เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1938 เปิดฉากการโจมตี
ตอนที่ 1,938 เปิดฉากการโจมตี
อาณาจักรเหนียนเซียงตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของเขตสมรภูมิการรบ
เดิมที พื้นที่นี้เต็มไปด้วยความอันตรายและความโกลาหล ที่นี่เป็นดินแดนที่มีแต่สงครามไม่มีสิ้นสุด สุดท้ายพวกเขาก็ก่อตั้งเป็นอาณาจักรเหนียนเซียงซึ่งมีดาวเคราะห์อยู่ในการปกครองมากมายนับไม่ถ้วน แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว แม้ดาวเคราะห์เหล่านั้นจะเป็นเพียงดาวเคราะห์เล็ก ๆ แต่พวกมันก็เป็นดวงดาวที่มีอันตรายอย่างคาดไม่ถึง
และ ‘จุดทิ้งสมอ’ ประจำอาณาจักรเหนียนเซียง ก็เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างอาณาจักรเทียนอวี่กับอาณาจักรเล่ยฉื่อพอดี
แต่ไหนแต่ไรมา เส้นทางนี้ก็เป็นเส้นทางขนส่งสำคัญ
นานมาแล้ว ที่นี่เคยอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ใช้สายเลือดผู้เยียวยา
แต่น่าเสียดายที่เมื่อเวลาผ่านไป จำนวนสมาชิกของผู้ใช้สายเลือดผู้เยียวยาก็ลดลงและนั่นก็ทำให้อำนาจของพวกเขาเสื่อมถอยลงในที่สุด
เป็นเวลาหลายร้อยปีแล้วที่เส้นทางขนส่งแห่งนี้ตกอยู่ในการควบคุมของกลุ่มโจรสลัดกุหลาบขาว และเรือเหาะขนส่งสินค้าจำนวนมากก็ต้องจ่ายค่าผ่านทางหากต้องการใช้งานจุดทิ้งสมอของพวกเขา
แน่นอนว่าต้องมีคนใหญ่คนโตคอยหนุนหลังกลุ่มโจรสลัดกุหลาบขาวอยู่แล้ว
มิเช่นนั้น พวกเขาจะครอบครองความยิ่งใหญ่มาอย่างยาวนานได้อย่างไร?
ตัวแทนผู้ใช้สายเลือดผู้เยียวยาเคยพยายามบุกมาโจมตีเพื่อทวงคืนอาณาจักรเหนียนเซียงหลายครั้ง แต่ความพยายามทุกครั้งก็ต้องจบลงด้วยความล้มเหลว
ปัจจุบัน อาณาจักรเหนียนเซิยงที่โกลาหลวุ่นวายกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของทุกฝ่าย
กลุ่มโจรสลัดกุหลาบขาวถอนตัวไป บัดนี้ การแย่งชิงดินแดนจึงเกิดขึ้นระหว่างสามขั้วอำนาจหลัก สุดท้าย อาณาจักรเหนียนเซียงก็ตกอยู่ในการปกครองของเผ่าพันธุ์อสูร และพวกมันก็คุ้มกันที่นี่อย่างหนาแน่น
การบุกโจมตีจึงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด
“ท่านแม่ทัพขอรับ กองเรือรบกองที่สามของเราถูกตีแตกเรียบร้อยแล้ว เราต้องเสียกำลังพลไปถึงสองในสามส่วน ท่านแม่ทัพจะให้พวกเราล่าถอยเลยไหมขอรับ?”
หลินเถาผู้เป็นหนึ่งในแม่ทัพระดับชั้นนำจ้องมองไปยังฮันซางเซียงผู้บังคับบัญชาของตนเองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
แม้ว่าฮันซางเซียงจะมีอายุเกือบสองร้อยปีแล้ว แต่นางก็ยังมีรูปโฉมงดงามไม่ต่างจากหญิงสาววัยแรกรุ่น นางผูกผมเป็นหางม้ายกสูง สวมใส่ชุดเกราะลายเสือดาวสีแดง นางเกิดในตระกูลทหารและเป็นสมาชิกคนสำคัญของกองทัพเป่ยเฉิน
แม้ว่าฮันซางเซียงจะเป็นสตรี แต่นางก็มีความแข็งแกร่งไม่แพ้บุรุษ เมื่อมีหอกไร้พ่ายที่เป็นอาวุธคู่กายอยู่กับมือ นางก็สามารถออกเดินทางได้ทั่วเส้นทางดาราจักร
ไม่ทราบเลยว่ามียอดฝีมือต้องเสียชีวิตด้วยมือของนางมากี่คนแล้ว
และด้วยความยอดเยี่ยมจากฝีมือการต่อสู้นี้เอง นางจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับบัญชาการรบ ไม่ว่าได้รับภารกิจใด ไม่ว่าเป็นภารกิจเล็กหรือภารกิจใหญ่ ฮันซางเซียงก็ไม่เคยล้มเหลวมาก่อน
ดังนั้น การที่นางได้รับมอบหมายให้เป็นผู้บังคับบัญชาในการบุกโจมตีอาณาจักรเหนียนเซียงในครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจแต่อย่างใด
แต่สถานการณ์การสู้รบในขณะนี้ ทำให้หลายคนเริ่มเป็นกังวลขึ้นมาแล้ว
พวกเขาไม่สามารถบุกยึดอาณาจักรเหนียนเซียง มิหนำซ้ำ ยังต้องสูญเสียกำลังพลไปเกินครึ่ง
ทางกองทัพอสูรคงรู้ดีว่าอาณาจักรเหนียนเซียงเป็นสมรภูมิสำคัญสำหรับฝ่ายมนุษย์ พวกมันจึงส่งแต่นายทหารระดับยอดฝีมือมาประจำการอยู่ที่นี่ แม้แต่พลทหารระดับล่างก็ยังไม่กลัวตาย พวกมันมีจิตวิญญาณของสัตว์อสูรผู้ป่าเถื่อน ทุกครั้งที่มีเรือเหาะของมนุษย์แล่นเข้าไปใกล้อาณาเขตของพวกมัน กองทัพอสูรก็จะส่งกำลังพลออกมาโจมตีอย่างไม่รอช้า
“พวกเราล่าถอยไม่ได้”
ฮันซางเซียงส่ายหน้า “เราไม่มีเวลาแล้ว ฤดูหนาวกำลังจะมา ถ้าเรายังบุกยึดที่นี่ไม่ได้ ผู้คนจะต้องอดอาหารตายเป็นจำนวนมาก และนั่นก็จะเป็นความเสียหายใหญ่หลวงมากกว่านี้หลายเท่า”
แม่ทัพหญิงผู้งดงามคว้าหมวกเหล็กที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาถือ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกมาจากห้องบัญชาการ
หอกไร้พ่ายของนางเหน็บอยู่บนแผ่นหลัง มันสั่นสะท้านเล็กน้อย คล้ายกับเป็นสิ่งมีชีวิตที่กำลังตื่นเต้น
หลินเถาทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็เปลี่ยนใจไม่ได้พูดอะไรออกมา
ฮันซางเซียงเป็นผู้มีฝีมือการต่อสู้แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา
ในอดีต เมื่อนางลงสู่สนามรบ สถานการณ์ก็จะเปลี่ยนไป นางคือฝันร้ายของกองทัพศัตรูอย่างแท้จริง
แต่ครั้งนี้…
ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด หลินเถาจึงรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี คล้ายกับว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลอย่างไรบอกไม่ถูก
…
“นายท่านขอรับ ข้างหน้านี้เป็นเขตแดนของกองทัพอสูรแล้ว”
หวังเฟิงหลิวก้าวเดินออกมาข้างหน้าและรายงานอย่างระมัดระวัง
หลังจากที่เรือเหาะเซียนกระบี่อมตะผ่านจุดทิ้งสมออย่างต่อเนื่องมาถึงครึ่งวันและจัดการเรือเหาะอสูรแตกสลายไปอีกสิบสองลำ ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงเขตชายแดนของอาณาจักรเหนียนเซียงเสียที
หลินเป่ยเฉินพยักหน้า จากนั้นเขาก็เดินกลับขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ เพื่อสำรวจสถานการณ์ด้วยตนเอง
บนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ มีแต่เศษซากสิ่งของลอยอยู่เกลื่อนกลาด
เศษซากสิ่งของเหล่านั้นมองดูเผิน ๆ พวกมันก็แทบไม่ต่างไปจากดาวเคราะห์เล็ก ๆ ที่มีสีสันแตกต่างกันไป บางส่วนมีขนาดใหญ่โตซึ่งกินพื้นที่กว่าสิบลี้ สภาพคล้ายกับมหาสมุทรที่มีแต่เศษขยะอยู่บนผิวน้ำ
และนี่ก็คงเป็นภาพที่สามารถพบเห็นได้แต่ในเขตสงครามเท่านั้น
หลินเป่ยเฉินนำกล้องส่องทางไกลขึ้นมาใช้งาน
แล้วเด็กหนุ่มก็ได้พบว่ามีเรือเหาะอสูรกำลังออกลาดตระเวนอยู่ท่ามกลางกองขยะอวกาศเหล่านั้น
พวกเขาถึงกับใช้เศษซากบางส่วนของกองขยะก่อสร้างค่ายอาคมและใช้งานพวกมันเป็นป้อมปราการลอยฟ้า
ส่วนเขตรอบนอกของชายแดนก็มีเรือเหาะอสูรคอยลาดตระเวนอย่างเข้มงวดอยู่เช่นกัน
นี่เรียกว่าเป็นการป้องกันที่รอบคอบรัดกุมยิ่งนัก
หลินเป่ยเฉินลดกล้องส่องทางไกลลงและหันมามองหน้าหวังเฟิงหลิว “เหล่าหวัง…”
“นายท่านเรียกข้าน้อยว่าเสี่ยวหวังเถอะขอรับ”
หวังเฟิงหลิวรีบประจบด้วยความกระตือรือร้น
“คือว่า…”
สีหน้าของหลินเป่ยเฉินแลดูประหลาดพิกล “มันจะดีหรือ? ท่านอายุเยอะมากกว่าข้าไม่น้อยเลยนะ”
“ไม่เป็นไรขอรับนายท่าน นายท่านสามารถเรียกข้าน้อยได้ตามใจชอบเลย”
หวังเฟิงหลิวกล่าวด้วยน้ำเสียงดีใจ
“งั้นก็ดี เจ้าตัวบัดซบ”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าในที่สุด
หวังเฟิงหลิวพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
เขารู้สึกอยากจะต่อยหน้าเด็กหนุ่มเหลือเกิน!!
แต่ก็ไม่กล้า
สุดท้ายก็ทำได้เพียงยิ้มรับเอาไว้
หลินเป่ยเฉินกล่าวว่า “เจ้าอุตส่าห์พาข้าเดินทางมาถึงที่นี่ เมื่อข้าเปิดฉากโจมตีกองทัพอสูร เจ้าก็พาคนของกองโจรกระบี่อวตารถอนกำลังกลับไปเถอะ ประเดี๋ยวพวกเจ้าจะต้องเดือดร้อนด้วยเสียเปล่า ๆ”
หวังเฟิงหลิวชะงักกึก ก่อนกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “นายท่านกล่าวเช่นนั้นได้อย่างไร กองโจรกระบี่อวตารของเราก็เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์เหมือนกัน นายท่านจะให้เราหลบหนีพวกอสูรโสโครกเหล่านี้หรือขอรับ? แม้ว่าพวกเราอาจจะไม่ได้กลับบ้านอีกแล้ว แต่พวกเราก็จะขอติดตามนายท่านไปตายในสนามรบขอรับ”
หืม?
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ
รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
สมาชิกกองโจรที่เห็นผลประโยชน์ของพรรคพวกตนเองมาเป็นอันดับหนึ่ง อยู่ดี ๆ ทำไมถึงได้เกิดความกล้าหาญเช่นนี้?
หลินเป่ยเฉินนิ่งคิดอะไรบางอย่างเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวต่อ “ก่อนเปิดฉากการโจมตี พวกเราต้องมีพิธีรีตองอันใดหรือไม่? อย่างเช่น เราต้องส่งสาส์นท้ารบไปยั่วยุพวกมันก่อนไหม?”
ใบหน้าของหวังเฟิงหลิวซีดเผือด ก่อนจะรีบตอบโดยเร็วว่า “นายท่าน ข้าน้อยว่าพวกเราลงมือโจมตีโดยไม่ให้พวกมันตั้งตัวดีกว่าขอรับ”
หลินเป่ยเฉินยืนนิ่งอย่างใช้ความคิด ก่อนกล่าวอย่างจริงจังว่า “มีเหตุผล งั้นพวกเราลงมือเลยดีหรือไม่?”
หวังเฟิงหลิวพยักหน้าสนับสนุน “ดีมากขอรับ พวกเราแค่ต้องปั่นหัวพวกมันเท่านั้น และเราก็จะผนึกกำลังร่วมมือกับกองทัพเป่ยเฉินสังหารกองทัพอสูรให้สิ้นซาก”
แล้วเรือเหาะเซียนกระบี่อมตะก็เร่งความเร็วพุ่งตัวไปข้างหน้า