เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 451 ไม่ทราบว่าเตรียมเก็บเงินไปซื้อโลงศพหรืออย่างไร?
ตอนที่ 451 ไม่ทราบว่าเตรียมเก็บเงินไปซื้อโลงศพหรืออย่างไร?
“ข้าจะฆ่าเจ้า”
หลินเป่ยเฉินยิ้มหวาน ก่อนพูดออกมาเสียงดังฟังชัด
นับเป็นคำพูดที่ตรงไปตรงมา ไม่ต้องอ้อมค้อม
“ว่าไงนะ?”
ฉู่ฉู่เซียวเข้าใจว่าตนเองอาจจะหูฝาด
หลินเป่ยเฉินพูดเน้นย้ำทีละคำ “โทษของการดูถูกอาจารย์ข้า เจ้าต้องตาย”
“หา? ฮ่าฮ่าฮ่า!”
พลัน ฉู่ฉู่เซียวระเบิดเสียงหัวเราะเหมือนเพิ่งได้รับฟังเรื่องตลกที่ขบขันที่สุดในโลก
เขาเงยหน้า ส่งเสียงหัวเราะไม่หยุด “ฮ่าฮ่าฮ่า มีความทะเยอทะยานไม่น้อยดีนี่ แต่ในสายตาของข้า เจ้ามันก็เป็นเพียงมดปลวกตัวเล็กตัวน้อย ไม่คู่ควรให้ข้าต้องชักกระบี่ออกมาฆ่าเจ้าด้วยซ้ำ เอาเถอะ หลังจบการประลอง ตราบใดที่เจ้าสามารถเดินลงมาจากเวทีได้โดยไม่เสียชีวิต วันนี้ข้าจะยินดีมอบชีวิตให้เจ้าสังหารเอง!”
“งั้นเจ้าก็เตรียมตัวรอรับความตายได้เลย”
หลินเป่ยเฉินพูดจบก็หันหน้ากลับไป ไม่ได้สนใจกระบี่พเนจรอีก
จิตสังหารในหัวใจของฉู่ฉู่เซียวพวยพุ่งกลับขึ้นมาอีกครั้ง
เขาทั้งรู้สึกตลกขบขัน รำคาญใจและเกลียดชังในเวลาเดียวกัน
เด็กหนุ่มคนนี้กล้าพูดจาเหยียดหยามเขาต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก
หากเป็นสถานการณ์ปกติ ฉู่ฉู่เซียวก็คงชักกระบี่และกระโดดขึ้นไปตัดหัวเด็กหนุ่มทิ้งไปแล้ว
น่าเสียดายที่บัดนี้เขาทำได้เพียงอดกลั้นโทสะและรอคอยให้การประลองจบลง ฉู่ฉู่เซียวตั้งใจว่าจะออกตามหาเพื่อนสนิทและญาติพี่น้องของหลินเป่ยเฉินให้ครบหมดทุกคน เพื่อสังหารทิ้งให้สาสมกับความเดือดดาลที่อยู่ในใจเขา
เมื่อสามารถสงบจิตใจได้แล้ว ฉู่ฉู่เซียวก็หันมาสบตาจูปี้ฉี และพยักหน้าอย่างช้าๆ
ทั้งสองคนกลืนหายกลับไปอยู่ในกลุ่มคนดู
เพียงพริบตาเดียว ตัวคนก็หายวับไปเหมือนเป็นเพียงหมอกควันสายหนึ่ง
มือกระบี่ผู้ร้ายกาจทั้งสองคนหายไปเหมือนหยดน้ำที่ถูกกลืนในมหาสมุทร
หลายคนพยายามจ้องมองว่าจูปี้ฉีกับฉู่ฉู่เซียวอยู่ที่ไหนในกลุ่มคนดู แต่ก็ไม่สามารถหาเจออีกแล้ว!
“ท่านเจ้าเมืองฉุย เชิญดำเนินการประลองต่อได้”
เจิ้นกงหลง รองเจ้ากรมกระทรวงศึกษาพูดออกมาแผ่วเบา
ฉุยเฮาเฟิงสูดหายใจลึก มองหน้าหลินเป่ยเฉิน จากนั้นจึงคลี่ม้วนกระดาษในมือออก และอ่านข้อความที่อยู่ในนั้นให้ชาวเมืองทุกคนได้ยินอย่างทั่วถึงกัน
ชาวเมืองไม่แปลกใจกับข้อความที่อยู่ในม้วนกระดาษสักเท่าไหร่
เพราะบรรยากาศที่ร้อนระอุเมื่อสักครู่นี้ บอกชัดแล้วว่าการประลองในวันนี้ มีความตายมาเกี่ยวข้อง
ทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นเพียงการประลองกระชับมิตรเท่านั้น
ไม่ควรมีใครต้องตาย
แต่เพื่อเกียรติยศและศักดิ์ศรี
เรื่องราวจึงดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว
แม้แต่ผู้คนธรรมดาที่ไม่เกี่ยวข้องกับการฝึกยุทธ์ ต่างก็รู้ดีว่าจูปี้ฉีกับฉู่ฉู่เซียวย่อมไม่ใช่ตัวดี และหลินเป่ยเฉินน่าจะถูกบังคับให้ลงนามในสัญญายินยอมมอบความตายฉบับนี้แน่ๆ
พวกเขาไม่เข้าใจโลกของจอมยุทธ์
พวกเขารู้เพียงอย่างเดียวว่าหลินเป่ยเฉินเป็นฝ่ายถูกรังแก
“หลินเป่ยเฉิน สู้ๆ นะเจ้าคะ!”
เด็กสาวในชุดเสื้อคลุมสีดำส่งเสียงตะโกนออกมาจากกลุ่มคนดู
หลังจากนั้น เสียงตะโกนในลักษณะเช่นเดียวกันนี้ก็ดังเป็นระลอกคลื่น แผ่ขยายไปรอบบริเวณในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ
นี่คือภาพที่มหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง
บรรยากาศกลับคืนสู่ความคึกคักมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
จูปี้ฉียืนซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มคนดู ยิ้มมุมปากและหัวเราะเยาะอยู่ในลำคอ
เพราะเขาทราบดีว่าต่อให้กลุ่มคนดูแหกปากให้กำลังใจกันให้ตาย อย่างไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนผลการประลองของวันนี้ได้อีกแล้ว
บนเวที
“หลินเป่ยเฉิน เจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่?”
เจียงจี้หลิวยิ้มกริ่ม
“เจ้าบ้า นี่เจ้ายิ้มหรือเจ้าแยกเขี้ยวกันแน่เนี่ย”
หลินเป่ยเฉินทำหน้างอ “พูดง่ายๆ ก็คือเจ้าอยากรู้ว่า ข้ามีอะไรอยากสั่งเสียบ้างหรือไม่สินะ?”
เจียงจี้หลิวยิ้มด้วยความอ่อนใจ “เจ้าจะคิดเช่นนั้นก็ได้”
“หึ”
หลินเป่ยเฉินตอบตัดบทสั้นๆ “ไม่มี”
เจียงจี้หลิวเลื่อนมือไปแตะด้ามจับกระบี่ที่ข้างเอว พร้อมกับพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องรบกวนเจ้าช่วยชี้แนะข้าสักหลายกระบวนท่าแล้ว”
หลินเป่ยเฉินพลันยกมือขึ้นมา พูดว่า “ช้าก่อน”
“มีอะไรรึ?”
เจียงจี้หลิวปล่อยมือออกจากด้ามจับกระบี่
หลินเป่ยเฉินกล่าวว่า “ใจเย็นก่อน สิ่งที่ข้าต้องการจะพูดไม่ใช่คำสั่งเสีย แต่เป็นการแนะนำของดีมีประโยชน์ ให้ชาวเมืองทุกคนได้รับรู้”
พูดจบ เด็กหนุ่มจอมเสเพลก็ยกมือขึ้นนวดหน้าตนเองเล็กน้อย ก่อนกระแอมไอในลำคอ ปั้นยิ้มบนใบหน้าให้ออกมาดูดีมากที่สุด
เจียงจี้หลิวถึงกับงุนงง
หลังจากนั้น เขาก็ได้เห็นหลินเป่ยเฉินล้วงม้วนกระดาษออกมาจากในอกเสื้อ กระแอมไอในลำคออีกครั้ง และส่งยิ้มหวานให้แก่กลุ่มคนดูรอบเวที เช่นเดียวกับกระจกถ่ายทอดสด สุดท้ายก็พูดออกมาว่า “โฆษณาสินค้าชุดต่อไปนี้ อาจจะยาวสักหน่อย แต่รับรองว่าทุกตัวเป็นของดีมีประโยชน์ทั้งสิ้น…”
เจียงจี้หลิวไม่รู้แล้วว่าตนเองควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
โฆษณาอย่างนั้นหรือ?
หลินเป่ยเฉินยังมีอารมณ์โฆษณาหาเงินอีกได้อย่างไร?
จะตายอยู่แล้วยังจะหาเงินไปทำไมอีก
ชาวเมืองที่อยู่ในการแข่งขันวันนี้ เดิมทีพวกเขารู้สึกเศร้า โกรธแค้น และไม่พอใจที่หลินเป่ยเฉินเป็นฝ่ายถูกรังแกอยู่เพียงข้างเดียว แต่ทว่า บัดนี้ทุกคนกลับอดส่งเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้
หลินเป่ยเฉินก็ยังคงเป็นหลินเป่ยเฉินอยู่วันยังค่ำ
“น้ำมันบำรุงผิวตราจักจั่นเหินฟ้า ผู้นำด้านเวชภัณฑ์เครื่องสำอางกว่าร้อยปี ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ชื่อว่าจักจั่นเหินหาว มีราคาเพียงขวดละหนึ่งเหรียญทองคำ ซื้อขวดเดียวใช้ได้ตลอดทั้งปี ตัวข้าได้ลองใช้ดูแล้ว จึงสามารถรับประกันกับทุกท่านได้เลยว่า นี่คือน้ำมันบำรุงผิวที่ดีที่สุดในท้องตลาด เมื่อนำไปทาบนผิวหน้าของท่าน สองแก้มของท่านก็จะเต่งตึงยิ่งกว่าก้นของเด็กทารก หมดปัญหาเรื่องผิวหน้าแก่ก่อนวัยจากการฝึกวิทยายุทธ์ สามารถใช้ได้ทั้งบุรุษและสตรี… ทุกท่านจงฟังให้ดี นี่คือของดีที่นานๆ ถึงจะมีสักครั้ง รีบซื้อหาเป็นเจ้าของ ในขณะที่ยังมีโอกาสเสียเถิด!”
“ร้านตัดเสื้อหูเหลา จัดจำหน่ายชุดขนสัตว์ราคาย่อมเยา บัดนี้ ทางร้านจัดเทศกาลลดราคาพิเศษประจำปี สินค้ามีจำนวนจำกัด ซื้อหาไม่ทันแล้วท่านจะต้องเสียใจ…”
“เทียนไขไหนเล่าจะให้แสงสว่างได้คุ้มค่าเท่าเทียนไขที่ทำมาจากไขมันสัตว์ตราพยัคฆ์เหยียบเมฆ ผลิตขึ้นมาจากสำนักทำเทียนไขชื่อดัง ควันที่เกิดจากเทียนไขไม่ทำลายสุขภาพ ช่วยปกป้องครอบครัวของท่านจากความมืดมิดได้ตลอดเวลา”
“บริการรถม้าขนส่งสำนักเฟยเล่ย ให้บริการสร้างความประทับใจมาอย่างยาวนาน… การันตีด้วยตำแหน่งสำนักรถม้าดีเด่นอันดับ 1 ประจำปีของมณฑลเฟิงอวี่ บัดนี้ สำนักรถม้าเฟยเล่ยได้จัดช่วงลดราคาพิเศษประจำปี สั่งจองรถม้าวันนี้ รับไปเลยเกวียนบรรทุกสัมภาระไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม”
“จะมีใครรู้จักสตรีดีไปกว่าสตรีด้วยกันเอง… ร้านตัดเสื้อผ้าสตรีหลิวฟางเฉิง ผู้ครองตำแหน่งร้านจำหน่ายเสื้อผ้าสตรีอันดับ 1 ประจำมณฑลเฟิงอวี่มาอย่างช้านาน การันตีด้วยเกียรติยศที่เคยตัดเสื้อผ้าถวายพระสนมเอกขององค์จักรพรรดิมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง”
“ตราบใดที่มีความฝัน ก็ยังสามารถเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้เสมอ… สำนักยุทธ์เหิงซุย เป็นเสมือนเทียนไขให้แสงสว่างแก่ชีวิตของบรรดาจอมยุทธ์ผู้หาสำนักไม่ได้ ที่นี่ ได้รับการจัดสอนโดยผู้มีพลังระดับยอดปรมาจารย์ถึง 4 ท่าน!”
“โรงเตี๊ยมปันเจิ้ง… มีของอร่อยทุกอย่างให้ท่านเลือกสรร!”
หลินเป่ยเฉินไล่อ่านรายชื่อผู้สนับสนุนหลักที่อยู่บนม้วนกระดาษรวดเดียวจบ
กลุ่มคนดูส่งเสียงหัวเราะจนหายใจแทบไม่ทัน
หลินเป่ยเฉินทุ่มเทชีวิตให้กับการโฆษณาขนาดนี้ ไม่ทราบว่าเตรียมเก็บเงินไปซื้อโลงศพหรืออย่างไร?
คนอะไรจะร้อนเงินได้ถึงขนาดนี้
แม้แต่พวกของฉู่เหินก็ต้องยกมือขึ้นมาปิดบังใบหน้าด้วยความอับอาย
ช่างเถอะ
ลูกศิษย์บัดซบเช่นนี้ อย่าไปช่วยชีวิตเลยก็แล้วกัน
ปล่อยให้ตายในเงื้อมมือของเจียงจี้หลิวนั่นแหละดีแล้ว
น่าอับอายอะไรขนาดนี้