เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 24 เรียกเฉิงหวงในโลกความจริง!
บทที่ 24 เรียกเฉิงหวงในโลกความจริง!
สรุปแล้วเฉิงหวงสามารถทำให้สิ่งของหายไปพร้อมกับมันได้! เมื่อยืนยันเรื่องนี้แล้ว ดวงตาของซูเย่พลันเป็นประกายทันที
งั้นสามารถทำให้ตัวเขาหายไปด้วยได้ไหม? เมื่อคิดถึงจุดนี้ ซูเย่ก็ขึ้นขี่เฉิงหวงทันที
“หายตัว”
ซูเย่เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเปี่ยมความคาดหวัง
เฉิงหวงเหลือบมองเขาด้วยความสงสัย และในทันทีก็มีชั้นหมอกปรากฎขึ้นใต้ฝ่าเท้าของมันอีกครั้ง เฉิงหวงก็พลันหายตัวไป เมื่อหมอกจางลง ซูเย่มองไปรอบ ๆ อย่างช่วยไม่ได้ เขายังอยู่ที่เดิม ไม่เคลื่อนไหว และเขายังเกือบจะล้มลงเพราะเฉิงหวงหายตัวไปอย่างกะทันหันอีกด้วย!
“ดูเหมือนว่าจะพาคนให้หายตัวไปพร้อมกันไม่ได้”
ซูเย่ถอนหายใจอย่างเสียดาย ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ต่อไปถ้าคุณพบสัตว์ประหลาดที่มีพละกำลังมหาศาล ก็ไม่จำเป็นต้องวิ่งเลย แค่ให้เฉิงหวงหายตัวไปดื้อ ๆ ก็ได้แล้ว
“ไม่ ลองใหม่อีกรอบ!”
ซูเย่ยังไม่ละความพยายาม เขาเรียกเฉิงหวงออกมาอีกครั้ง แล้วไปจับมอนสเตอร์ตัวเล็กมา สั่งให้เฉิงหวงคาบเอาไว้
แต่ในตอนที่เฉิงหวงหายตัวไป มอนสเตอร์ตัวเล็กก็ตกลงมาจากกลางอากาศลงไปที่พื้นและวิ่งหนีหายไปในพริบตา ครั้งนี้ ซูเย่เข้าใจแล้ว เฉิงหวงสามารถทำให้สิ่งที่ไม่มีชีวิตหายไปพร้อมกันได้ แต่สิ่งมีชีวิตไม่ได้
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ซูเย่เอ่ยถามเฉิงหวง “ถ้าฉันไปต่างโลกเพื่อเรียกแก แกจะปรากฏตัวต่อหน้าฉันด้วยได้ไหม”
เฉิงหวงพยักหน้ามันช้า ๆ
“เอ๊ะ?”
ซูเย่ตะลึงงัน
เฉิงหวงสามารถเข้าใจสิ่งที่เขาพูดได้แน่นอน งั้นมันหมายความว่ามันสามารถแอบออกไปได้?
“แกหมายความว่ายังไง?”
ซูเย่ถามอีกครั้ง “แกสามารถติดตามฉันไปไหนก็ได้หลังจากที่หายตัวอยู่ ไม่ว่าฉันจะไปที่ไหน แกก็สามารถปรากฏตัวได้ตลอดเวลางั้นเหรอ?”
เฉิงหวงพยักหน้าอย่างเย่อหยิ่ง
ซูเย่มองมันอย่างประหลาดใจ
ไหนลองดูสิ!
มันไม่เคยออกไปจากที่นี่เลย ถ้าทำไม่สำเร็จล่ะ?
“ลองเสี่ยงดู! ฉันจะออกจากโลกนี้แล้วต้องเข้าสู่ช่องว่างของทางเชื่อม ดังนั้นแกต้องตามมาติด ๆ นะ”
ซูเย่ตบเบา ๆ ที่คอของเฉิงหวง “ถ้าไปถึง ฉันจะให้ของดี”
เฉิงหวงพยักหน้าอย่างมีความสุข
“ไปได้”
ซูเย่พูดด้วยรอยยิ้ม
วินาทีต่อมา หมอกปรากฎขึ้นและเฉิงหวงก็หายตัวไปทันที
ซูเย่ปัดมือของเขาแผ่วเบาแล้วรีบรุดกลับไปที่มหานครตะวันออกอย่างรวดเร็ว
เมื่อกลับมาถึงในเมือง ผู้คุมเดินเข้ามา อีกฝ่ายได้รับคำสั่งจากหัวหน้าของพวกเขาแล้ว ว่าซูเย่จะไม่ถูกหักส่วนแบ่งใด ๆ ในครั้งนี้ ดังนั้นจึงพาซูเย่ไปในทางเชื่อมเพื่อกลับไปทันที
หลังจากที่ซูเย่กลับมาถึงโลกความจริง เขาก็ออกจากสถานีตำรวจทันทีและเดินผ่านป่าในเขตมหาวิทยาลัยไปจนถึงส่วนลึกของป่า
“เฉิงหวง!”
หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ ซูเย่ก็ตะโกนเรียกสัตว์พาหนะทันที
และในไม่ช้า บนพื้นที่ข้าง ๆ ก็ปรากฏชั้นของหมอกขึ้นมา จากบางเบาค่อย ๆ หนาขึ้น ในที่สุด มันก็หนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ และร่างที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าของซูเย่
เป็นเฉิงหวงจริง ๆ! มันปรากฏตัวขึ้นได้จริง!
ดวงตาของซูเย่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ แต่เฉิงหวงที่เพิ่งปรากฏตัว ดูไม่มีความสุข มันมองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัย สูดจมูกดม และส่งเสียงจามด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
อากาศไม่ดี พลังปราณในอากาศก็ต่ำ… เทียบไม่ได้กับดินแดนภูผามหานทีเลยแม้แต่ปลายเล็บ!!
ซูเย่สังเกตเฉิงฮวง แต่พบว่าขณะนี้มันกำลังเข้าสู่สภาวะอ่อนแออย่างช้า ๆ สัตว์ประหลาดจะอ่อนแอลงบนโลก?
“มานี่มา!”
ซูเย่รีบถอดกระเป๋าเป้ออกมา นำคริสตัลปราณที่เขาได้รับจากพื้นที่ระดับ 4 ออกมาทันที และป้อนให้กับเฉิงหวง คริสตัลปราณทำให้เฉิงหวงรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
เริ่มมีเรี่ยวแรงกลับมา
“ถ้ามาโลกนี้ต้องการเติมเต็มพลังปราณอย่างต่อเนื่อง!” ซูเย่คิด
“ในเมื่อแกไม่ชอบโลกนี้ ฉันจะไม่ทำให้แกลำบากใจ กลับไปเถอะ”
ซูเย่ลูบเฉิงหวงเบา ๆ
“แต่ช่วยเก็บของไว้ให้ด้วย”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็วางกระเป๋าเป้ลงบนหลังของเฉิงหวง มองมันหายตัวไปพร้อมกับกระเป๋าเป้ของเขา
“ตอนนี้ได้เวลาไปส่งของขวัญแล้ว!”
สีหน้าของซูเย่กลายเป็นเคร่งขรึม มองไปในระยะไกล เดิมทีเขาคิดจะขี่เฉิงหวงไปยังภูเขาอวิ๋นฮวา แต่หลังจากคำนวณเวลาแล้วพบว่ามันยังสายเกินไป
นอกจากนี้ เฉิงหวงไม่ชอบอากาศที่โลกนี้ ดังนั้นมันจึงค่อย ๆ อ่อนกำลังลงและต้องกินมากเกินไป ซึ่งชายหนุ่มคงไม่สามารถหาของมาให้มันกินได้ตลาดทางแน่
ดังนั้นเขาจึงละทิ้งความคิดนี้ เก็บเฉิงหวงไป แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาทันที ทำการจองเที่ยวบินไปยังเมืองจงชวน มณฑลกานซู
วันนี้ควรเป็นวันที่สองพี่น้องไป๋กราบอาจารย์ที่สำนักเมฆาคราม เขาจะต้องไปถึงให้ตรงเวลา!
ระหว่างทาง ซูเย่เข้าสู่ระบบบอร์ดผู้ฝึกยุทธ์เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ เขาพบว่าสำนักเมฆาครามประกาศข่าวการเปิดประตูสำนักจริง ๆ และยังเชิญผู้มีชื่อเสียงจำนวนมากมาชมพิธี แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์พเนจร
“สำนักโบราณพวกนี้ ทำไมต้องทำให้เอิกเกริกด้วย?”
ซูเย่หัวเราะแผ่วเบา
เมื่อลงเครื่อง ซูเย่ก็มุ่งหน้าไปที่เขาอวิ๋นซานทันที ในตอนที่มาถึงซูเย่เห็นผู้คนมากหน้าหลายตา ที่ตีนเขาในเวลานี้ มีคนในยุทธภพหลายคนมารวมตัวกัน
ที่ที่เคยเป็นกระท่อมมุงของคนสวน กลายเป็นประตูสำนักบานใหญ่ปรากฏขึ้นซึ่งดูเหมือนม่านน้ำที่เป็นประกาย และม่านน้ำนั่นเองที่เป็นทางเข้าสู่สำนักเมฆาคราม บริเวณโดยรอบมีผู้ฝึกยุทธ์อีกมากมายรออยู่
“ฉันไม่ได้คาดหวังว่าสำนักเมฆาคราม จะให้ผู้คนเข้าร่วมพิธีจริง ๆ แม้ว่าจะให้พวกเราเข้าไปเป็นลำดับท้าย ๆ ก็เถอะ!”
“เมื่อก่อน สำนักเมฆาครามไม่ติดต่อโลกภายนอก สืบทอดกันแค่ในสำนักเท่านั้น”
“เวลาทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลง!”
“แม้แต่สำนักที่สืบทอดมานับพันปีก็ยังต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยและทำการเปลี่ยนแปลงอย่างเหมาะสม”
“ฉันได้ยินมาว่าคำเชิญวีไอพีแรกที่สำนักเมฆาครามส่งไปครั้งนี้ถูกส่งไปยังผู้บัญชาการทั้งหก”
“ก็ต้องอย่างนั้นน่ะสิ ผู้บัญชาการทั้งหกเป็นตัวแทนของรัฐบาลเชียวนะ”
“ไม่ว่าสำนักเมฆาครามจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็เป็นเพียงกลุ่มคนของยุทธภพเท่านั้น และวันนี้ยุทธภพก็ได้อยู่ในการดูแลจัดการของทีมสืบสวนและรัฐบาลแล้ว!”
ทันทีที่ซูเย่มาถึง เขาได้ยินการสนทนาจากคนที่รอชมพิธี
“ผู้บัญชาการทั้งหกก็มา?”
ซูเย่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แล้วพลันยิ้มออกมา
สองพี่น้องไป๋เป็นสมาชิกของทีมสืบสวน สำนักเมฆาครามมาแย่งคนไปแบบนี้จะต้องทำให้ทีมสืบสวนไม่สบายใจอย่างมาก และผู้บัญชาการทั้งหกคนคงไม่มีท่าทีที่ดีต่อพวกเขาเท่าไหร่ แต่ก็คงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
ในระหว่างที่ซูเย่กำลังคิดไปเรื่อยเปื่อย พลันมีเสียงตะโกนดังขึ้นมา
“สำนักฉินซาน มาร่วมชมพิธีครับ”
เมื่อหันศีรษะไปมอง เห็นคนหนึ่งกลุ่มที่สวมชุดเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว หนึ่งคนในนั้นถือกล่องอยู่ในมือ
“เชิญ!”
ทางด้านซ้ายและด้านขวาของประตูสำนัก ศิษย์ชายสองคนของสำนักเมฆาคราม ทำหน้าที่ต้อนรับแขกเหรื่อ ทั้งสองพยักหน้าเล็กน้อย เป็นเชิงอนุญาตให้กลุ่มคนจากสำนักฉินซานเข้ามา
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่กระจุกตัวอย่างหนาแน่นตรงเชิงเขา หลีกทางออกเป็นสองฝั่งอย่างรวดเร็ว
ลูกศิษย์ของสำนักฉินซานเดินผ่านไป พลางพยักหน้าขอบคุณกลุ่มคนจากทั้งสองข้างทางที่หลบทางให้
“นี่เป็นสำนักที่เจ็ดแล้ว!”
“ยุทธภพในปัจจุบัน นอกเหนือจากสามสำนักโบราณ ยังมีสำนักขนาดเล็กและขนาดกลางทั้งหมดรวมกันไม่ถึง 20 สำนัก ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสามสำนักโบราณที่แทบจะไม่ได้เปิดประตูสำนักเลย เมื่อเปิดประตูต้อนรับแบบนี้ สำนักเล็กใหญ่ ย่อมต้องการใช้โอกาสนี้ในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีอย่างแน่นอน”
“ดูเหมือนว่าพิธีรับศิษย์ของสำนักเมฆาคราม จะกลายเป็นเหตุการณ์ที่หายากในปัจจุบันนี้”
.…..
สำนักที่เจ็ด แปด และยังมีมาอีกเรื่อย ๆ
หลังจากสังเกตการณ์อยู่ครู่หนึ่ง ซูเย่ก็ก้าวเท้าออกไปทางประตูสำนัก
“นั่นใคร?”
เมื่อเห็นซูเย่เดินตรงเข้ามา ศิษย์ที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดเขาไว้ทันที “โปรดนำเทียบเชิญของคุณออกมา ถ้าไม่มี โปรดรอให้คนอื่นที่มีเทียบเชิญเข้าไปก่อน”
“ผมเป็นแฟนของไป๋จือหราน”
ซูเย่กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ศิษย์ที่สำนักเมฆาครามต้องการรับในวันนี้คือแฟนสาวของผม ผมมาที่นี่เพื่อเข้าชมพิธี ผมต้องมีเทียบเชิญด้วยเหรอครับ”
ทันทีที่ซูเย่พูดจบ บริเวณโดยรอบเงียบลงทันที ศิษย์คนใหม่ของสำนักเมฆาครามมีแฟนแล้ว? นี่มันอะไรกันเนี่ย?
สำนักเมฆาครามเป็นสำนักโบราณที่มีศิษย์หญิงเป็นหลัก การจัดการค่อนข้างเข้มงวด แม้ว่าศิษย์ที่เพิ่งได้รับคัดเลือกจะมีแฟนแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเขาต้องไม่รอดแน่นอน แล้วจะยอมให้แฟนหนุ่มของศิษย์ที่กำลังจะรับเข้าไปรบกวนได้อย่างไร?
ที่สำคัญคือ สำนักเมฆาครามแทบจะไม่ได้ติดต่อกับโลกภายนอกเลย คราวนี้ การเปิดประตูสำนักต้องมีจุดประสงค์พิเศษ พวกเขาจะปล่อยให้ศิษย์ใหม่ติดต่อกับคนจากโลกภายนอกได้อย่างไร?
ทุกคนต่างพากันมองซูเย่อย่างสงสัย ว่าซูเย่มีความมั่นใจแค่ไหนที่กล้ามาในวันพิเศษเช่นนี้?
สำนักเมฆาคราม จะปล่อยให้เขาเข้าไปหรือจะไล่ตะเพิดให้พ้นทาง?
หากบุคคลนี้ได้รับอนุญาตให้เข้าไป งั้นก็แสดงว่าต่อไปถ้ามีโอกาสก็สามารถเดตกับศิษย์ในสำนักได้?
ดวงตาของทุกคนรอบข้างพลันเป็นประกาย ยังมีโอกาสมั้ยนะ?
“คนโง่งมมาจากไหน พูดเรื่องไร้สาระที่ภูเขาอวิ๋นฮวาของฉัน”
ชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ถัดจากทางเดินตะโกนเสียงดัง ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ซูเย่อย่างเย็นชา
ซูเย่ไม่ตอบ
“กำลังพูดกับคุณอยู่นะ!”
ชายหนุ่มยกมือชี้ไปที่ซูเย่อย่างไม่เกรงใจ
“คุณต้องการให้ผมหาพยานมาให้ไหม”
ซูเย่กล่าวอย่างใจเย็น
“ไม่จำเป็น กล้าใส่ร้ายลูกศิษย์ของฉัน ฉันคิดว่าคุณมีเจตนาไม่ดี!”
ใบหน้าของชายหนุ่มเคร่งขรึมลงและตะโกนอย่างเย่อหยิ่ง “คุณจะออกไปเองหรือจะให้เราเชิญออกไป”
ซูเย่เหลือบมองชายหนุ่ม “วันนี้เป็นพิธีรับศิษย์ของแฟนผม ผมมาที่นี่เพื่อมอบของขวัญอย่างจริงจังและแสดงความยินดี ไม่ได้มาสร้างปัญหา โปรดเปิดทางให้ด้วย”
“ลงมือ!”
ชายหนุ่มไม่สนใจซูเย่และตะโกนคำสั่งออกไปทันที ศิษย์ทั้งสี่เดินออกจากประตูสำนัก พุ่งทะยานไปทางซูเย่พร้อมกับศิษย์เฝ้าประตูอีกสองคน
ซูเย่ยิ้มเยาะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็มาจัดชุดใหญ่สักหน่อยก็ได้ เขาพุ่งเข้าไปปะทะกับศิษย์สำนักทั้งหกโดยตรงทันที
“ผลั่กผลั่ก…”
ซูเย่โบกสะบัดมือทั้งสองข้าง การโจมตีในแต่ละครั้งโจมตีไปยังคน ๆ หนึ่งอย่างแน่นอนด้วยความเร็วสุดขีด
ในชั่วพริบตา ทั้งหกก็แพ้ยับ ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่รอบ ๆ มองที่ซูเย่ด้วยความประหลาดใจ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามถึงหกคนยังสู้กับเขาคนเดียวไม่ได้?
“คุณกล้าดียังไง!”
ชายหนุ่มตะโกนอย่างโกรธจัด กำลังจะเริ่มลงมือ
“ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง!
เสียงระฆังดังขึ้นจากระยะไกล สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไป พิธีกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ตามคำสั่ง เขาต้องปิดประตูสำนักในเวลานี้ จึงตรวจดูรายชื่ออย่างรวดเร็วและพบว่าแขกทุกคนที่ควรจะอยู่ที่นั่นแล้ว เขาพลันถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วหันศีรษะจ้องไปที่ซูเย่ด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“ถือว่าคุณโชคดี!”
“ปิดประตู!”
ชายหนุ่มออกคำสั่ง และพาศิษย์อีกหกคนเข้าไปในสำนัก ก่อนเข้าไป เขาเหลือบมองที่ซูเย่ด้วยสีหน้าไม่พอใจอีกครั้ง
วินาทีต่อมา ทางเชื่อมบนพื้นที่นำไปสู่สำนักเมฆาครามพลันสงบลง ประตูสำนักหายไปแล้ว!
ทุกคนต่างตกตะลึง ปิดประตูทำไม เรายังไม่ได้เข้า! อย่าเพิ่งปิด! เราจะไปดูยังไง! เปิดประตูก่อน! เรายังไม่ได้เข้าไปเลย!
ทุกคนมองที่ซูเย่อย่างหมดคำจะพูด เป็นเขาที่ทำให้เสียเวลา ดูสิ! ตอนนี้ใครก็เข้าไปไม่ได้แล้ว! แกต้องเลิกกับแฟนแกแน่!
เมื่อทุกคนคิดว่าซูเย่กำลังจะหันหลังเดินจากไป ซูเย่กลับเดินไปด้วยใบหน้าที่สงบมายังที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของประตูสำนัก เขาเดินตรงเข้าไป ภายใต้สายตาของทุกคนที่เปี่ยมด้วยความตกใจ
แค่ชั่วพริบตา ซูเย่หายตัวไปต่อหน้าต่อตาทุกคน
เขาเข้าไปแล้ว!