เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1939 ระเบิดเรือเหาะอสูร
ตอนที่ 1,939 ระเบิดเรือเหาะอสูร
กลุ่มเรือเหาะอสูรเห็นเรือเหาะของมนุษย์กำลังพุ่งเข้ามา
เสียงเป่าแตรดังกังวาน
แล้วเรือเหาะอสูรจำนวนสิบลำก็พุ่งออกมาหาเรือเหาะเซียนกระบี่อมตะ
ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายจึงค่อย ๆ ลดลง
กำลังพลของกองโจรกระบี่อวตารยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือเหาะเซียนกระบี่อมตะ
และยังมีองครักษ์จากกองทัพเซียนกระบี่เช่นสวีหลิวกวงซึ่งสวมใส่ชุดเกราะและพร้อมต่อสู้ได้ทุกเมื่อ
ดวงตาของทุกคนเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความโกรธแค้น
ทุกคนอยากจะแก้แค้น
เพราะพวกเขาได้พบเห็นความโหดร้ายที่เหล่าอสูรทำเอาไว้กับเผ่าพันธุ์มนุษย์บนเรือเหาะของพวกมัน
พวกเขาได้เห็นชิ้นส่วนมนุษย์ที่อยู่ในหม้อต้ม
และที่สำคัญก็คือ บัดนี้ผู้สังหารราชาหินดำอย่างหลินเป่ยเฉินก็อยู่ที่นี่ทั้งคน ไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาต้องหวาดกลัวอีกแล้ว
ทุกคนเพียงอยากแก้แค้นเพื่อเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์
หลินเป่ยเฉินยืนอยู่ที่หัวเรือเหาะ เฝ้ามองเรือเหาะของฝ่ายตรงข้ามเคลื่อนเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ
เขาสามารถมองเห็นได้ถึงโครงกระดูกที่อยู่บนเรือเหาะ ผืนธงหนังสัตว์ที่ปลิวไสว รอยยิ้มอำมหิตที่ประดับอยู่บนใบหน้าของพวกมัน หลินเป่ยเฉินเห็นแม้กระทั่งเมือกเหนียวที่ติดอยู่ตามเขี้ยวแหลมในปากของพวกมัน
บัดนี้ อสูรเหล่านั้นกำลังตวัดดาบ ขวานและอาวุธในมือด้วยความกระหายเลือด
หลินเป่ยเฉินนำปืนยิงระเบิด Type 69 ออกมาจากแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์
นับตั้งแต่ที่ปืนยิงระเบิดรุ่นนี้ได้รับการอัปเกรด เขาก็ยังไม่มีโอกาสได้นำมันออกมาใช้งานเลยสักครั้ง
หลินเป่ยเฉินโคจรพลังปราณใส่ลงไปในปืนยิงระเบิด Type 69 หลังจากนั้นจึงยกปืนขึ้นประทับบนบ่า และเล็งเป้าหมายไปยังเรือเหาะที่อยู่ด้านหน้า ก่อนจะเหนี่ยวไกยิงอย่างช้า ๆ
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังกึกก้อง
หลินเป่ยเฉินถึงกับยืนเซเล็กน้อย
เมื่อปืนยิงระเบิดได้รับการอัปเกรด แรงดันของมันก็มีมากกว่าเดิมจนเกินคาดคิด
เบื้องหน้าเกิดการระเบิดคล้ายกับมีการยิงดอกไม้ไฟ
ทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ภายใต้เปลวไฟสีแดงเข้ม นับเป็นภาพที่สวยงามตระการตาและน่าหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน
หลังจากนั้น เรือเหาะทั้งสิบลำของเผ่าพันธุ์อสูรที่หมายจะบุกมาโจมตีเรือเหาะเซียนกระบี่อมตะก็สลายหายไปในอากาศ
“สวยจังเลยแฮะ”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองเปลวไฟที่ระเบิดขึ้นที่เบื้องหน้าและอุทานออกมา “บางครั้งชีวิตของคนเราก็เกิดขึ้นใหม่จากเถ้าถ่าน นี่ทำให้อารมณ์ศิลปินของเราพลุ่งพล่าน เฮ้อ นี่สินะระเบิดแห่งคุณธรรม…”
ทุกสายตาจ้องมองไปยังเด็กหนุ่มเป็นตาเดียวกัน
การโจมตีครั้งนี้มีพลังทำลายล้างรุนแรง
เพียงสะบัดมือครั้งเดียวก็สามารถระเบิดเรือเหาะได้ถึงสิบลำ
สมแล้วที่เป็นหลินเป่ยเฉินในตำนาน
เมื่อเปลวไฟดับมอดลง พวกเขาก็พบเห็นเพียงเศษซากชิ้นส่วนของเรือเหาะที่ลอยอยู่เต็มท้องฟ้า
อสูรบางตัวที่ยังไม่ตายพยายามตะเกียกตะกายร้องขอชีวิต โลหิตในร่างกายของพวกมันไหลทะลักในอากาศ…
“ดูเอาเถอะ ไม่ว่าจะแข็งแกร่งและดุร้ายเพียงใด แต่เมื่อเผชิญหน้ากับความตาย สุดท้ายพวกมันก็ต้องร้องขอชีวิตอยู่ดี… เจ้าพวกอสูรเอ๋ย ในเมื่อพวกเจ้ากล้าฆ่าคน พวกเจ้าก็ต้องยอมรับการถูกฆ่าด้วยเช่นกัน”
หลินเป่ยเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ในเมื่ออสูรร้ายเหล่านี้ฆ่ามนุษย์ พวกมันก็ต้องถูกมนุษย์ฆ่า
นี่คือเรื่องที่สมเหตุสมผลดีแล้ว
แต่คำพูดที่ฟังดูเหมือนไร้สาระของหลินเป่ยเฉินนั้น กลับทำให้ผู้คนจากกองโจรกระบี่อวตารที่ตื่นตระหนกกับความดุร้ายของเผ่าพันธุ์อสูรเหล่านั้นถึงกับคลายความกังวลลงได้หลายส่วน
หลินเป่ยเฉินดึงกระบี่ออกมาจากข้างเอวของหวังเฟิงหลิวและยกกระบี่ชี้ไปข้างหน้าว่า “พวกเราบุก!”
วูบ!
เรือเหาะเซียนกระบี่อมตะเร่งความเร็วพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วสายฟ้าฟาด
เลือดลมในร่างกายของทุกคนร้อนระอุ
ตู้ม!
ฝ่ายตรงข้ามยิงปืนใหญ่ใส่พวกเขาอย่างหนักหน่วง
แต่เรือเหาะเซียนกระบี่อมตะมีม่านพลังป้องกันอย่างแน่นหนา
แม้ว่าม่านพลังจะสั่นไหว แต่พวกเขาก็ยังปลอดภัยดี
อย่างน้อยก็ในตอนนี้
เพราะม่านพลังคงทนรับการโจมตีได้ไม่นานนัก
ดังนั้น พวกเขาจึงต้องรีบเผด็จศึกให้เร็วที่สุด
เป้าหมายในการบุกโจมตีของพวกเขาครั้งนี้คือการบุกยึดจุดทิ้งสมอประจำอาณาจักรเหนียนเซียง ไม่ใช่การฆ่ากวาดล้างกองทัพอสูร ดังนั้น…
พวกเขาจึงต้องลงมือด้วยความระมัดระวัง
แง้นนนน!
เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม
หลินเป่ยเฉินนำรถมอเตอร์ไซค์ Zongshen รุ่น 250 ออกมา
เด็กหนุ่มกระโดดขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์และโบกสะบัดกระบี่ที่อยู่ในมือ “ข้าจะไปเปิดทางให้แก่ทุกคนเอง… เสี่ยวหวัง เจ้านำเรือเหาะตามข้ามาก็แล้วกัน”
หลินเป่ยเฉินบิดคันเร่ง
เสียงเครื่องยนต์คำราม
แต่สำหรับคนอื่นที่มองไม่เห็นมอเตอร์ไซค์ พวกเขาจึงเข้าใจว่านั่นคือเสียงคำรามของหลินเป่ยเฉิน
นี่คือการระเบิดพลังของผู้สังหารราชาหินดำใช่หรือไม่?
หวังเฟิงหลิวยืนอยู่ด้านหลังหลินเป่ยเฉินและรู้สึกได้ว่ามีไอความร้อนแผ่มาปะทะใบหน้า
แปลกประหลาด
นายน้อยมีพลังแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น เหตุไฉนพลังปราณจึงมีกลิ่นเหม็นไหม้?
และในจังหวะที่ทุกคนคิดว่าหลินเป่ยเฉินกำลังจะพุ่งออกไปโจมตีศัตรูนั้นเอง พวกเขาก็เห็นเด็กหนุ่มหยุดชะงักคล้ายกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “โอ๊ะ ข้าเกือบลืมเรื่องสำคัญไปเสียสนิทเลย…”
ทุกคนหยุดชะงัก
และพวกเขาก็ได้เห็นหลินเป่ยเฉินนำหมวกรูปทรงแปลกประหลาดขึ้นมาครอบบนศีรษะของตนเอง
ยิ่งทำให้หลินเป่ยเฉินดูมีความลึกลับมากขึ้น
“เกือบลืมใส่หมวกกันน็อกเลย… ตามกฎหมายการควบคุมจราจรมาตราที่ 51 ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ทุกคนต้องสวมใส่หมวกกันน็อคขณะเดินทาง มิฉะนั้นจะถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย”
แง้นนนนน!
เครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์คำราม ควันจากท่อไอเสียแผ่กระจายใส่ใบหน้าของผู้คน
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มก็พุ่งตัวเป็นลำแสงสีดำ มุ่งหน้าตรงไปยังเรือเหาะของฝ่ายตรงข้าม
หวังเฟิงหลิวเห็นเช่นนั้นก็ต้องรีบตะโกนไล่หลังไปว่า “นายท่านขอรับ กระบี่ของข้าน้อย กระบี่ของข้าน้อย…”
แต่หลินเป่ยเฉินพุ่งตัวออกไปในท่วงท่าที่แปลกประหลาด ไม่สามารถย้อนกลับมาได้อีกแล้ว
“ฮ่า ๆๆ สุดยอดเลยว่ะเฮ้ย”
หลินเป่ยเฉินบิดคันเร่งนำมอเตอร์ไซค์พุ่งทะยานผ่านอวกาศ รู้สึกสนุกสนานไม่ต่างจากตอนเป็นเด็กที่ขี่อยู่บนหลังเจ้าหมูน้ำหนักสองร้อยกิโลกรัมในคอกหมูของครอบครัวญาติผู้ใหญ่
มอเตอร์ไซค์ของเขาก็ได้รับการอัปเกรดเช่นกัน
มันมีน้ำหนักเบาขึ้น ทำให้มีความเร็วมากขึ้น
ความเร็วของมอเตอร์ไซค์ในขณะนี้เทียบเท่ากับความเร็วของเรือเหาะระดับมาตรฐานแล้ว!