เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่1659 ฝืนรับไว้
บทที่1659 ฝืนรับไว้
โทรศัพท์แบตหมดแล้ว ถางหยวนหยวนจึงต้องหาแบตเตอรี่สำรองในลิ้นชักเพื่อชาร์จแบตโทรศัพท์
เล่นมาทั้งวันแล้ว ตอนนี้เหนื่อยมากจริงๆ
ถางหยวนหยวนวางโทรศัพท์ลง ไม่นานก็หลับทันที ไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่นเลย
จากนั้นตอนกลางดึกถางหยวนหยวนก็ฝัน ในความฝันก็กลับไปในตอนที่เรียนมัธยมต้นกับเมิ่งเข่อเฟย ทั้งสองมีความสุขมาก เป็นเพื่อนสนิทที่ดีต่อกัน พวกเธอนัดกันไว้ว่าจะไปดื่มชานม กินปิ้งย่าง ดูหนังด้วยกัน
ต่อมาเรื่องก็เปลี่ยนตาลปัตรหมด เมิ่งเข่อเฟยสะบัดเธอออกไปอย่างแรง
“ถางหยวนหยวน พวกเราไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกแล้ว!”
“ทำไมล่ะ?” ถางหยวนหยวนไม่เข้าใจ รีบถามในความฝัน แต่ว่าเมิ่งเข่อเฟยยังคงไม่ให้คำตอบกับเธอ หันหน้ากลับไปอย่างแรงและเดินออกไปโดยไม่ลังเล ระหว่างนั้นยังไม่หันหน้ากลับมาอีกด้วย
ถางหยวนหยวนวิ่งตามอยู่ด้านหลัง สุดท้ายก็ตามไม่ทัน จนกระทั่งเมิ่งเข่อเฟยหายไปต่อหน้าต่อตาตัวเอง
ถางหยวนหยวนตื่นขึ้นมา หัวใจเต้นเร็วมาก หมอนที่ตัวเองนอนก็เปียกไปกว่าครึ่ง น้ำตาไหลอาบแก้มเธอไม่หยุด
เธอรู้สึกใจหายวูบ ถางหยวนหยวนมองไปด้านนอก เห็นว่าฟ้าเริ่มสว่างแล้ว
เธอนั่งอยู่อย่างนั้นนานมาก ถึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา
หกโมงแล้ว
เธอนอนนานขนาดนี้เลยเหรอ ถางหยวนหยวนเปิดอ่านข้อความ เมิ่งเข่อเฟยยังไม่ส่งข้อความมาหาเธอเลย บทสนทนาใหม่ล่าสุดก็ยังคงค้างอยู่ที่คำพูดก่อนหน้านี้
ไม่ได้ ถางหยวนหยวนยังคิดไม่ออก เธอต้องถามให้ได้ว่าทำไมเฟยเฟยทำแบบนี้กับตัวเอง
ดังนั้นเธอจึงเปิดหน้าข้อความของเธอกับเมิ่งเข่อเฟยออก สุดท้ายกดเข้าไปก็พบว่าเป็นข้อความที่ตัวเองส่งไปทั้งหมด จึงล้มเลิกความคิดนี้ไป
ที่จริงไม่ว่าจะมิตรภาพ หรือความรัก ยังไงก็มีแค่คนคนเดียวเท่านั้นที่ยอมออกแรงแต่ก็ยังไม่พอ เธอแสดงออกมาแล้วว่าไม่อยากเป็นเพื่อนกับตัวเองอีก งั้นเธอไปหาอีก ก็คงเป็นการตอแยเปล่าๆ
คิดถึงตรงนี้ ถางหยวนหยวนก็ล้มเลิกความคิดที่จะส่งข้อความไป
เธอกดรูปประจำตัวของเมิ่งเข่อเฟย อยากเห็นรูปคู่เมื่อก่อนของทั้งสอง
พอกดเข้าไปแล้ว กลับเห็นว่าในนั้นว่างเปล่า ตัวเองดูหน้าโปรของเธอไม่ได้อีกแล้ว
ภาพนี้ ทำเอาถางหยวนหยวนรู้สึกสะเทือนขวัญอย่างมาก
ในวันที่เป็นผู้ใหญ่ เธอก็คิดอย่างให้เธอมาร่วมงานด้วยกัน ออกแบบชุดให้เธอ สุดท้ายเธอกลับจากตัวเองไปแบบนี้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่อยากเป็นเพื่อนกับตัวเองอีก ตอนนี้เธอยังอยากจะส่งข้อความไปถามว่าเพราะอะไรกัน แต่เธอกลับบล็อกตัวเองเสียแล้ว
ไม่สิ แค่บล็อกเท่านั้น หรือว่าลบแล้วนะ?
ถางหยวนหยวนยังไม่ตายใจจึงพิมพ์ข้อความไปหา
“เฟยเฟย?”
ในระบบกลับขึ้นมาตัวเองไม่ใช่เพื่อนกับอีกฝ่ายอีกต่อไป ถ้าจะส่งข้อความก็ต้องเพิ่มเพื่อนกันก่อน
อะไรคือตายใจ?
ก็คงเป็นแบบนี้ ถางหยวนหยวนเห็นข้อความในระบบเด้งขึ้นมา ความเชื่ออะไรกัน ความหวังยังไม่มีเลย
แต่เธอกลับไม่มีความคิดที่จะร้องไห้ แต่แค่จับโทรศัพท์ไว้และนั่งอยู่อย่างนั้น
หรือว่า นี่คือจุดจบที่เฟยเฟยอยากได้สินะ
และตอนนี้สิ่งที่เธอทำได้ก็คือ ไม่ไปรบกวนเธออีก
ถางหยวนหยวนหลับตาลง ทรุดตัวนอนลงเตียงอีกครั้ง
ประมาณแปดโมงกว่า ด้านนอกมีเสียงดังมาก ถางหยวนหยวนไม่ได้หลับลึกมาก ดังนั้นจึงได้ยินอย่างชัดเจน ตอนแรกยังคิดว่ายู่ฉือยี่ซูมาเคาะประตู ไม่คิดว่าผ่านไปสักพักก็เงียบลงแล้ว
จากนั้นโทรศัพท์เธอก็ดังขึ้น เป็นข้อความจากพี่ชาย
(ของแขวนไว้หน้าห้อง ตื่นแล้วบอกฉันนะ กินข้าวเช้าด้วยกัน)
ถางหยวนหยวนเห็นข้อความแล้วก็รีบลุกขึ้นเดินลงจากเตียง
จากนั้นก็เดินเท้าเปล่าไปเปิดประตู และเห็นมีของแขวนไว้ และข้างๆเงียบกริบ ไม่มีคนอยู่เลย
ถางหยวนหยวนถือถุงขึ้นมาและเปิดดูด้านใน
นอกจากเสื้อผ้าแล้ว ยังมีของส่วนตัวอีก รองเท้าใหม่ ที่มัดผม ครีมบำรุงผิว เป็นแบบเซตเลย
แต่ว่า……ถางหยวนหยวนกำลังคิดว่า ของส่วนตัวคงจะซื้อยาก ไม่รู้ว่าเหมาะกับตัวเองไหม
เธอหยิบเสื้อผ้ามาและไปเปลี่ยนทีละชิ้น ของส่วนตัวพอหยิบขึ้นมากลับเห็นว่าเป็นแบบเสื้อกีฬา แบบนี้ละก็คงจะใส่ได้
ถางหยวนหยวนหน้าแดงระเรื่อ พอใส่เสร็จแล้วใบหน้าก็ร้อนฉ่า เธอเม้มปากบาง พอแต่งตัวเสร็จแล้วก็เปิดประตูเดินออกไป
พอเดินออกมาแล้ว ถางหยวนหยวนก็ได้ยินเสียงคนคุยกัน จากนั้นก็ปิดประตู เธอเดินไปก็เห็นยู่ฉือยี่ซูเดินกลับมาจากด้านนอกประตูพอดี
“ตื่นแล้วเหรอ?”
“พี่คะ”
ยู่ฉือยี่ซูมองดูเสื้อผ้าบนตัวถางหยวนหยวน กระโปรงออกกำลังกายสีขาว บวกกับรองเท้าผ้าใหม่ ดูแล้วสดใสขึ้นเยอะเลย
“ไม่เลวเลย ไม่เสียแรงที่ฉันลงไปซื้อเสื้อผ้าให้เธอแต่เช้า”
ถางหยวนหยวนเม้มปาก ถามเสียงเบาว่า: “พี่ไปซื้อเองเลยเหรอ?”
“ไม่งั้นล่ะ? ใครจะช่วยเธอซื้อกัน?”
พูดมาก็ถูก นอกจากพี่ชายแล้วใครจะไปซื้อให้ตัวเองกัน แต่ถางหยวนหยวนตอนแรกคิดว่าพี่ชายโทรเรียกคนไปซื้อเสียอีก
“ไม่ค่ะ ฉันแค่คิดว่า เช้าขนาดนี้ก็มีคนเปิดร้านแล้วเหรอ? ซื้อได้เหรอ?”
“บางร้านเปิดเร็วน่ะ ดังนั้นก็เลยหาซื้อได้ หิวหรือยัง ไปกินข้าวกัน”
ยู่ฉือยี่ซูยื่นมือไปลูบหัวสาวน้อย “กินข้าวแล้วค่อยว่ากัน”
จากนั้นสาวน้อยก็เดินตามเขาไปที่โต๊ะอาหารเช้า อาหารเช้าเลิศหรูมาก ก็คืออาหารที่ยู่ฉือยี่ซูซื้อมา อาหารครบห้าหมู่เลย
ถางหยวนหยวนอยากจะกินแค่นิดเดียว สุดท้ายยู่ฉือยี่ซูกลับพูดว่า: “กินน้อยไปจะกระทบต่อการเจริญเติบโต ยังอยากลดต่อไปไหม?”
ได้ยินดังนั้น ถางหยวนหยวนก็หน้าแดงระเรื่อ “แต่ถ้าไม่ระวังละก็ อาจจะอ้วนได้นะคะ จากนั้นก็จะอ้วนออกเรื่อยๆ”
เพราะถางหยวนหยวนผอมลงมาแล้ว ดังนั้นเธอจึงเป็นหุ่นที่อ้วนง่าย ไม่กล้ากินเยอะ ไม่งั้นเดี๋ยวถ้าอ้วนอีกครั้ง ความพยายามในช่วงนั้นก็สูญเปล่าเลยน่ะสิ
“อ้วนหน่อยไม่เป็นไรหรอก” ยู่ฉือยี่ซูพูดไปด้วยและตักอาหารให้เธอด้วย ถางหยวนหยวนทำหน้าบึ้งหน้าตึง
“พี่คะ ไม่เอาแล้ว ฉันกินไม่ได้เยอะขนาดนั้นหรอก”
“เธอยังกินไม่ครบหลักอาหารเลย เด็กดี อย่าลดน้ำหนักแล้วทำร้ายตัวเองแบบนี้สิ”
“แต่ว่า……” ถางหยวนหยวนมองเขาอย่างน้อยใจ: “อ้วนแล้วจะไม่มีใครเอานะ”
ได้ยินดังนั้น ยู่ฉือยี่ซูก็ชะงัก จากนั้นก็หันไปมองใบหน้าที่เนียนใสของเธอ “ใครบอกกัน?”
พูดจบ เขาก็ครุ่นคิดสักพัก แสยะยิ้มพูดว่า: “ถ้าไม่มีใครเอาจริงๆละก็ พี่ก็ฝืนรับไว้ก็ได้นะ”
ถางหยวนหยวน: “!”
เขาพูดเหมือนฝืนมากเลย แต่ถางหยวนหยวนกลับหัวใจพองโตขึ้นมาเพราะคำพูดนี้ เธอลุกขึ้นมาทันที
“พี่คะ พี่พูดจริงๆใช่ไหม?”
ยู่ฉือยี่ซูไม่คิดว่าสาวน้อยจะตื่นเต้นแบบนี้ เขารู้สึกตกใจมาก
“ได้จริงๆใช่ไหม?” ถางหยวนหยวนไม่กินข้าวเช้าอีก และเดินอ้อมไปหาเขาตรงหน้า: “ต่อไปถ้าหยวนหยวนไม่มีใครเอา พี่ก็จะ……”
“ยัยบื้อ เธอจะไม่มีคนเอาได้ไงกันล่ะ?”