ว พบว่าขอบตาของเธอยังมีคราบน้ำตาติดอยู่ แววตาของเธอจึงเคร่งขรึม แล้วเอ่ยถามเสียงทุ้ม “ฝันร้ายหรือไงเรา”
ถางหยวนหยวนเพิ่งจะรู้สึกได้ว่าตัวเองมีน้ำตา เธอรีบลุกขึ้นนั่ง แล้วลูบหน้าตัวเอง แล้วพบว่ามันเปียกไปด้วยคราบน้ำตา
“เอ๊ะ ทำไมหนูถึงร้องไห้ล่ะ”
“บ๊องจริงๆเลย ตัวเองร้องไห้ก็ไม่รู้”
ถางหยวนหยวนส่ายหน้า “ครั้งที่แล้วก็เป็นอย่างนี้ ทำไมหนูถึงได้ร้องไห้กันนะ ขอโทษด้วยนะคะพี่ชาย หนูเองก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ที่จริงแล้วหนูไม่ได้เสียใจนะคะ”
。
ยู่ฉือยี่ซูกับเธอโตมาด้วยกัน เธอเป็นคนที่อ่อนไหวมาก ถางหยวนหยวนเป็นเด็กดีมาตลอด นิสัยค่อนข้างขี้ขลาด จึงไม่ค่อยกล้าทำอะไรไม่ดีกับคนอื่น หรือพูดอะไรทำร้ายจิตใจคนอื่นด้วย
ดังนั้นเธอจึงไม่เคยต้องเอ่ยคำพูดขอโทษกับใครมาก่อน
แต่วันนี้เธอกลับทั้งร้องไห้ และเอ่ยขอโทษเขาด้วย
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
ยู่ฉือยี่ซูขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น”
พอได้ยินแบบนั้น ถางหยวนหยวนก็ก้มหน้าลง แววตาสับสน “ไม่มีอะไรนี่คะ หนูแค่รู้สึกว่าไม่มีอะไร ทำไมหนูถึงได้ร้องไห้ ก็เลย…”
“ดังนั้นน้องก็เลยขอโทษพี่อย่างนั้นเหรอ” ยู่ฉือยี่ซูจับปลายคางของเธอไว้ ให้เธอเงยหน้าขึ้น เป็นไปตามที่คาดในแววตาของเธอมีความรู้สึกสับสนมาก
“ปิดบังอะไรพี่ไว้กันแน่”
“พี่ชายคะ”
“บอกความจริงมา”
ถางหยวนหยวนไม่มีทางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้เขาฟังแน่นอน ถ้าเป็นแบบนี้ก็เหมือนบอกความในใจออกไป แต่ถ้าไม่พูดอะไรเลย พี่ชายก็จะถามไม่หยุด อีกทั้งยังเป็นห่วงอยู่ตลอดด้วย
ดังนั้นถางหยวนหยวนจึงกลอกตาไปมา แล้วพูดเสียงสะอึก “ที่จริงแล้วหนูฝันเห็นพี่ชายค่ะ”
“หืม”
ยู่ฉือยี่ซูหรี่ตามอง “ฝันว่าอะไร”
“หนูฝันว่าพี่ชายทิ้งหนูไป รังเกียจที่หนูชอบสร้างปัญหา แล้วยังกินเยอะ หนูก็เลยรู้สึกเสียใจค่ะ”
“ทิ้งเราไป รังเกียจที่หนูชอบสร้างปัญหาอย่างนั้นเหรอ”
“อืมๆ หนูขอของกินจากพี่ชาย แต่พี่ชายรังเกียจที่หนูชอบสร้างปัญหา”
พอพูดจบ ถางหยวนหยวนก็ขอบตาแดง รีบคว้าแขนของเขาไปกอดไว้แน่น “พี่ชายคะ ภายในใจของพี่เคยคิดแบบนี้หรือเปล่าคะ”
ยู่ฉือยี่ซูที่ถูกเธอกอดแขนไว้กะทันหันตกอยู่ในอาการตกตะลึง หลังจากตั้งสติได้ เขาก็พูดเสียงแหบแห้ง “แน่นอนว่าไม่ใช่ พี่จะทิ้งเราไปได้ยังไงกันในความฝันกับความเป็นจริงมักจะตรงข้ามกัน มันไม่มีทางเป็นจริงแน่ๆ”
“งั้นพี่ชายต้องรักษาคำพูดด้วยนะคะ ห้ามทิ้งหนูเด็ดขาด”
“ได้”
หลังจากที่ถางหยวนหยวนรู้ตัวว่ากำลังกอดแขนผู้ชายอยู่ เธอจึงรีบปล่อยแขนออก ใบหน้าเริ่มแดง
“ตอนนี้รู้สึกอายแล้วเหรอ” ยู่ฉือยี่ซูแตะจมูกของเธอเบาๆ “จากนี้ไปห้ามเป็นอย่างนี้อีก ตอนนี้เราโตแล้ว ชายหญิงต้องรักษาระยะห่างกันไว้ ไม่ว่าจะเป็นพี่ชาย หรือผู้ชายคนอื่น น้องก็ต้องรักษาระยะห่างกับพวกเขา”
“อืมๆ หนูเข้าใจแล้วค่ะ”
หลังจากที่ถางหยวนหยวนลุกขึ้นมาใส่เสื้อกันหนาวเรียบร้อย เธอก็เดินไปแปรงฟัน ล้างหน้า ก่อนจะทาครีม แล้วเดินลงไปกินข้าวเช้ากับยู่ฉือยี่ซู ตอนที่เดินออกจากห้องก็เจอเข้ากับจงฉู่เฟิงที่เดินนำอานเชี่ยนออกมาพอดี
“วันนี้เธอทำตัวดีๆได้ยินไหม ถ้าเธอทำให้น้องเขาไม่พอใจอีก พี่จะส่งเธอกลับบ้านทันที แล้วก็พูดเรื่องนิสัยของเธอให้พี่ชายของน้องเขาได้รู้ ถึงตอนนั้นแม้แต่เพื่อนเธอก็จะไม่ได้เป็น”
ถึงแม้อานเชี่ยนจะไม่พอใจ แต่เธอก็ต้องตอบรับ
“รู้แล้วน่า”
พอพูดเสร็จ คิดไม่ถึงว่าจะต้องเผชิญหน้ากันเลยแบบนี้
“หยวนหยวน ตื่นแล้วเหรอ”
อานเชี่ยนยิ้มแล้วกล่าวทักทาย ท่าทางของเธอทำให้ถางหยวนหยวนตกใจ หลังจากมองไปทางจงฉู่เฟิง ถางหยวนหยวนถึงได้นึกขึ้นได้ จึงยิ้มรับ
“อืม”
“เมื่อคืนต้องขอโทษด้วยนะ ที่ไม่นอนด้วยที่ห้อง ทำยังไงได้ พวกเพื่อนของพี่คุยกันเสียงดังเกินไป พวกเธอชอบโทรวิดีโอคอลมา พี่กลัวว่าจะรบกวนเวลาพักผ่อนของเธอ เธอคงไม่คิดมากใช่ไหม”
นี่คงเป็นเนื้อหาที่จงฉู่เฟิงกับอานเชี่ยนตกลงกันไว้ แล้วอีกอย่างเธอก็เอ่ยขอโทษแล้ว ถางหยวนหยวนจึงยอมยกโทษให้เธอ จึงพยักหน้าให้ “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ถือสา