เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1959 เกิดเรื่องขึ้นอีกแล้วสินะ
ตอนที่ 1,959 เกิดเรื่องขึ้นอีกแล้วสินะ
อาณาจักรหลิวเยวียน
ฐานบัญชาการปีศาจ
วิหารลอยฟ้า
“ข้าน้อยขอคารวะท่านภูตอเวจี”
อวี้เหวินซิวเซียนกลับมายังฐานบัญชาการของเผ่าพันธุ์ปีศาจ
เขาถามด้วยความพิศวงว่า “ข้าน้อยสามารถเอาชนะใจจักรพรรดิของอาณาจักรซือเว่ยได้แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของจักรพรรดิองค์ใหม่ อีกไม่นานอาณาจักรซือเว่ยจะกลายเป็นดินแดนที่แข็งแกร่ง ไม่ทราบว่านายท่านเรียกข้าน้อยกลับมา มีอะไรให้ข้าน้อยรับใช้หรือขอรับ?”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงนั่งอยู่บนบัลลังก์ใหญ่ที่ยกพื้นสูง
นางสวมใส่ชุดกระโปรงยาวสีขาวหิมะ ขับเน้นหน้าอกอวบอิ่มและเอวคอดกิ่ว ใบหน้ายังคงงดงามอย่างสมบูรณ์แบบ คิ้วโก่งดั่งคันศร มีความสง่างามไม่ต่างจากรูปแกะสลักที่ไร้ตำหนิ ชวนให้หัวใจของผู้คนหยุดเต้นได้ทุกเวลา
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงจ้องมองอวี้เหวินซิวเซียนและกล่าวอย่างช้า ๆ ว่า “พรสวรรค์ของเจ้าไม่ควรนำไปใช้เสียเปล่าในดินแดนเล็ก ๆ อย่างอาณาจักรซือเว่ย ในเส้นทางดาราจักรอันกว้างใหญ่แห่งนี้ ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะต้องสร้างชื่อเสียงให้แก่ตนเอง”
หัวใจของอวี้เหวินซิวเซียนพลันเต้นรัวเร็วด้วยความตื่นเต้น
นี่คือความรู้สึกอันปลาบปลื้มที่นายท่านเป็นห่วงเป็นใยเขา
“ข้าน้อยคงต้องขอรับคำแนะนำจากนายท่านแล้วขอรับ”
อวี้เหวินซิวเซียนกล่าวด้วยความกระตือรือร้น เลือดลมในร่างกายพลุ่งพล่านราวกับน้ำเดือด
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงพยักหน้าก่อนกล่าวว่า “บัดนี้ เผ่าพันธุ์มนุษย์เกิดความระส่ำระสาย อำนาจของสภาศักดิ์สิทธิ์สั่นคลอน กองทัพอสูรลุกขึ้นมาต่อต้านเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไฟสงครามปะทุไปทั่วเส้นทางดาราจักร นี่เป็นโอกาสที่เจ้าจะได้สร้างชื่อเสียงของตนเอง…”
“ในเวลานี้ ทุก ๆ เมืองในอาณาจักรหลิวเยวียนได้ตกอยู่ในการครอบครองของพวกเราเรียบร้อยแล้ว เผ่าพันธุ์ของพวกเราสามารถตั้งถิ่นฐานได้อย่างมั่นคง นี่จึงได้เวลาที่พวกเราควรออกสู่โลกกว้างและเจ้าเองก็ต้องทำภารกิจที่มีความสำคัญมากขึ้น”
อวี้เหวินซิวเซียนยิ้มร่าด้วยความตื่นเต้นและตอบรับโดยไม่คิดสิ่งใดทั้งสิ้น “นายท่านสามารถฟื้นฟูพลังกลับคืนมาได้แล้วหรือขอรับ?”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงพยักหน้า ก่อนตอบว่า “ฟื้นคืนมาได้เจ็ดส่วนแล้ว”
ฟื้นคืนมาได้เจ็ดส่วน?
อวี้เหวินซิวเซียนเบิกตาโตด้วยความลิงโลดใจ
พลังเพียงเจ็ดส่วนของท่านภูตอเวจีก็เพียงพอที่จะสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วเส้นทางดาราจักรแล้ว
ในที่สุด ยุคสมัยแห่งความรุ่งเรืองของเผ่าพันธุ์ปีศาจก็กำลังจะมาถึง!
พวกเขากำลังจะก้าวออกจากอาณาจักรหลิวเยวียนเพื่อไปสร้างชื่อเสียงในเส้นทางดาราจักรอันกว้างใหญ่
นี่คือความปรารถนาของสมาชิกเผ่าพันธุ์ปีศาจทุก ๆ คน
พวกเขาไม่เคยคิดลืมเลือนอดีตอันนองเลือดของเผ่าพันธุ์ตนเอง
และเพื่อความอยู่รอด เผ่าพันธุ์ปีศาจถึงกับต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ เป็นระยะเวลาอันเนิ่นนาน
วันนี้ ท่านภูตอเวจีกลับมาแล้ว
และท่านภูตอเวจีก็กลับมาทวงคืนทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของตนเอง นางสังหารผู้ทรยศและกำจัดศัตรูผู้ขวางทาง มีเพียงแต่การล้างแค้นให้สาสมเท่านั้นจึงจะทำให้จิตใจของท่านภูตอเวจีสงบลงได้
“เจ้าให้ร่างแยกของตนเองทำงานในอาณาจักรซือเว่ยไป”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงกล่าวต่อ “บัดนี้ ได้เกิดสงครามขึ้นระหว่างกลุ่มกองกำลังที่เรียกตนเองว่ากองทัพเป่ยเฉินกับกองทัพอสูรและเผ่ามนุษย์ทะเลทราย สงครามนั้นเกิดขึ้นในพื้นที่ทางตอนเหนือของอาณาจักรเล่ยฉื่อ เช่นเดียวกับพื้นที่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของอาณาจักรเทียนอวี่ รวมไปถึงจุดที่เป็นเส้นทางขนส่งของพวกเขาอย่างอาณาจักรเหนียนเซียง”
“สถานที่ทั้งสามแห่งนี้กำลังเกิดความวุ่นวายโกลาหล ภารกิจของเจ้าคือการแอบเข้าสู่อาณาจักรเทียนอวี่ และไปยังดาวเคราะห์ที่มีชื่อว่าดาวเฉินซี ซึ่งอยู่ในการปกครองของกองทัพเป่ยเฉิน เมื่อเจ้าสามารถแฝงตัวเข้าไปในนั้นได้แล้ว ให้หาแท่นบูชาปีศาจโลหิตของพวกเราให้เจอและจุดไฟศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาให้ได้”
อวี้เหวินซิวเซียนหัวใจกระตุกวูบพลางรับคำสั่งว่า “รับทราบแล้วขอรับ”
หลังจากหยุดชะงัก บุรุษหนุ่มก็ลังเลเล็กน้อย “นายท่านขอรับ ไม่ทราบว่าแท่นบูชาโลหิตนี้มีสิ่งใดพิเศษหรือไม่?”
“มันสามารถเรียกวิญญาณคนตายได้”
เมื่อเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตอบคำถามถึงตรงนี้ แววตาก็มีประกายเหยียดหยามและเกลียดชังวูบหนึ่ง ก่อนที่ประกายทั้งหมดนั้นจะหายวับไปอย่างรวดเร็ว
อวี้เหวินซิวเซียนดูเหมือนจะสังเกตเห็นบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าถามอะไรอีก
บัดนี้ อดีตแม่ทัพปีศาจสาวงามอย่างหลี่อี้สวิ่นได้กลายมาเป็นผู้ช่วยของอวี้เหวินซิวเซียน
และแน่นอนว่าองครักษ์ของนางอย่างเยว่ชิงอานก็ได้ติดตามมาด้วยเช่นกัน
…
“คุณชายอวี้เหวินอยากจะพบท่านแม่ทัพใหญ่อย่างนั้นหรือ?”
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในแววตาของฮันซางเซียง “ไม่ทราบว่าท่านมีเรื่องอันใดหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินยกถ้วยน้ำชาบนโต๊ะขึ้นจิบและตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ข้ามีเรื่องอยากจะพูดคุยกับเขาสักหน่อย”
“ว่าไงนะ?”
สีหน้าของฮันซางเซียงพลันสว่างสดใสขึ้นมาในพริบตา แล้วสองแก้มของนางก็แดงปลั่ง
แต่แม่ทัพสาวก็รีบปรับเปลี่ยนสีหน้าของตนเองกลับเป็นปกติและแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ทะ…ท่านอยากจะพูดคุยอะไรกับเขาหรือ?”
หลินเป่ยเฉินไม่ได้สนใจท่าทางของนางสักเท่าไหร่ขณะตอบกลับไปว่า “เรื่องนี้… หากบอกออกไป ท่านคงคิดว่าข้ากำลังหลอกลวงท่าน… ดังนั้นเราอย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้เลย เมื่อถึงเวลาเดี๋ยวท่านก็รู้เอง”
“อ้อ…”
ฮันซางเซียงก้มหน้าต่ำ “อันที่จริง ท่านไม่ต้องบอกอะไรข้าก็ได้ ข้าเพียงจัดการให้ท่านได้เข้าพบกับท่านแม่ทัพใหญ่ก็พอแล้ว”
“หืม?”
หลินเป่ยเฉินหยุดชะงัก “ท่านสามารถช่วยให้ข้าได้เข้าพบกับท่านแม่ทัพใหญ่ได้จริง ๆ หรือ?”
ฮันซางเซียงผงกศีรษะ “ย่อมได้แน่นอน”
หลินเป่ยเฉินถึงกับตกตะลึงแล้ว
แม่ทัพหญิงในกองทัพเล็ก ๆ อย่างฮันซางเซียงมีเส้นสายใหญ่โตถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?
ในระหว่างที่พวกเขาพูดคุยกันมาถึงตรงนี้ องครักษ์นายหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามารายงานอะไรบางอย่างข้างหูของฮันซางเซียง
ฮันซางเซียงผุดลุกขึ้นยืนทันที ก่อนกล่าวว่า “ให้ตายเถอะ… ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
นางรีบหันกลับมามองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความรู้สึกอันหลากหลายและกล่าวว่า “เกิดเรื่องขึ้นในกองทัพ ข้าต้องรีบไปจัดการก่อน แต่หากคุณชายต้องการพบกับท่านแม่ทัพใหญ่จริง ๆ ข้าก็จะจัดการให้”
เมื่อกล่าวจบ ร่างของนางก็พุ่งเป็นลำแสงหายวับไป
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วด้วยความงุนงง
ดูเหมือน... จะเกิดเรื่องขึ้นอีกแล้วสินะ?
หลินเป่ยเฉินไม่ต้องทนสงสัยเนิ่นนานไป
ฮันซางเซียงเดินกลับมาอย่างเร็วไว
“ท่านแม่ทัพใหญ่ต้องการพบคุณชายอวี้เหวิน”
สีหน้าของนางบอกชัดถึงความประหลาดใจสุดขีด
“บัดนี้เลยหรือ?”
หลินเป่ยเฉินสะดุ้งเฮือก ก่อนกระโดดลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจ “อย่าบอกนะว่าเขาอยู่ที่นี่?”
ฮันซางเซียงสบตามองหน้าหลินเป่ยเฉินก่อนจะหมุนตัวเดินนำทางไป “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพใหญ่เพิ่งมาถึงเมื่อสักครู่นี้”
ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็เข้าใจถึงปฏิกิริยาตอบรับของฮันซางเซียงก่อนหน้านี้
ปรากฏว่าองครักษ์ของนางเข้ามารายงานว่าท่านแม่ทัพใหญ่ได้เดินทางมาถึงที่นี่แล้ว
ศิษย์พี่ฮัน!
หัวใจของหลินเป่ยเฉินเต้นรัวเร็วด้วยความดีใจ
ในที่สุด เขาก็กำลังจะได้พบกับศิษย์พี่ฮันแล้วใช่หรือไม่?
หลินเป่ยเฉินรีบเดินตามหลังฮันซางเซียงไปโดยไม่ลังเล