เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1995 ความสะเทือนใจ
ตอนที่ 1,995 ความสะเทือนใจ
“เกิดอะไรขึ้น?”
หลินเป่ยเฉินสังเกตเห็นแววตาที่ตื่นตระหนกของเฉียนเหมย
เฉียนเหมยยกมือปิดปากและกล่าวว่า “นายท่าน ผมของท่าน…”
ผมของเขาอย่างนั้นหรือ?
เชี่ย
อย่าบอกนะว่าหัวล้านแล้ว
หลินเป่ยเฉินรีบยกมือขึ้นจับศีรษะของตนเอง
เส้นผมยังอยู่
เส้นผมยังดกหนา
แต่ว่า…
หลินเป่ยเฉินดึงเส้นผมของตนเองมาสำรวจดูและพบว่า…
มันกลายเป็นสีขาวราวหิมะ
เป็นสีขาวโพลน
นี่เขากลายเป็นคนผมขาวไปแล้วหรือ?
หลินเป่ยเฉินจ้องมองเส้นผมที่อยู่ในมือของตนเองด้วยความเงียบงัน
ปรากฏว่าสิ่งที่อยู่ในนิยายกำลังภายในนั้นไม่ได้เหนือจริงแต่อย่างใด
ผู้คนที่ได้รับความสะเทือนใจมากเกินไป สามารถมีผมขาวได้ทั้งศีรษะในชั่วข้ามคืนจริง ๆ
“นายท่านเจ้าคะ…”
เฉียนเหมยเดินเข้ามาโอบกอดศีรษะของหลินเป่ยเฉินเข้าไปอยู่ในอ้อมอกและกล่าวว่า “นายท่านอย่าได้คิดโทษตนเองเลย ตอนที่ท่านพี่เฉียนเจินจากไปนั้น นางก็ไม่ได้โทษท่านเช่นกัน นางและรั่วซูน้อยกำลังรอคอยท่านอยู่ พวกเราต้องพาพวกนางกลับมาให้ได้”
หลินเป่ยเฉินกอดเอวของเฉียนเหมยแนบแน่น “ข้าจะต้องพาพวกนางกลับมาแน่นอน ไม่ว่าจะต้องบุกน้ำลุยไฟข้ามภูเขาเป็นหมื่นลูก ไม่ว่าจะต้องตามหาสุดหล้าฟ้าเขียวเพียงใด ข้าก็จะต้องพาพวกนางกลับมาให้ได้”
เฉียนเหมยลูบศีรษะที่มีแต่ผมสีขาวโพลนของหลินเป่ยเฉินด้วยความเศร้า “นายท่านมีผมขาวแล้วก็ยังหล่อเหลาเหมือนเดิมเลยนะเจ้าคะ”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอเล็กน้อย
เฉียนเหมยกล่าวขึ้นอีกครั้งว่า “แต่ถ้านายท่านไม่ชอบผมสีนี้ ข้าน้อยได้ยินมาว่าอาจารย์อานมู่ซีได้คิดค้นสมุนไพรวิเศษที่สามารถเปลี่ยนสีผมผู้คนได้ด้วย เดี๋ยวข้าน้อยจะกลับไปขอสมุนไพรจากเขามาเปลี่ยนสีผมนายท่านให้เป็นสีดำเอง”
หลินเป่ยเฉินส่ายศีรษะและกล่าวว่า “หากยังพาตัวเฉียนเจินกับรั่วซููน้อยกลับมาไม่ได้ ข้าจะไม่มีวันเปลี่ยนสีผมตนเองเด็ดขาด”
เฉียนเหมยยิ่งกอดเขาแนบแน่นมากกว่าเดิม ราวกับพยายามจะใช้หน้าอกของนางมาถูใบหน้าของเขา
นี่คือช่วงเวลาที่ตึงเครียดที่สุดในชีวิตของหลินเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินปล่อยมือออกจากเฉียนเหมยและนั่งอยู่ในความเงียบอีกพักใหญ่
เขาเองก็รู้ได้เช่นกันว่าเฉียนเหมยมีความวิตกกังวลและเศร้าโศกไม่ต่างไปจากตนเอง
แม้พวกนางจะไม่ใช่พี่น้องกันทางสายเลือด แต่นางกับเฉียนเจินมีความผูกพันกันยิ่งกว่าพี่น้องในสายเลือดเสียอีก
ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมา “ข้าต้องกลับไปแล้ว”
บัดนี้ เขายังไม่มีเบาะแสให้ออกไปตามหาเฉียนเจิน แต่การประลองของจอมเทพอนันต์ต้องยังคงดำเนินต่อไป
นี่คือการประลองครั้งสำคัญที่จะกำหนดความรุ่งเรืองของกองทัพเป่ยเฉิน
และผู้ประลองคนสุดท้ายก็คือพี่สาวตาบอดซึ่งเคยช่วยเหลือเขามาก่อน เพราะฉะนั้น หลินเป่ยเฉินจึงต้องรีบกลับไปดูสถานการณ์
อีกอย่าง พี่สาวตาบอดคือเจ้าของสุสานกษัตริย์แห่งนี้
บางทีเขาอาจจะได้ข้อมูลอะไรบางอย่างจากปากคำของนางก็เป็นได้
หลินเป่ยเฉินไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าจะมีผู้คนเข้าออกที่นี่ได้โดยไม่ทิ้งร่องรอยใดเอาไว้
…
อาณาจักรเหนียนเซียง
สังเวียนประลอง
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังสนั่น อุกกาบาตหลายสิบลูกระเบิดกระจายเป็นผุยผง
“ฟู่!”
ราชาหยกขาวลอยกระเด็นไปด้านหลัง โลหิตพุ่งออกมาจากปาก
สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
พลังกดดันเสื่อมถอยลง เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส
อาวุธคู่กายแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี
เขาพ่ายแพ้ให้แก่หญิงสาวตาบอดอย่างหมดท่า
นี่เป็นสิ่งที่ราชาหยกขาวรับไม่ได้เด็ดขาด
บรรดาคนใหญ่คนโตจากรอบทิศทางต่างก็เฝ้ามองการประลองด้วยความตกตะลึง
แข็งแกร่งเกินไป!
หญิงตาบอดผู้นี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่ นางอาศัยเพียงมือเปล่าก็สามารถเอาชนะราชาหยกขาวได้แล้ว
การต่อสู้ดำเนินมาได้หนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืน ในที่สุดพวกเขาก็จะได้รู้แล้วว่าใครคือผู้ชนะที่แท้จริง
บนเรือเหาะใหญ่ของเผ่าอสูรโลหิต จอมอสูรขวานทองป่าเต๋อและผู้ดูแลสุสานอวี้ตี่ต่างก็ลอบชำเลืองมองกันด้วยความตกตะลึง
เดิมที พวกเขาคิดว่ากองทัพเป่ยเฉินมีโอกาสชนะได้ก็ต่อเมื่อพวกของตนเองขอยอมแพ้
แต่บัดนี้ ดูเหมือนว่ากองทัพเป่ยเฉินจะไม่ต้องรับความช่วยเหลือจากศัตรูแม้แต่น้อย แม้แต่การประลองคู่สุดท้าย กองทัพเป่ยเฉินก็ยังได้รับชัยชนะอยู่ดี
ดังนั้นการที่ป่าเต๋อกับอวี้ตี่ขอยอมแพ้ในการประลอง นั่นก็เท่ากับเป็นการประหยัดพลังต่อสู้ให้แก่เผ่าอสูรโลหิตได้จริง ๆ
“สมแล้วที่เป็นองค์ราชันอสูรเทพ”
ทั้งสองต่างก็ชื่นชมอยู่ในใจ
บัดนี้ ป่าเต๋อกับอวี้ตี่เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดองค์ราชันอสูรเทพจึงได้เปลี่ยนแปลงแผนการในขั้นตอนสุดท้าย
หลังจากการประลองคู่สองผ่านไป
อวี้ตี่ก็ได้รับคำสั่งจากองค์ราชันอสูรเทพให้ขอยอมแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้
ในขณะนี้ เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังกึกก้องมาจากฝั่งของกองทัพเป่ยเฉิน
แม้ว่าพวกเขาจะชนะการประลองมาได้สี่คู่รวด แต่หากสามารถชนะการประลองได้ครบทั้งห้าคู่ มันก็น่าภาคภูมิใจและอุ่นใจกว่ากันไม่ใช่หรือ?
ฮันปู้ฟู่เบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ
หลินเป่ยเฉินเป็นสุดยอดแห่งคนเสเพลจริง ๆ
ไม่ว่าสตรีคนใดเป็นต้องหลงเสน่ห์ของเขาทุกคน
ในการประลองครั้งนี้ แม้เผ่ามนุษย์ทะเลทรายและเผ่าอสูรโลหิตจะร่วมมือกัน แต่กองทัพเป่ยหลินแทบไม่ต้องทำสิ่งใดเลยด้วยซ้ำ หลินเป่ยเฉินก็เป็นคนแก้ปัญหาให้หมดสิ้น
การประลองในวันนี้จบลงโดยสมบูรณ์แล้ว
ฮันปู้ฟู่เริ่มกลับมาวิตกกังวลอีกครั้ง เพราะอยู่ดี ๆ หลินเป่ยเฉินก็หายตัวไป แสดงว่าต้องมีเหตุด่วนเหตุร้ายเกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
นี่ก็ผ่านมานานแล้ว ทำไมหลินเป่ยเฉินถึงยังไม่กลับมาอีก
คงไม่ได้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นหรอกกระมัง?
ในจังหวะที่ความคิดดำเนินมาถึงตรงนี้ การต่อสู้บนสังเวียนประลองกลับเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
ปรากฏว่าราชาหยกขาวไม่ยอมรับความพ่ายแพ้โดยง่าย
เขาระเบิดสายโซ่ทองคำออกมาจากร่างกาย สายโซ่เหล่านั้นพุ่งไปรัดพันอุกกาบาตหลายลูก ราชาหยกขาวโคจรพลังปราณผ่านสายโซ่ทองคำและหลอมรวมอุกกาบาตเหล่านั้นเข้าด้วยกันจนพวกมันกลายเป็นลูกตุ้มใหญ่ที่อยู่ปลายสุดของสายโซ่
นี่คือวิชาการหลอมรวมดวงดาว
นี่คือพลังของจอมเทพอนันต์ชั้นสูง
เซี่ยเต๋อจีลอยตัวอยู่กลางอากาศ นางยังคงต่อยหมัดออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
พลังของหญิงตาบอดนั้นน่ากลัวมาก นางเพียงกระแทกหมัดออกมาข้างหน้าเท่านั้น ลูกตุ้มยักษ์ปลายสายโซ่ของราชาหยกขาวก็ระเบิดกระจายเป็นฝุ่นผงไปทันที
นางยังคงต่อยหมัดออกไปรัว ๆ อีกหลายครั้ง
ใช้กระบวนท่าปราณถล่มดาราและกระบวนท่าสะบั้นฟ้าออกมาอย่างเต็มประสิทธิภาพ
ไม่มีสิ่งใดสามารถต้านรับการโจมตีจากนางได้
ตู้ม!
แม้แต่สายโซ่ของราชาหยกขาวก็ต้องขาดสะบั้นลงโดยสมบูรณ์