เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1774 ข้ามีนามว่าหวังจง
ตอนที่ 1,774 ข้ามีนามว่าหวังจง
กระบี่ถูกดึงออกไป
สวบ!
แล้วก็ถูกแทงกลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง
ลั่วอี้หูถือกระบี่อยู่ในมือ
แทงเข้าแทงออกอยู่อย่างนั้น
ดูเหมือนนี้จะเป็นการแก้แค้นอะไรบางอย่าง
ร่างของเต้าอู่ซือจึงเต็มไปด้วยรูกระบี่
ฮวาไป๋ต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขาสังเกตเห็นว่าทุกคนกำลังเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า
แล้วลูกไฟยักษ์ก็ปรากฏขึ้น ลูกไฟดวงนี้ไม่ต่างจากอุกกาบาตขนาดใหญ่ที่พุ่งลงมาจากนอกชั้นบรรยากาศ
มวลอากาศปั่นป่วน
ลูกไฟยักษ์ตกลงมายังทิศทางของตัวเมืองด้วยความเร็วสูง
ใกล้เข้ามามากขึ้น…
ใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ลูกไฟยักษ์ดวงนั้นกลับมีรูปร่างเป็นมนุษย์?
“เจ้าพวกกบฏ พวกเจ้าเคยเห็นฝ่ามือยูไลที่ตกลงมาจากฟากฟ้าหรือไม่?”
เสียงกังวานแผดดังออกมาจากดวงไฟลูกนั้น ส่งผลให้บรรยากาศปั่นป่วนขึ้นมาทันที
นี่คือเสียงที่ทุกคนคุ้นหู
ฮวาไป๋ตกใจ เมื่อตั้งสติได้ ใบหน้าของเขาก็แสดงออกถึงความตกตะลึง
ณ ขณะนี้ ดวงไฟยักษ์ลูกนั้นกำลังจะตกลงสู่พื้นดินแล้ว
แรงกดดันมหาศาลแผ่กระจาย
มวลอากาศปั่นป่วนอย่างรุนแรง แล้วฝ่ามือโปร่งแสงที่มีขนาดใหญ่ยักษ์ก็หล่นลงมาจากท้องฟ้า โดยไม่ทันตั้งตัว ฝ่ามือนั้นก็ทับลงมาใส่ร่างของผู้คนจำนวนมาก
พื้นดินยุบลงไปเป็นรูปทรงฝ่ามือมนุษย์ขนาดใหญ่
โลหิตสาดกระจายไปรอบบริเวณ
และบนหลังฝ่ามือนั้นมีพวกของเต้าเจี๋ยนเซียวยืนอยู่
“หลินเป่ยเฉิน?!”
ฮวาไป๋ร้องอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาด
เพราะว่าดวงไฟยักษ์ที่หล่นลงมาจากท้องฟ้าเมื่อสักครู่นี้ แท้ที่จริงแล้วก็คือหลินเป่ยเฉิน
บัดนี้ เขาลอยตัวอยู่เหนือพื้นดิน สองตาจ้องมองไปยังหลุมยุบรูปทรงฝ่ามือและส่ายศีรษะ “ที่แท้ก็เป็นตำนานหลอกเด็ก… ไม่เห็นจะเท่เลยสักนิด”
รู้อย่างนี้สู้ใช้หมัดสังหารทุกคนยังจะเท่มากกว่าอีก
หลินเป่ยเฉินเพียงอยากรู้เท่านั้นว่าหากตนเองจะแสดงพลังแบบฝ่ามือยูไลเหมือนที่เคยเห็นในละครโทรทัศน์ มันจะมีความรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง และเขาก็ได้รู้แล้วว่านั่นไม่ใช่ทางของเขาเลย
แสงสว่างระยิบระยับ
เสื้อคลุมสีขาวปรากฏขึ้นบนร่างกาย
ผมสีดำยาวสยาย
กระบี่ปรากฏขึ้นในมือข้างหนึ่ง
หลินเป่ยเฉินเปลี่ยนภาพลักษณ์จากเด็กหนุ่มป่าเถื่อนกลายเป็นเซียนกระบี่ผู้สำอางอย่างรวดเร็ว
“ฮวาไป๋ เจ้ากล้าดีอย่างไรคิดก่อกบฏ?”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองไปยังผู้คุมสภาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ต่อให้เจ้ามีตำแหน่งเป็นผู้คุมสภา แต่เมื่อคิดก่อกบฏต่อราชสำนัก เจ้าก็ต้องได้รับโทษอย่างสาสม ไม่ทราบว่าเจ้ามีคำใดคิดจะสั่งเสียหรือไม่?”
“ข้า…”
ฮวาไป๋ได้แต่ตื่นตกใจ
เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าหลินเป่ยเฉินจะสามารถรอดชีวิตกลับมาได้
ในเมื่อดาวนำโชคประจำตัวเขารอดชีวิตกลับมา ก็คงไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่าชะตากรรมของจอมเทพจักราผู้นั้นจะเป็นอย่างไร
ฮวาไป๋รู้สึกหมดเรี่ยวแรงในทันที
เขาไม่อาจต่อต้านขัดขืนได้อีกแล้ว
ฮวาไป๋หมุนตัวกำลังจะหลบหนี
วูบ!
ลำแสงกระบี่พุ่งผ่านไป
แล้วศีรษะของฮวาไป๋ก็ขาดกระเด็น
ฮวาไป๋ไม่ได้มีขั้นพลังต่ำต้อย แต่โชคร้ายที่สูญเสียขวัญกำลังใจไปหมดสิ้น จึงถูกฆ่าตายอย่างง่ายดายเช่นนี้เอง
“คนเราคิดจะหลบหนีความตายได้อย่างไร?”
หลินเป่ยเฉินถือกระบี่อยู่ในมือข้างหนึ่ง
เมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ กลุ่มผู้ก่อกบฏทั้งหมดก็ทิ้งอาวุธและคุกเข่าขอยอมแพ้
“ฮ่า ๆๆ เจ้าคนชั่วร้าย ตายไปซะได้ก็ดี…”
เต้าอู่ซือจ้องมองซากศพของฮวาไป๋พร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความสะใจ แต่เพียงลมหายใจต่อมา เขาก็มีชะตากรรมไม่ต่างไปจากฮวาไป๋
“บัดซบ…”
ลั่วอี้หูแผดเสียงคำราม ก่อนจะยกกระบี่ขึ้นมาฆ่าตัวตาย
ซือเทียนซิงกำลังคิดหลบหนี แต่ทันใดนั้น ปี๋อวิ่นเถาก็กระโดดเข้ามาขวางหน้าและตัดศีรษะของเขาทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนบรรดาขุนนางและแม่ทัพใหญ่คนอื่น ๆ ที่เข้าร่วมกับฮวาไป๋ในขณะนี้ ต่างก็ทิ้งตัวคุกเข่าอย่างยอมรับชะตากรรม
บัดนี้ การก่อกบฏในเมืองเทียนหลางซิงได้ยุติลงโดยสมบูรณ์!
…
ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่
ดวงดาวยาวไกลสุดสายตา
หวงเฉิงอี้ทิ้งตัวลงไปบนดาวร้างดวงหนึ่งอย่างยากลำบาก นางกระอักเลือดออกมาอีกหลายครั้ง ก่อนที่สีหน้าจะกลับมาเป็นปกติในที่สุด
“ชั่วช้า สารเลว ตัวบัดซบ ลูกเต่าโสโครก…”
หวงเฉิงอี้สบถคำหยาบออกมาไม่หยุด
นางเข้าใจว่านี่เป็นเพียงภารกิจง่าย ๆ เท่านั้น
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์กลับมีร่างกายแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนั้น แม้แต่เมล็ดพันธุ์พฤกษาที่มีอานุภาพการทำลายล้างสูงสุดของนางก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้
“เรื่องนี้เราต้องรายงานกลับไปให้เร็วที่สุด”
หวงเฉิงอี้พยายามสงบจิตใจ นางรู้ดีว่าตนเองไม่สมควรกระหายในอำนาจอีกแล้ว
ร่างกายของหลินเป่ยเฉินแปลกประหลาดและแตกต่างกับผู้ที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ โดยสิ้นเชิง
หากปล่อยให้เติบโตไปมากกว่านี้ ก็จะกลายเป็นภัยคุกคามต่อเผ่าพันธุ์ปีศาจ
เมื่อเยียวยาอาการบาดเจ็บของตนเองเรียบร้อย ใบหน้าของหวงเฉิงอี้ก็กลับมาสวยงามอีกครั้ง
แต่จังหวะที่นางกำลังจะลุกขึ้นยืนเพื่อออกเดินทางนั้นเอง…
“จะไปแล้วหรือ?”
เสียงหนึ่งก็ทำลายความเงียบขึ้น
สีหน้าของหวงเฉิงอี้แปรเปลี่ยนไปโดยทันที จากนั้นจึงหันขวับไปมองทางด้านหลัง
ไม่ทราบเลยว่าตรงนั้นมีชายชราผู้หนึ่งกำลังยืนจ้องมองมาที่นางด้วยแววตาเย็นชาตั้งแต่เมื่อไหร่
คนผู้นี้มีร่างอ้วน มองดูผิวเผินคล้ายกับเป็นคหบดีผู้ร่ำรวยหรือเป็นพ่อบ้านตระกูลใหญ่สักตระกูล ใต้คางไว้เคราสามแฉก เขาสวมใส่ชุดเกราะที่หรูหรางดงาม พลังปราณที่แผ่ออกมาจากร่างกายอยู่ในขั้นต่ำต้อย เรียกว่าเป็นผู้คนธรรมดาก็คงได้
หากพบเจอกันในสถานที่อื่น หวงเฉิงอี้คงไม่มีทางเห็นคนผู้นี้อยู่ในสายตา
แต่ในเวลานี้ ชายชราร่างอ้วนมาปรากฏตัวขึ้นโดยที่นางไม่ทันรู้ตัว ไม่ทราบเลยว่าอีกฝ่ายต้องมีขั้นพลังสูงส่งเพียงใด?
“ท่านเป็นใคร?”
หวงเฉิงอี้ถามด้วยน้ำเสียงดุดัน จากนั้นโคจรพลังปราณ ในมือกำเมล็ดพฤกษาเป็นจำนวนมาก
“ข้าหรือ? ข้าก็เป็นเพียงพ่อบ้านธรรมดาเท่านั้น…”
ชายชราร่างอ้วนยิ้มอย่างชั่วร้ายและกล่าวว่า “ข้ามีนามว่าหวังจง แต่เจ้าคงไม่รู้ความหมายของมันหรอก”
หวังจง?
คนผู้นี้คือใครกัน?
นี่คือชื่อที่หวงเฉิงอี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน
หวงเฉิงอี้นึกถึงรายชื่อของผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพจักราซึ่งมีลำดับชั้นสูงส่งกว่าตนเอง แต่ก็ไม่มีผู้ใดมีลักษณะตรงกับชายชราร่างอ้วนที่ยืนอยู่เบื้องหน้านางในขณะนี้เลย
แม้ว่าหวงเฉิงอี้จะได้รับบาดเจ็บ แต่การที่มีศัตรูเข้ามาถึงตัว ไม่ว่าอย่างไรหวงเฉิงอี้ก็สมควรรู้ตัวก่อนเสมอ…
นี่หมายความได้เพียงอย่างเดียวว่าชายชราที่ชื่อหวังจงนั้นมีขั้นพลังสูงส่งมากเกินไป!!!
Comments for chapter "บทที่ 1774 ข้ามีนามว่าหวังจง"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
puiphone
เอาแร้ว จะเฉลยไหม