เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 132 ซูเย่ชนะ! มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนชนะ!
บทที่ 132 ซูเย่ชนะ! มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนชนะ!
“ฮึ่ม!”
ผู้นำตระกูลฉินที่จับตาดูสถานการณ์ในสนามอยู่ กระแอมออกมาเสียงดัง
ฉินเว่ยหมินที่ตื่นตระหนกจึงได้สติทันที เขาจะยังยอมแพ้ไม่ได้!
สูดหายใจเข้าลึกสองสามครั้ง
“ฉันยังมีคติในการรักษาทั้งสามอยู่ดี คือไม่เร็วเกินไป ควรช้าลง อัตรารักษาจะได้ไม่ผิดพลาด!”
ฉินเว่ยหมินมองไปยังซูเย่อีกครั้ง ก้มหัวลงเพื่อสงบจิตสงบใจ และดำเนินการรักษาไปตามความเร็วเดิม
ทว่าทางซูเย่ยังไม่จบแค่นั้น
ระหว่างที่หลี่เชี่ยนหยวีและคนอื่น ๆ กำลังต้มยาอยู่
หลังจากจัดเตรียมส่วนประกอบยาทั้งหมดเรียบร้อย ซูเย่เดินกลับไปที่โต๊ะของเขา หยิบเข็มเงินขึ้นมา และตรงเข้าไปฝังเข็มให้กับคนไข้
สายตาของผู้ชมเกิดความสงสัย
“ฝังเข็ม?”
“ไม่ใช่ว่าต้มยาไปแล้วเหรอ? จะฝังเข็มอีกทำไม?”
“จะใช้สองวิธีเพื่อเพิ่มผลการรักษาให้คนไข้หรือเปล่า?”
“แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะหายจากการฝังเข็มนะ?”
ท่ามกลางเสียงพูดคุยของผู้ชมทุกคน
ซูเย่ลงมือฝังเข็มให้คนไข้ที่สามารถใช้การฝังเข็มได้ และรมยาให้กับคนไข้ที่เหมาะสมกับการรมยา
นอกจากการฝังเข็มและรมยา
คนไข้บางคนก็ได้รับวิธีการรักษาที่แตกต่างกันไปโดยสิ้นเชิง
ในสนามเงียบกริบ ทุกสายตาจดจ้องอยู่กับซูเย่ คอยดูความเคลื่อนไหวของเขา
ด้วยการรักษาที่ซูเย่ลงมือทำอยู่ในขณะนี้ ทำให้ผู้ชมทั้งหมด รวมไปถึงทีมงานจัดการแข่งขัน ตกตะลึงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ทุกสิ่งที่เขาทำ ล้วนเป็นการรักษาที่เคยใช้ในการแข่งขันก่อนหน้า แต่ความสามารถในการเลือกและแยกแยะวิธีการให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคน คือสิ่งที่สร้างความตกใจให้กับผู้ชม
ทั้งความจำอันดีเลิศ วิชาการรักษาหลากหลาย การเลือกวิธีที่เหมาะสมตามอาการ ล้วนอยู่เหนือสิ่งที่คนอายุเท่าเขาควรจะทำได้!
“ผลงานของเด็กคนนี้ค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียว”
ปรมาจารย์แพทย์แผนจีนแห่งชาติทั้งสองมองหน้ากัน ต่างเห็นความประหลาดใจในสายตาของอีกฝ่าย
“ความสามารถเช่นนี้ เรียนรู้มาจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจริงหรือ?”
ปรมาจารย์แพทย์แผนจีนพื้นบ้านเองก็จ้องมองซูเย่ด้วยสายตาตกตะลึง
พวกเขาไม่อยากเชื่อว่า ทางมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจะสามารถปลุกปั้นนักศึกษาที่อายุเพียงแค่นี้ให้เก่งถึงขนาดนี้ได้
แต่ซูเย่เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนเข้าจี้หยาง เขาก็ไม่เคยเรียนแพทย์แผนจีนมาก่อน
ผู้นำตระกูลจากกลุ่มแพทย์แผนจีนพื้นบ้านมองหน้ากันและยิ้มเจื่อน
“ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าทำไมเขาถึงเป็นตัวแทนแข่งขันตั้งเจ็ดศาสตร์”
“เมื่อตอนที่วินิจฉัยด้วยสองมือก็ไม่มีท่าทีสับสน ไม่เพียงจำอาการของคนไข้ทั้งหมดได้ แต่ยังกะปริมาณส่วนประกอบยาได้อย่างแม่นยำ แล้วยังรักษาควบคู่ไปกับการจ่ายยา โดยเลือกวิธีก การให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคนโดยเฉพาะอีก น่าทึ่งยิ่งนัก!”
“แต่ว่ายังไม่รู้ผล พวกเราอาจจะไม่แพ้ก็ได้!”
ห่างออกไปไม่ไกลนัก
ผู้กำกับจ้าวเหมียนที่คุมกองถ่ายอยู่ ก็ตกตะลึงไปกับการเคลื่อนไหวของซูเย่ แม้ว่าเขาจะเข้าใจแพทย์แผนจีนเพียงน้อยนิด
อย่างไรก็ตาม ต่อให้คนที่ไม่เข้าใจในแพทย์แผนจีนเลยแม้แต่น้อย หากได้มาเห็นสิ่งที่ซูเย่ทำอยู่ในขณะนี้ก็คงจะตกตะลึงเช่นกัน
“เด็กคนนี้สุดยอดไปเลย” จ้าวเหมียนที่มองซูเย่ผ่านกล้องอยู่ กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “การแข่งขันสุดท้าย เลยระเบิดพลังออกมาถึงขนาดนี้ สมกับเป็นนาย ซูเย่!”
ห่างออกไปอีก ปาปู้เต๋อ ผู้ที่เฝ้ารอดูความพ่ายแพ้ของซูเย่ ทำได้เพียงมองภาพตรงหน้าอย่างประหลาดใจ
“ไม่แปลกใจเลยที่เด็กคนนี้ฝึกยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว หนึ่งจิตของเขาทำได้กี่อย่างกันแน่?”
เขาคิดว่า ความสามารถของหนึ่งจิตสองประสงค์นั้นก็มีประโยชน์มากแล้ว
แต่สิ่งที่ซูเย่แสดงให้ทุกคนได้เห็น ไม่ได้ง่ายอย่างหนึ่งจิตสองประสงค์ ดูเหมือนเขาทำไปถึงขั้นสามประสงค์ สี่ประสงค์ หรือมากกว่านั้นอีก
เด็กคนนี้จำอาการของคนไข้หนึ่งร้อยราย หลังจากรับรู้อาการทั้งหมดแล้ว ก็ต้องวิเคราะห์อีกว่าจะใช้วิธีการรักษาแบบใดที่เหมาะสม และยังคำนวณปริมาณยาที่ต้องเตรียม รวมไปถึงการเข้ าใจจุดสำหรับฝังเข็มและอื่น ๆ
ทั้งหมดนี้ ล้วนต้องการความจำอันเป็นเลิศ และความสามารถในการคิดวิเคราะห์
หากเป็นคนทั่วไป
การรักษาคนไข้สามรายพร้อมกันได้ก็ถือว่าเก่งแล้ว
หากมากกว่าสามคน ก็จะเกิดความสับสนได้ง่าย ก่อนจะเปลี่ยนขั้นตอนไปรักษาอย่างต่อไป ก็ต้องคอยตรวจสอบการรักษาที่ทำไปก่อนหน้านี้
แต่ซูเย่ทำทุกได้โดยไร้ปัญหา
“เด็กคนนี้มีศักยภาพดีเยี่ยมเลย”
ปาปู้เต๋อมองซูเย่อย่างกับเพิ่งเคยรู้จักกันเป็นครั้งแรก
……
เวลาบ่ายสองโมง
“เรียบร้อยแล้วครับ”
หลังจากทำการรักษาเสร็จสิ้น ซูเย่ประกาศออกมาและยกมือขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงรายงานของซูเย่
ฉินเว่ยหมินที่คงความเร็วในการรักษามาอย่างมั่นคงโดยตลอด อดไม่ได้ที่จะสั่นไปทั้งร่าง พยายามฝืนตัวเองไม่ให้หันไปมองซูเย่ และดำเนินการรักษาต่อไป
จนถึงเวลาบ่ายสามโมง เขาจึงประกาศเสร็จสิ้นการรักษา
ด้วยการประกาศจากทั้งสองฝ่าย
ผู้ชมในสนามทุกคนจึงเงียบ
การแข่งขันครั้งนี้
ใครเป็นฝ่ายแพ้ ใครเป็นฝ่ายชนะ?
แม้ว่าฉินเว่ยหมินจะขอเพิ่มกฏวัดความเร็วในการรักษา แต่ถูกซูเย่เอาชนะไปได้อย่างขาดลอย ทว่าความเร็วก็ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่จะวัดผลแพ้ชนะ เนื่องจากมีผลเพียงแค่ 30%
สิ่งที่สำคัญกว่า คืออัตรารักษาหาย!
“การแข่งขันวันนี้จบลงแล้ว” หลี่เจิ้งต้าวเดินหน้าออกมา “จะประกาศผลการแข่งขันในวันพรุ่งนี้เวลาแปดโมงเช้า ขอให้ทั้งสองฝั่งมากันให้ตรงเวลาด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้ชมในสนามจึงแยกย้ายกันไปอย่างเงียบเชียบ
ฝั่งแพทย์แผนจีนพื้นบ้าน สีหน้าดูไม่ดีนัก
การพ่ายแพ้ในศาสตร์แห่งวิชาอาคมก็นำความตกใจอย่างใหญ่หลวงมาให้พวกเขามากแล้ว ตอนนี้ยังมีด้านอายุรศาสตร์อีก ที่ซูเย่แสดงความสามารถเหนือมนุษย์ออกมา
แม้ว่าจะยังไม่รู้ผลตัดสินสุดท้าย แต่จากผลงานที่ผ่านมาของซูเย่ ก็เพียงพอที่จะทำให้ใบหน้าของผู้คนจากกลุ่มแพทย์แผนจีนพื้นบ้านปกคลุมไปด้วยความมัวหมอง
พวกเขายอมรับว่าซูเย่เก่ง แต่ก็ยังไม่อยากแพ้!
อีกฝั่งหนึ่ง ทางมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนการศึกษา
ทุกคนไม่กล้ารบกวนซูเย่ ไม่แม้แต่จะส่งเสียงเชียร์
เฝ้ารอคอยฟังผลอย่างเงียบงัน
นักศึกษาบางส่วนอาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรมาก แต่สำหรับเหล่าคณบดีจากแต่ละมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีน การรอคอยผลของการแข่งขันนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนรอคอยการประหาร หัวใจเต้นแรง อย ยากรู้ผลเร็ว ๆ แล้ว แต่ก็กลัวว่าจะยอมรับผลไม่ได้เหมือนกัน
เป็นอีกค่ำคืนที่เงียบสงบ
หลายคนเองก็เกิดรู้สึกนอนไม่หลับขึ้นมา
จนกระทั่งเช้าถัดมา เวลาเจ็ดโมงครึ่ง
ทุกคนจากฝั่งแพทย์แผนจีนพื้นบ้าน และมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนการศึกษาแพทย์แผนจีน มารอคอยอยู่ในสนามกันตั้งแต่เช้า บางคนเองก็มีดวงตาแดงก่ำ
ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ
จนถึงเวลาแปดโมงตรง
ผู้ตัดสินทั้งหก นำโดยหลี่เจิ้งต้าวเข้ามายังสนามแข่ง
“ผลการแข่งขันในด้านอายุรศาสตร์ได้ข้อสรุปเรียบร้อยแล้ว”
ระหว่างเดินเข้ามาตรงกลางสนาม หลี่เจิ้งต้าวเหลือบมองทุกคนที่อยู่กันอย่างสงบ จากนั้นกล่าวต่อ ”จากการแข่งขันเมื่อวาน ฉินเว่ยหมิน ตัวแทนจากตระกูลฉินแห่งแพทย์แผนจีนพื้นบ้าน อั ตรารักษาหายดีอยู่ที่ 98%“
ผู้ชมตะลึง
กลุ่มคนจากฝั่งแพทย์แผนจีนตาเป็นประกาย
98 %?
คนไข้หนึ่งร้อยราย รักษาหายเก้าสิบแปดราย? ทำได้ดีมาก!
ทุกคนในสนามจดจ่อไปยังตระกูลฉินและฉินเว่ยหมิน
สมกับที่เป็นหนึ่งในสิบสามตระกูลแพทย์แผนจีนพื้นบ้าน รักษาด้านอายุรศาสตร์ได้ด้วยอัตราหายสูงถึงขนาดนี้ เป็นความสามารถที่ไม่อาจเทียบได้โดยหมอทั่วไป!
“ต่อไป อัตรารักษาหายของซูเย่ ตัวแทนจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง”
พรึ่บ!
ทุกสายตากลับไปที่หลี่เจิ้งต้าว
ในสายตามีทั้งความตึงเครียด ความคาดหวัง การภาวนา และการสาปแช่ง
ศึกนี้จะตัดสินกันจากผลสุดท้าย!
สายตาของหลี่เจิ้งต้าวกวาดมองไปยังผู้ชมทั้งสนาม จนสุดท้ายมาอยู่ที่ซูเย่ และประกาศเสียงดังว่า
“อัตรารักษาหายอยู่ที่ 100 %!”
“ฉันขอประกาศ ผู้ชนะในด้านอายุรศาสตร์ คือซูเย่จากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง!”
“เย้!”
เพียงสิ้นเสียงประกาศ นักศึกษาหลายคนจากฝั่งมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนก็พากันกระโดดโลดเต้นดีใจ ตะโกนออกมากันด้วยความตื่นเต้น
“ชนะ!!! พวกเราชนะ!!!”
หลิวเจิ้นเฉียงและคณบดีทั้งหลาย ก็พากันลุกยืนขึ้นด้วยความดีใจ ชูกำปั้นขึ้นสูงเหนือหัว
สุดท้ายแล้วพวกเขาชนะ!
สามสิบสามมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีน ผ่านการคัดเลือกและการแข่งร่วมเดือน จนท้ายที่สุดก็ได้รับชัยชนะ! พวกเขาสามารถปกป้องเกียรติและชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนไว้ได้!
ทุกคนวิ่งตรงเข้าไปหาซูเย่ ยกเขาขึ้นมาและพากันโยนขึ้นไปในอากาศ
“ซูเย่!”
“ซูเย่!”
“ซูเย่!”
เสียงเชียร์ดังสนั่นไปทั่วทั้งสนามแข่ง
ทีมงานจัดการแข่งขันทุกคนยังคงตกตะลึงกับผลการแข่งขันอยู่
“นี่ถ้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเองตลอดการแข่ง ก็คงคิดว่าเป็นการจัดฉากล่วงหน้าแล้วนะเนี่ย”
“แพ้หกศาสตร์แรก แล้วตีกลับมาชนะเจ็ดศาสตร์รวด?”
“การพลิกกระดานแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะในรายการไหนก็ตาม สุดยอดไปเลย”
……
“เยี่ยมมาก!”
ผู้กำกับจ้าวเหมียนยกนิ้วหัวแม่มือชื่นชมซูเย่อยู่ไกล ๆ เจ้าเด็กคนนี้สร้างปาฏิหาริย์ขึ้นอีกครั้งแล้ว
แต่เมื่อมีสวรรค์ อีกฝั่งก็มักจะเป็นนรก เขามองไปยังกลุ่มแพทย์แผนจีนพื้นบ้าน พบว่าสีหน้าของทุกคนบิดเบี้ยวน่าเกลียด
เขาถอนใจออกมากับตัวเอง “นี่แหละนะ ความโหดร้ายของการแข่งขัน!”
ผู้คนจากฝั่งสิบสามตระกูลแพทย์แผนจีนพื้นบ้าน มองดูฝั่งมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเฉลิมฉลองกันอย่างสนุกสนาน
“ผมขอโทษครับ!”
ฉินเว่ยหมินก้มตัวโค้งให้กับทุกคนด้วยดวงตาแดงก่ำ
ผู้นำจากตระกูลอื่นถอนใจ ตบบ่าฉินเว่ยหมินเบา ๆ และกล่าว “เธอทำได้ดีแล้ว น่าเสียดายที่เธอต้องแข่งกับซูเย่ น่าเสียดายที่พวกเราทั้งหมดต้องแข่งกับซูเย่”
พวกเขาถือไพ่เหนือกว่ามาโดยตลอด
แต่ตอนนี้กลับถูกซูเย่พลิกสถานการณ์ได้ด้วยตัวคนเดียว
การคำนวณทุกอย่างและอนาคตอันสว่างไสว ล้วนจมหายไปทันตา!
พวกเขาทำใจยอมรับไม่ลง แต่ความจริงก็อยู่เบื้องหน้า
ยอมรับความพ่ายแพ้ทั้งเจ็ดศาสตร์จากซูเย่ไม่ได้ แต่จะให้ทำอย่างไร?
ไกลออกไปนั้น มีเสียงเชียร์ดังขึ้นมาอีก
เป็นเสียงจากเหล่าพี่น้องพรรคถูโช่วจย้าเทียน
จังหวะที่ได้ยินว่าซูเย่ชนะ พวกเขาเองก็ตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก
ในสายตาของพวกเขา
ลูกพี่ซูไร้พ่าย!
ผู้บัญชาการมหานครตะวันตกเฉียงใต้ ปาปู้เต๋อไม่ได้ดีใจไปกับคนอื่น กลับกันเขารู้สึกเสียดาย
เสียดายที่ไม่ได้เห็นซูเย่แพ้แม้แต่การแข่งขันเดียว
“เงียบก่อน”
หลี่เจิ้งต้าวใช้ไมโครโฟนเพื่อหยุดเสียงเชียร์จากฝั่งมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนลง ทำการประกาศว่า “ถึงบัดนี้ การแข่งขันศาสตร์สิบสามแขนงแห่งแพทย์แผนจีน ระหว่างกลุ่มแพทย์แผนจีนพื้น นบ้าน และมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนได้จบลงแล้ว โดยมีผลการแข่งอยู่ที่หกต่อเจ็ด ”
“ฝั่งมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนที่ทำไปได้เจ็ดคะแนน เป็นฝ่ายชนะ!”
สิ้นเสียงประกาศ
ผู้คนจากทางมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนที่เพิ่งสงบลงไป ก็ระเบิดเสียงดีใจกันออกมาอีกครั้ง
ระหว่างนั้น ทุกคนก็จ้องมองกลุ่มแพทย์แผนจีนพื้นบ้านไปด้วยสายตาภาคภูมิใจ
“ผลสรุปการแข่งขันที่ออกมา มีใครจะคัดค้านอะไรไหม?”
หลี่เจิ้งต้าวมองไปยังทั้งสองฝั่ง โดยเน้นทางด้านแพทย์แผนจีนพื้นบ้าน
กลุ่มผู้คนทางแพทย์แผนจีนพื้นบ้านก้มหน้าลงต่ำ
“พวกเราไม่มีอะไรจะคัดค้าน”
ผู้นำตระกูลฉินเหลือบมองผู้นำตระกูลคนอื่น ๆ ถอนใจออกมา ประกบกำปั้นให้ทุกคนในสนามแข่ง และหันหลังเดินออกไปพร้อมกับผู้คนของเขา
ภาพของพวกเขาที่กำลังเดินจากไปดูน่าหดหู่
พวกเขารู้ดีว่า นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขา
หากไม่ชนะการแข่งขันครั้งนี้ จะยังใช้อะไรเพื่อรับรองความเป็นแพทย์แผนจีนพื้นบ้านได้อีก? พวกเขาจะเอาอะไรไปขอการสนับสนุนจากเบื้องบน?
ความหวังที่ตั้งเอาไว้ ไม่มีอีกต่อไปแล้ว
อนาคตตระกูลของพวกเขาถูกตัดขาดลง
ไม่เพียงความเจริญก้าวหน้าของตระกูลแพทย์แผนจีนพื้นบ้าน แต่รวมไปถึงอนาคตของลูกหลานที่จะได้ร่ำเรียนแพทย์แผนจีนด้วย
“เฮ้อ……”
ระหว่างที่เดินอยู่ ผู้นำตระกูลฉินได้แหงนหน้ามองท้องฟ้า ถอนหายใจออกมา หันหลังมองกลับไปยังสนามแข่งที่ต่อสู้มาหลากหลายวันอย่างลังเลใจ
น้ำตาไหลออกมา
ผู้นำตระกูลอื่นเองก็รู้สึกได้ถึงความชื้นในดวงตา
ในอีกไม่กี่ปี บนโลกนี้ก็คงจะไม่มีสิบสามตระกูลอีกต่อไป
กลางสนามแข่ง
ปรมาจารย์แพทย์แผนจีนพื้นบ้านมองแผ่นหลังของสิบสามตระกูลที่เดินจากไป แล้วถอนใจออกมาอย่างอึดอัด
อย่างไรก็ตาม นี่ก็ถือว่าเป็นความพ่ายแพ้ของพวกเขาด้วย
“ขอแสดงความยินดีด้วย”
ปรมาจารย์แพทย์แผนจีนพื้นบ้านหันหลังกลับไป ประกบกำปั้นขึ้นพร้อมกล่าวแสดงความยินดีออกมา ให้ปรมาจารย์แพทย์แผนจีนแห่งชาติ
“ยินดีอะไรกัน?” ว่านเฉินหยางส่ายหัว กล่าวออกมาหลังจากถอนใจว่า “นี่เป็นเพียงการแข่งขันในศาสตร์แห่งแพทย์แผนจีน เบื้องบนโหดร้ายกับกลุ่มแพทย์พื้นบ้านเกินไปจริง ๆ ด้วยความสามา ารถที่พวกเขาแสดงให้ผู้คนได้รับชม ก็เกินพอที่จะได้ใบรับรองทางการแพทย์แล้ว น่าเสียดายที่มีความสามารถ แต่ไร้ใบรับรอง ก็ไม่สามารถทำการรักษาได้ กลายเป็นความสูญเสียของวงการแพทย์แผน นจีน ผู้ป่วยเองก็จะไม่ได้รักษากับยอดฝีมือ”
ปรมาจารย์แพทย์แผนจีนพื้นบ้านส่ายหัวและถอนใจตาม สายตาดูสิ้นหวัง
ท่ามกลางฝูงชนและเสียงเชียร์
สายตาของซูเย่เหลือบไปเห็นแผ่นหลังของผู้คนจากสิบสามตระกูล พอเห็นว่าพวกเขากำลังเดินจากไป ดวงตาของซูเย่ก็เกิดประกายแสงสว่างวาบ