เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1931 งานเลี้ยงอำลา
ตอนที่ 1,931 งานเลี้ยงอำลา
เมื่อได้ข่าวว่าจะมีการจัดงานเลี้ยงอำลาให้แก่ผู้สังหารราชาหินดำอย่างเฉินเป่ยหลิน ผู้ได้รับเทียบเชิญทุกคนต่างก็ไม่มีผู้ใดอยากจะพลาดโอกาสในครั้งนี้
ไม่ว่าจะเป็นมู่หรงเทียน ฉู่ชิงซือ เฉียวฟู่ และนักศึกษาอัจฉริยะคนอื่น ๆ ต่างก็มาปรากฏตัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
สองพี่น้องตระกูลเจียงก็มาด้วยเช่นกัน
แขกในงานเลี้ยงจำนวนมากรู้สึกประหม่า แต่หลินเป่ยเฉินก็ร่วมดื่มกับทุกคนอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส
ยอดอัจฉริยะเหล่านี้ต่างก็เป็นผู้ใช้สายเลือดผู้เยียวยารุ่นใหม่อนาคตไกล บางทีพวกเขาอาจจะกลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของนักพรตหญิงชินในอนาคตก็เป็นได้ ดังนั้นหลินเป่ยเฉินจึงพยายามจะผูกมิตรกับทุกคนให้ได้มากที่สุด
“กราบเรียนคุณชายเฉิน ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ ก่อนหน้านี้เคยล่วงเกินคุณชายอยู่บ้าง ขอคุณชายโปรดให้อภัยด้วย”
เมื่อดื่มสุราเข้าไปได้จำนวนหนึ่ง เจียงหนานก็มีความกล้าหาญมากพอที่จะกล่าวขอโทษออกมาสำหรับพฤติกรรมก่อนหน้านี้ของตนเอง ที่เคยล่วงเกินหลินเป่ยเฉินมากกว่าหนึ่งครั้ง
แต่อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเพียงการพูดจาดูถูกเหยียดหยามเท่านั้น หาใช่ปัญหาใหญ่อันใดไม่
“ฮ่า ๆๆ คุณชายเจียงอย่าได้นึกถึงเรื่องนั้นอีกเลย เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านเลยไปเถอะ”
หลินเป่ยเฉินชนถ้วยสุรากับเจียงหนานและดื่มรวดเดียวหมด
นี่ทำให้เจียงหนานตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง สีหน้าและแววตาของเขายิ่งแสดงออกถึงความเคารพเลื่อมใสหลินเป่ยเฉินมากขึ้น จนถึงกับต้องกล่าวออกมาว่า “นับจากนี้ไป ชีวิตของข้าเป็นของท่านแล้ว”
นี่เป็นเพียงวาจาเหลวไหลในวงสุรา
เจียงหนานจำเป็นต้องพูดออกมาเพื่อเป็นการแสดงออกให้เห็นว่า ตนเองไม่มีความเป็นปฏิปักษ์ต่อเฉินเป่ยหลินอีกต่อไป
แต่ถึงกระนั้น เขาก็พร้อมรับใช้เฉินเป่ยหลินจริง ๆ
ก็ผู้ใดใช้ให้เฉินเป่ยหลินเป็นผู้สังหารราชาหินดำกันเล่า?
“คุณชายเฉิน ข้าขอดื่มคารวะให้กับท่าน”
มู่หรงเทียนซึ่งปกติมักจะเย็นชากับบุรุษทุกผู้คน ค่ำคืนนี้ก็ถึงกับดื่มฉลองให้แก่หลินเป่ยเฉินแล้ว
บางทีอาจเป็นเพราะว่านางเมามายมากเกินไป ใบหน้าของนางจึงแดงก่ำ และนั่นก็ทำให้หัวหน้าศิษย์จากสำนักไทปิงดูเย็นชาน้อยลงและมีความเป็นสตรีมากขึ้น ซึ่งเป็นภาพที่หาได้ยากยิ่งนักในวันเวลาปกติ
“คุณชายเฉิน ดื่ม”
เฉียวฟู่ผู้มีน้ำหนักมากกว่าสามร้อยชั่งก็ดื่มคารวะให้กับเขาเช่นกัน
การปรากฏตัวของนางแต่ละครั้งมักจะทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนเสมอ
แต่ไม่มีผู้ใดกล้าปฏิเสธถึงพรสวรรค์และความเป็นอัจฉริยะของหญิงสาวร่างอ้วนผู้นี้
และด้วยความที่นางได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในสามศิษย์เอกของอาจารย์ใหญ่กงซานอิ๋งเฉวี่ยน หญิงสาวร่างอ้วนในตอนนี้จึงมีสง่าราศีมากกว่าเดิมและมีความสูงส่งในชนิดที่ผู้อื่นแทบไม่กล้าสบตากับนางแล้ว
หลินเป่ยเฉินรับการดื่มคารวะจากเฉียวฟู่ด้วยความยินดียิ่ง
เหตุผลที่เฉียวฟู่มาดื่มคารวะให้กับเขานั้น เป็นเพราะเขาทำให้เฉียวปี้อี๋ผู้เป็นน้องสาวของนางได้รับตำแหน่งศิษย์เอกของอาจารย์ใหญ่ แต่ถึงกระนั้น หลินเป่ยเฉินก็ไม่อยากยอมรับความจริง และคิดว่าที่เฉียวฟู่มาดื่มคารวะให้แก่ตนเองนั้นเป็นเพราะนางหลงเสน่ห์เขาต่างหาก
งานเลี้ยงดำเนินไปจนถึงดึกดื่น
แต่ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา
สิ่งเดียวที่น่าเสียดายในงานเลี้ยงครั้งนี้ก็คือชินเหลียนเซินผู้ทำคะแนนสอบได้แปดร้อยคะแนนเต็มเป็นประวัติศาสตร์ของสำนักศึกษาฉิวจื่อไม่ได้ปรากฏตัวร่วมงานด้วย
แต่ก็ไม่มีผู้ใดคิดว่านางหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีเกินไปจนไม่มาร่วมงานเลี้ยง
เพราะมีข่าวลือเกิดขึ้นในสำนักศึกษาฉิวจื่อว่า ชินเหลียนเซินถูกวางตัวให้เข้ารับตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ต่อจากกงซานอิ๋งเฉวี่ยน นางเป็นผู้ที่นำความหวังใหม่มาสู่ผู้ใช้สายเลือดผู้เยียวยาจึงจำเป็นต้องร่ำเรียนอย่างหนักหน่วง และไม่ง่ายนักที่ผู้ใดจะได้พบเจอตัวนางอีกแล้ว
และผู้ที่มีสถานะสูงส่ง ทุก ๆ การตัดสินใจย่อมถูกต้องเสมอ
ในปัจจุบัน สถานะของชินเหลียนเซินก็เป็นเช่นนั้นเอง
การที่นางมิได้มาร่วมงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ ผู้คนจำนวนมากต่างก็ลงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ชินเหลียนเซินคงมองว่านี่เป็นเรื่องที่เสียเวลายิ่งนัก สู้เอาเวลาทั้งหมดไปทุ่มเทอ่านตำราไม่ดีกว่าหรือ?
เมื่องานเลี้ยงเลิกรา ผู้คนก็แยกย้ายกระจายตัว
เฉียวปี้อี๋ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเมามาย กลิ่นกายของนางมีแต่กลิ่นสุรา นางขยับเข้ามายืนขวางหน้าหลินเป่ยเฉินที่กำลังจะเดินทางกลับเช่นกัน เฉียวปี้อี๋เชิดหน้าขึ้น จ้องมองเขาด้วยดวงตาหวานหยาดเยิ้ม “ท่านจากไปในครั้งนี้ ไม่ทราบว่าจะกลับมาอีกหรือไม่?”
“ย่อมกลับมาอีก เพราะคนรักของข้าอยู่ที่นี่”
เฉียวปี้อี๋รีบถามด้วยความดีใจว่า “คนรักของท่านรวมข้าด้วยหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินยิ้มก่อนจะส่ายศีรษะ “แน่นอนว่า… ต้องไม่รวมอยู่แล้ว”
รอยยิ้มหายวับไปจากใบหน้าเฉียวปี้อี๋ทันที
“ผู้คนจ้องมองอยู่ตั้งมากมายเพียงนี้ ท่านกล้าฉีกหน้าข้าได้อย่างไร”
เฉียวปี้อี๋กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน “คนใจร้าย ท่านฉวยโอกาสจากข้าไปตั้งมากมาย แล้วท่านจะให้ข้าไปแต่งงานกับผู้อื่นได้อย่างไร?”
หลินเป่ยเฉินหันกลับมามองหน้าเด็กสาวผู้กอดแขนขวาของเขาแน่นและถามว่า “เช่นนั้นเจ้าต้องการสิ่งใด?”
เฉียวปี้อี๋กัดริมฝีปาก ใช้มือที่ขาวเนียนของนางเชยคางหลินเป่ยเฉินขึ้น และตอบว่า “ท่านต้องขึ้นเตียงกับข้า ร่วมรักกับข้าซะ”
หลินเป่ยเฉินชะงักกึก “ต้องขนาดนั้นเชียวหรือ?”
ดวงตาของเฉียวปี้อี๋เป็นประกายหยาดเยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง ทุกครั้งที่นางกล่าววาจา กลิ่นสุราก็จะตีใส่หน้าหลินเป่ยเฉินเสมอ “ท่านคิดว่าอย่างไรล่ะ? ดูสภาพข้าเอาเถอะ ข้าจะไปสู้กับชินเหลียนเซินหรือพี่สาวของข้าได้อย่างไร พวกนางล้วนแต่เป็นชนชั้นอัจฉริยะตัวจริงเสียงจริง ที่ได้แต่งตั้งให้เป็นศิษย์เอกอาจารย์ใหญ่ก็เพราะมีความสามารถเพียงพอ ส่วนข้านั้นได้รับการแต่งตั้งก็เพราะสนิทกับท่าน… ข้าไม่ใช่อัจฉริยะ มิหนำซ้ำ รูปร่างหน้าตายังงดงามสู้พวกนางไม่ได้ หากไม่บังคับท่านตั้งแต่ตอนนี้ แล้วข้าจะมีโอกาสได้อย่างไร?”
หลินเป่ยเฉินรีบปัดมือของเด็กสาวออกจากคางของตนเอง “บอกตามตรงเลยนะ มีสาวงามมากมายอยากจะหลับนอนกับข้า แต่เจ้าเป็นคนที่สองที่กล้าพูดออกมาตรง ๆ เช่นนี้”
เฉียวปี้อี๋ระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจ “ข้าจะไม่ถามหรอกนะว่าคนที่หนึ่งเป็นผู้ใด แต่ข้าจะถามว่านางทำสำเร็จหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจและพยักหน้า “นางทำสำเร็จ”
เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้น เฉียวปี้อี๋ก็ยิ่งยิ้มกว้างมากกว่าเดิม ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ พยายามขยับกายเข้ามาแนบชิดเขาอีกครั้ง “งั้นข้าก็มีหวังแล้วสินะ”
หลินเป่ยเฉินรีบอธิบายว่า “นี่ไม่เหมือนกัน ครั้งนั้นนางทำสำเร็จ ก็เพราะว่าข้าสู้แรงนางไม่ได้ต่างหาก”
เฉียวปี้อี๋หยุดชะงัก หรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มกว้าง “ท่านเป็นคนตลกจริง ๆ”
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
เฮ้อ
นั่นเป็นเรื่องราวในอดีตที่เขาไม่อยากนึกถึงเลย
“สิ่งที่เจ้าควรทำคือตั้งใจเรียนต่างหาก”
หลินเป่ยเฉินตบไหล่เฉียวปี้อี๋อย่างให้กำลังใจและกล่าวต่อไปว่า “เจ้าต้องฝึกฝนฝีมือให้แข็งแกร่งมากกว่านี้ เจ้าจะได้แอบเข้ามาหาข้าตอนที่ข้าหลับใหล และเมื่อเจ้าแข็งแกร่งจนข้าสู้แรงเจ้าไม่ไหวเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้น เจ้าก็จะทำได้สำเร็จแล้ว”
เฉียวปี้อี๋มีสีหน้าผิดหวังอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยอมรับคำโดยดี “รับทราบแล้วเจ้าค่ะ”
“แต่ว่าเมื่อสักครู่นี้… เจ้าว่าเจ้าสวยสู้พี่สาวของตนเองไม่ได้หรือ?”
หลินเป่ยเฉินรีบเปลี่ยนเรื่องโดยเร็ว
เฉียวปี้อี๋หัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจ “ท่านคิดจริง ๆ หรือว่าพี่สาวของข้าเป็นหมูอ้วนเช่นนั้น?”
หลินเป่ยเฉินถึงกับตอบคำใดไม่ถูก
เพราะก่อนหน้านี้เขาไม่เคยให้ความสนใจเฉียวฟู่มาก่อน
“อิ ๆ พวกท่านนี่นะ… งั้นข้าจะบอกความลับให้ก็แล้วกัน ความจริงพี่สาวของข้ามีหน้าตางดงามมาก แม้แต่ชินเหลียนเซินก็ยังอาจงดงามสู้พี่สาวของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ”
เฉียวปี้อี๋ขยับเข้ามากระซิบข้างหูหลินเป่ยเฉินด้วยความภาคภูมิใจ
“จริงหรือ?”
หลินเป่ยเฉินอดถามออกไปด้วยความสงสัยไม่ได้