เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 475 ไร้เทียมทาน
ตอนที่ 475 ไร้เทียมทาน
“มัวแต่ระเบิดสายลมสายฝนอวดพลังของตนเองอยู่ได้ ติงเล่ย เจ้าไม่กลัวจะหมดแรงเอาหรือ?” จูปี้ฉียิ้มเย้ยหยัน เสาน้ำที่รองรับน้ำหนักอยู่ใต้เท้ายังมีความแข็งแกร่งมั่นคงดังเดิม “แต่การที่ลูกศิษย์ของเจ้ามาดูการประลองในวันนี้ด้วย เกรงว่าแทนที่ลูกศิษย์ของเจ้าจะได้อยู่เฝ้าวิหารเทพเจ้าประจำเมืองในอีก 7 วันข้างหน้า วันนี้เขาคงต้องลงนรกตามอาจารย์ไปเสียแล้ว”
ทางด้านติงซานฉือ เขาก็เองแสยะยิ้มเหยียดหยามตอบกลับไปเช่นกัน “เจียงจี้หลิวกับฉู่ฉู่เซียวเป็นมือกระบี่ที่มีฝีมือสูงส่ง น่าเสียดายที่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องพ่ายแพ้ให้แก่ลูกศิษย์ของข้า ดังนั้นการประลองในวันนี้ จึงเป็นหน้าที่ของอาจารย์ที่จะต้องกำจัดหัวหน้าองครักษ์ประจำตัวเว่ยหมิงเฉินให้ได้”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” จูปี้ฉีเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะใส่ท้องฟ้า “นอกจากโง่เขลาแล้ว เจ้ายังดวงตามืดบอดอีกด้วย”
ติงซานฉือแค่นหัวเราะในลำคอ “การต่อสู้ในวันนี้ เจ้ากับข้าวัดกันเพียง 3 กระบวนท่าดีหรือไม่ ใครสามารถรอดชีวิตได้หลังจากนั้นถือว่าเป็นผู้ชนะ เจ้ามีความกล้าหาญมากพอหรือเปล่า?”
ดวงตาของจูปี้ฉีเป็นประกายวาวโรจน์
เขามองหน้าติงซานฉือพร้อมกับหัวเราะเหยียดหยาม “หึหึ เจ้ามาสู้ทั้งที่ยังบาดเจ็บ คงมีปัญญารวบรวมกำลังโจมตีได้เพียง 3 กระบวนท่ากระมัง? เอาเถิด ถือว่าข้าให้โอกาสเจ้าก็แล้วกัน… เรามาตัดสินความเป็นความตายใน 3 กระบวนท่ากัน!”
“ประเสริฐ”
ดวงตาของติงซานฉือเป็นประกายระยิบระยับ “กระบวนท่าแรกของข้ามีชื่อว่า กระบวนท่าโอสถบำรุงผิวไป๋เฉา”
หืม?
โอสถบำรุงผิวไป๋เฉา?
นั่นมันชื่อผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของร้านสมุนไพรไป๋เฉาถังไม่ใช่หรือไง?
บรรดามือกระบี่ที่รับชมการประลองอยู่บนเรือโดยรอบ ต่างก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา
นี่คือกระบวนท่าใดกันแน่?
มีแต่เพียงหลินเป่ยเฉินคนเดียวเท่านั้นที่พยักหน้าด้วยความพอใจ
“คิดไม่ถึงเลยนะว่าอาจารย์ก็มีจิตวิญญาณของนักโฆษณาอยู่เหมือนกัน… แต่เราไม่ควรใช้ชื่อลูกค้าที่จ่ายราคาแพงที่สุดเป็นชื่อกระบวนท่าแรกสิ เราควรใช้เป็นชื่อของกระบวนท่าไม้ตายต่างหาก”
ติงซานฉืออาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่นั้นเปิดฉากโจมตี
“เตรียมรับมือ!”
อดีตเซียนกระบี่ส่งเสียงคำราม
กระบี่ยาวในมือของเขาพุ่งตวัดตัดกลุ่มก้อนเมฆ
วูบ!
ติงซานฉือหมุนฝ่ามือ เงากระบี่แผ่กระจายออกไปกลายเป็นตาข่ายเข้าปกคลุมจูปี้ฉี
แต่ก่อนที่ตาข่ายกระบี่จะเข้าถึงตัว พื้นผิวของท้องทะเลก็พลันเกิดการปั่นป่วนเป็นระลอกคลื่นกินรัศมีหลายร้อยวา มวลพลังกดดันหนักหน่วงเล่นงานจูปี้ฉีจนมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไป
ติงซานฉือมีพลังแข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาคาดคิด
โดยเฉพาะเรื่องของพละกำลัง
นี่ไม่ใช่เรี่ยวแรงของคนที่เพิ่งฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บสาหัส
จูปี้ฉีไม่อยากเชื่อว่าตนเองจะคาดการณ์ทุกอย่างผิดไป
แต่ในระหว่างที่คิดด้วยความสงสัยใจนั้น จูปี้ฉีก็พลันใช้มือทั้งสองข้างกุมด้ามจับกระบี่สายฟ้าพิโรธแนบแน่น เขาถ่ายทอดพลังลมปราณลงไปสู่ตัวกระบี่ และเมื่อจูปี้ฉียกกระบี่ขึ้นมา ตัวกระบี่ที่เป็นหินสีม่วงก็ได้ระเบิดพลังเป็นประกายเจิดจ้าพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า แผ่ม่านรัศมีปกคลุมรอบบริเวณอย่างน่าเกรงขาม
แล้วเงากระบี่สีม่วงก็ถูกตวัดออกไป
วูบ!
ลำแสงสีเงินปะทะกับลำแสงสีม่วง
เปรี้ยง!
เกิดการระเบิดขนาดใหญ่
น้ำทะเลสาดกระจาย
คลื่นแรงระเบิดแผ่กระจายไปรอบบริเวณเหมือนมีใครสักคนโยนระเบิดปรมาณูลงสู่ใจกลางท้องทะเล
ในอากาศเต็มไปด้วยหยดน้ำฟุ้งกระจาย ผิวน้ำยกตัวขึ้นสูงในอากาศ ไม่ว่าเป็นเรือลำเล็กหรือเรือลำใหญ่ที่จอดลอยลำอยู่ในบริเวณนั้น ต่างก็ลอยตัวขึ้นไปในอากาศหมดสิ้น!
ทันใดนั้น มือกระบี่ที่เป็นกลุ่มผู้ชมก็ได้พบเห็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ
ได้ยินเสียงร้องโหยหวน ปรากฏว่ามีมือกระบี่จำนวนหนึ่ง ซึ่งระดับพลังยังไม่แข็งแกร่งมากพอ กระอักเลือดออกมาจากปากคำใหญ่ในขณะที่พลัดตกลงไปจากเรือ ร่วงดิ่งลงไปสู่ผืนน้ำเย็นเยียบ
มีเพียงมือกระบี่ระดับสูงเท่านั้นที่สามารถสร้างค่ายอาคมขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว และนำพาเรือของตนเองกลับลงสู่ผิวน้ำได้อย่างนุ่มนวล
ท้องทะเลยังคงปั่นป่วน
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโต
เด็กหนุ่มเข้าใจแล้วว่ามีคนประมาทในฝีมือของอาจารย์ติงมากเกินไป คนผู้นั้นไม่ใช่จูปี้ฉี แต่เป็นตัวเขาเอง
เพราะว่า
กระบวนท่านี้ที่อาจารย์ติงกำลังใช้ออกมา คือกระบวนท่ากระบี่ที่ 1
หลินเป่ยเฉินคิดไม่ถึงเลยว่ากระบวนท่าที่ 1 จากวิชากระบี่ 17 คาบสมุทรจะมีความร้ายกาจถึงเพียงนี้ ดูเหมือนว่ายิ่งผู้ใช้มีระดับพลังสูงมากเท่าไหร่ อานุภาพของกระบี่วิชานี้ก็จะยิ่งสูงล้ำมากขึ้นเท่านั้น
เพียงกระบี่เดียวก็สามารถสะเทือนฟ้าสะท้านดิน
ทำให้ท้องทะเลบ้าคลั่ง
นี่คือการโจมตีที่แท้จริงของผู้มีพลังระดับยอดปรมาจารย์ตอนปลาย!
กระบี่นี้ไม่ได้มีความแข็งแกร่งเพียงเงาของมันเท่านั้น
ตอนแรกจูปี้ฉีคิดว่าตนเองเข้าใจกระบวนท่าของฝ่ายตรงข้ามทะลุปรุโปร่ง แต่หารู้ไม่รู้เลยว่าเมื่อเงากระบี่กระจายตัวหายไปแล้ว มันจะยังคงเหลือพลังแฝงทิ่มแทงออกมาข้างหน้า และก่อนที่จูปี้ฉีจะสามารถตั้งรับได้ทัน พลังแฝงเหล่านั้นก็พลันกระแทกเข้ากับร่างกายของเขาเข้าแล้ว
ต่อให้ไม่ใช่การโจมตีที่รุนแรงถึงตาย แต่มันก็ทำให้มือกระบี่สุราโลหิตได้รับบาดเจ็บสาหัส
“อ๊าก…”
จูปี้ฉีพลันระเบิดเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น
ในพริบตานั้น กระบี่สายฟ้าพิโรธพลันปลดปล่อยพลังงานออกมาเป็นเกลียวคลื่นสีม่วง ไหลรินเข้าสู่ร่างกายของจูปี้ฉี และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่ลมหายใจ ร่างกายที่บาดเจ็บสาหัสของชายชราก็กลับมาแข็งแกร่งดังเดิม
แต่ทว่า…
“กระบวนท่าที่ 2 เพลงกระบี่โรงเตี๊ยมเถียนซิง!”
เสียงคำรามของติงซานฉือดังขึ้นอีกครั้ง
เพลงกระบี่กระบวนท่าที่ 2 ถูกโจมตีออกมาแล้ว
มวลอากาศรอบกายปั่นป่วนรุนแรงมากขึ้น เสื้อผ้าของติงซานฉือโบกสะบัดตามสายลม กลุ่มก้อนเมฆที่ห้อมล้อมอยู่รอบกายหมุนวนลงไปอยู่ที่ใต้เท้าและช่วยยกติงซานฉือสูงขึ้นไปในอากาศมากกว่าเดิม ทำให้บัดนี้ อดีตเซียนกระบี่แห่งเมืองไป๋หยุนมีความโดดเด่นเป็นสง่า ไม่ต่างไปจากเทพเจ้าบนโลกมนุษย์
ปรากฏเงากระบี่โจมตีออกมาจากมือของติงซานฉือ
ลำแสงกระบี่สีเงินพุ่งวาบออกมาโจมตีคู่ต่อสู้ในระยะไกล
ติงซานฉือกำด้ามจับกระบี่แน่นและตวัดฟาดฟันด้วยมือข้างเดียว
การโจมตีครั้งนี้แฝงพลังลมปราณจากร่างกายอยู่หลายส่วน ท้องทะเลเริ่มเกิดความปั่นป่วนวิปโยคอย่างรุนแรงมากขึ้นและมากขึ้น จนสุดท้าย มันก็กลายเป็นคลื่นลูกใหญ่ยักษ์เคลื่อนตัวเข้าไปหาจูปี้ฉีพร้อมกับเงากระบี่ของติงซานฉือ
เหลือเชื่อ
นี่คือการโจมตีที่เหลือเชื่อ
เพียงตวัดกระบี่ด้วยมือข้างเดียว มวลอากาศก็ถูกตัดขาด ท้องทะเลถูกแบ่งแยกออกเป็นสองฝั่งด้วยเกลียวคลื่นขนาดมหึมา
ราวกับว่ามีเทพเจ้ากำลังใช้หอกศักดิ์สิทธิ์พยายามแหวกมหาสมุทรออกจากกัน
สิ่งที่ทุกคนกำลังพบเห็นนี้ล้วนทำให้ตกตะลึงจนแทบพูดอะไรไม่ออก
“นี่คือความสามารถของผู้มีพลังระดับยอดปรมาจารย์ตอนปลายอย่างนั้นหรือ? ไม่สิ มันเป็นไปไม่ได้…”
“เซียนกระบี่ติงเล่ยมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
“ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ”