เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 91 ชวนคนเรียนแพทย์ จะต้องโดนฟ้าผ่า?
บทที่ 91 ชวนคนเรียนแพทย์ จะต้องโดนฟ้าผ่า?
ทันทีที่ข้อความนี้ปรากฏขึ้น
ตูม!
เรื่องก็ดังระเบิดไปทั่วโลกออนไลน์ในทันที!
“ไช่เสี่ยวฉี อันดับหนึ่งโรงเรียนศิลปศาสตร์มณฑลฉี? เธอเป็นอันดับหนึ่งนี่! ด้วยคะแนนสอบของเธอแล้ว ควรจะไปมหาวิทยาลัยชิงหวาหรือจิงเป่ยสิ ทำไมถึงไปเข้ามหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง งล่ะ?”
“โลกเปลี่ยนไปแล้วหรือเปล่า? อันดับหนึ่งคะแนนสอบเข้าไม่เลือกมหาวิทยาลัยชื่อดัง แต่ไปเรียนแพทย์แผนจีนแทน?”
“รู้หรือเปล่า ข่าวที่ว่าประเทศกำลังวางแผนพัฒนาและฟื้นฟูวงการแพทย์แผนจีน?”
“น่าเสียดายออก คะแนนตั้งสูง จะเข้ามหาลัยชื่อดังที่ไหนก็ได้ แต่เลือกไปมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางเนี่ยนะ? ใช้หาเงินได้ด้วยเหรอแพทย์แผนจีนน่ะ?”
“เข้ามหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง? เธอคิดอะไรของเธออยู่?”
“ข่าวปลอมรึเปล่าเนี่ย?”
ทว่าใช้เวลาไม่นาน
วิดีโอสัมภาษณ์ก็ปรากฏขึ้นในเวยป๋อและติ๊กตอก
“นักเรียนหญิงจากโรงเรียนศิลปศาสตร์มณฑลฉี ผู้ได้คะแนนสอบอันดับหนึ่งในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ออกมาพูดถึงเหตุผลที่เลือกเข้ามหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง”
เผยแพร่ไปอย่างว่องไว!
“คุณเป็นถึงอันดับหนึ่งของมณฑล คุณมีคุณสมบัติที่จะเลือกมหาวิทยาลัยชื่อดังได้อย่างเต็มที่ และทางมหาวิทยาลัยเหล่านั้นก็คงพร้อมที่จะมอบสิ่งอำนวยความสะดวกให้คุณมากมาย รวมไปถึงทุนกา ารศึกษาด้วย แต่ทำไมคุณถึงเลือกที่จะเข้ามหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางคะ?”
“เป็นเพราะความรักค่ะ!”
ในวิดีโอ สีหน้าของไช่เสี่ยวฉีที่มองกล้องนั้น แสดงออกถึงความจริงใจ เธอพูดจาคล่องแคล่ว น้ำเสียงฉะฉาน “อันที่จริง ฉันรักแพทย์แผนจีนมาตลอดเลยค่ะ ฉันตามหาชีวิตที่จะได้ศึกษาแพทย์ แผนจีน ทว่าน่าเสียดายที่ฉันไม่ได้เกิดในครอบครัวสายแพทย์ ฉันจึงทำได้เพียงตั้งใจเรียนอย่างหนักค่ะ เพื่อที่จะได้เข้ามหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง”
“มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางดีขนาดนั้นเลยเหรอคะ?” นักข่าวเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ฉันคิดว่ามหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางเป็นมหาวิทยาลัยการแพทย์อันดับต้นของประเทศค่ะ เรื่องนี้ถูกพิสูจน์มาแล้วในรายการอนาคตแพทย์แผนจีน เลยทำให้ฉันคิดว่าไม่มีมหาวิทยาลัยการแ แพทย์ที่ไหนดีเท่ามหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางค่ะ”
ไช่เสี่ยวฉียังคงกล่าวอย่างสงบหน้ากล้อง “การแพทย์แผนจีน เป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดส่งต่อกันมายาวนานกว่า 5,000 ปี ในอนาคต แพทย์แผนจีนจะต้องรุ่งเรืองอย่างแน่นอนค่ะ ดังนั้นฉันจึงเลือกแ แพทย์แผนจีน ฉันเองก็หวังว่าตัวเองจะสามารถสร้างผลงาน และพัฒนาวงการเป็นมรดกสืบต่อไปอีกด้วยค่ะ!”
เมื่อได้เห็นวิดีโอนี้
บรรดาผู้เข้าสอบ ผู้ปกครอง และชาวเน็ตที่ติดตามเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยอยู่ก็อึ้งไป
ไม่กี่วันที่ผ่านมา พวกเขาเห็นข่าวเกี่ยวกับการชวนเข้าเรียนแพทย์แผนจีนจำนวนมากบนอินเทอร์เน็ต
หัวข้อ #เข้าแพทย์แผนจีน# พุ่งกลับมาเป็นอันดับสามยอดค้นหาบนเวยป๋ออีกครั้ง และยังทำให้เกิดการโต้เถียงกันอย่างกว้างขวาง
คงไม่เคยมีใครคาดคิด
ว่านักเรียนที่คะแนนสอบอันดับหนึ่งของมณฑล จะยอมละทิ้งโอกาสเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังของจิงเป่ย และตัดสินใจเรียนแพทย์แผนจีนอย่างเด็ดขาด!
แพทย์แผนจีนเป็นที่นิยมขนาดนั้นเลยเหรอ?
ทันใดนั้น ทุกคนพลันนึกถึงนโยบายที่ประกาศออกมาโดยรัฐ การเปลี่ยนแปลงแพทย์แผนจีนหรืออะไร? และรีบไปเปิดข่าวอ่าน
“เฉียบมาก!”
เมื่อได้ดูวิดีโอสัมภาษณ์ ซูเย่จึงอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วชมไช่เสี่ยวฉี จากนั้นส่ายหัวกล่าวออกมา “เด็กนี่สุดยอดไปเลย โกหกคำโตออกมาอย่างแนบเนียน!”
“ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเป็นเพราะเงิน ก็คงหลงเชื่อไปแล้วว่ารักแพทย์แผนจีนจริง ๆ! ความสามารถแบบนี้ ไปเป็นนักแสดงได้เลยนะเนี่ย!”
ไม่มีใครรู้
ว่าเขาเป็นคนอยู่เบื้องหลังวิดีโอสัมภาษณ์นี้
และข่าวออนไลน์ ‘อันดับหนึ่งโรงเรียนศิลปศาสตร์มณฑลฉี เลือกเข้ามหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง’ ก็เป็นฝีมือของเขา
ทุกอย่างเป็นไปตามแผน!
ซูเย่ยิ้มออกมาเล็กน้อย
เขาไม่จำเป็นต้องออกแรงอะไรมากมาย
ที่เขาต้องทำมีเพียงแค่รายงานข้อมูลไปยังสถานีโทรทัศน์ ไม่จำเป็นต้องมีการนัดหมายด้วยซ้ำ ทางสถานีจะหาลู่ทางมาขอสัมภาษณ์เองถึงหน้าประตู และยังพยายามทำให้หัวข้อนี้โด่งดังด้วยตัวขอ องพวกเขาเอง
และใช้เงินเล็กน้อย เพื่อควบคุมเวลาที่จะทำให้เรื่องมันดัง
“ต่อไป ฉันต้องการซื้อยอดเข้าถึงสำหรับข่าวใหญ่ นโยบายระดับชาติ และ นักเรียนท็อปสอบเข้าเลือกเรียนแพทย์แผนจีน สองข่าว”
ระหว่างที่อ่านความเห็นบนอินเทอร์เน็ต ซูเย่ก็ยิ้มขึ้นมา และแก้ไขข้อความส่งไปหาข่งอวี้โจว
สิบนาทีต่อมา
หัวข้อใหม่ล่าสุด #ข้อดีของแพทย์แผนจีน# พุ่งขึ้นมาเป็นอันดับสามของยอดค้นหา!
หน่วยรบของเขาออกปฏิบัติการแล้ว!
‘เขาว่ากันว่า ประเทศเริ่มต้นสนับสนุนการพัฒนาวงการแพทย์แผนจีนอย่างจริงจังแล้ว อนาคตของวงการจะต้องรุ่งเรืองอย่างแน่นอน!’
‘เรียนแพทย์แผนจีนน่าจะเป็นเรื่องดี และมีแนวโน้มที่เชื่อถือได้ ดูอย่างซูเย่สิ!’
‘ไม่สังเกตกันเลยเหรอ บริษัทที่ทำกำไรได้สูงในประเทศล้วนเกี่ยวข้องกับด้านแพทย์ทั้งนั้น โดยเฉพาะแพทย์แผนจีนและกรรมสิทธิ์ยาจีน ถ้าไปเรียนแพทย์แผนจีนล่ะก็ อยากจะกินอะไรก็กินได้ ทั้งหมด’
‘แม้แต่ท็อปสอบเข้ายังเลือกมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง แล้วอย่างนี้พวกเราไม่ควรไปบ้างเหรอ?’
‘พวกเราไม่มีพื้นฐานเลยนะ ถ้าเข้าไปก็คงต้องเหนื่อยมากแน่ แต่ถ้าเข้าไปเรียนจริง ก็จะไม่ต้องห่วงอะไรไปตลอดทั้งชีวิต!’
กระแสดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
และยิ่งไปกว่านั้น ก็ยังมีการเผยแพร่เอกสารที่ประกาศออกมาโดยกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับเรื่องนี้ สำหรับผู้ที่สอบเข้าและชาวเน็ตที่มีความกังวล ไปจนถึงหน่วยงานขนาดใหญ่
บรรดาเด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลายปีที่สามและเหล่าผู้ปกครอง ต่างตกลึงไปเมื่อได้อ่านนโยบายของภาครัฐ
การเรียนแพทย์แผนจีนดีถึงขนาดนี้เลยหรือ?
และเริ่มยอมรับแนวคิดที่ว่าการเข้าเรียนแพทย์แผนจีนเป็นเรื่องดีกันโดยไม่รู้ตัว
ก่อนหน้านี้ นักเรียนอันดับหนึ่งคะแนนสอบเข้าก็เลือกเรียนแพทย์แผนจีนนำมาก่อน
ตอนนี้ ภาครัฐเองก็ส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาวงการอย่างหนักแน่น
มองแวบเดียว
ก็รู้สึกได้เหมือนว่าอนาคตของวงการแพทย์แผนจีนนั้นไร้ขีดจำกัด
ซูเย่มองดูการตอบสนองจากทุกคนบนอินเทอร์เน็ต เริ่มรู้สึกได้ว่ากระแสจากกองทัพข่าวของเขานั้นเริ่มแสดงผลแล้ว
“นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ของจริงน่ะ คือแผนรับสมัครโครงการฝึกแพทย์”
ซูเย่เองทราบดีว่าแผนรับสมัครนักเรียนเข้าโครงการฝึกแพทย์แผนจีนจะถูกส่งออกไปเป็นเอกสารตามหมู่บ้าน
แจกจ่ายไปโดยตรงตามบ้านของนักเรียนมัธยมปลายชั้นปีที่สาม ผ่านหัวหน้าหมู่บ้านและแพทย์ประจำหมู่บ้าน
เมื่อได้ยินถึงข่าวนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะสรรเสริญประเทศชาติ
การเคลื่อนไหวเช่นนี้นั้นทรงพลังอย่างมาก!
พอได้แจกจ่ายอย่างเป็นทางการแบบนี้แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงเลยว่าพวกนักเรียนจะไม่เชื่อ
แน่นอนว่าเมื่อได้รับรู้ถึงนโยบาย นักเรียนตามหมู่บ้านล้วนประทับใจ
สำหรับบรรดานักเรียนตามชนบทแล้ว การได้พบโอกาสอันดีเช่นนี้สักครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ที่สำคัญไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ
นี่จะช่วยให้ทุกครอบครัวที่มีนักเรียนประหยัดเงินได้อย่างมาก!
นักเรียนตามหมู่บ้านรีบใช้โทรศัพท์เพื่อค้นหาข้อมูลและอ่านเวยป๋อบนอินเทอร์เน็ต ทุกคนล้วนคิดว่าแผนการพัฒนาวงการแพทย์แผนจีนในอนาคตนั้น มีแนวโน้มถึงความก้าวหน้าเจริญรุ่งเรื่อง และ ะตัดสินใจอย่างแน่วแน่และมุ่งมั่น
แต่ว่าก่อนที่จะได้ตัดสินใจ พวกเขาได้เห็นอีกข้อความหนึ่งปรากฏขึ้น
เป็นเรื่องร้อนบนเวยป๋อ เขียนว่า #ชวนคนเรียนแพทย์ จะต้องโดนฟ้าผ่า#
ไม่เพียงนักเรียนตามชนบท
บนเวยป๋อ
ทุกคนที่ตามติดเรื่องการสอบเข้าอยู่ เมื่อเห็นหัวข้อนี้ก็ตะลึงไป
หมายความว่าอย่างไร?
น่าสงสัยมาก จึงคลิกเข้าไปดู
แค่เข้าไป
ก็ได้พบกับข้อความร่ายยาวของบรรดาบุคคลชื่อดังมากมาย
‘ #ชวนคนเรียนแพทย์ จะต้องโดนฟ้าผ่า# ทำไมช่วงนี้ถึงมีข่าวชวนคนไปเรียนแพทย์แผนจีนเต็มไปหมดเลย? ถ้าเรียนแพทย์แผนตะวันตกก็มีประโยชน์อยู่หรอก แต่แพทย์แผนจีน? ลืมไปเถอะ อย่าหาเร รื่องเลย!’
‘ยังมีคนเรียนแพทย์แผนจีนอยู่อีกเหรอ? ไม่เคยคิดกันบ้างเหรอ แพทย์แผนจีนพัฒนามาแล้วกี่ปี 5,000 ปีเลยนะ แล้วดูสิ 5,000 ปียังได้แค่นี้ คิดว่าวงการแพทย์แผนจีนมีอนาคตเหรอ? #ชวน คนเรียนแพทย์ จะต้องโดนฟ้าผ่า#’
‘ #ชวนคนเรียนแพทย์ จะต้องโดนฟ้าผ่า# ประเทศส่งเสริมการฟื้นฟูและพัฒนาวงการแพทย์แผนจีนก็จริง แต่ทำไปทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะมันเป็นมรดกสืบต่อมาของชาติ โชคร้ายหน่อยนะที่ผ่านมาตั้ งกี่ปีแล้วยังเชิดหน้าชูตาไม่ได้ ถ้ารัฐไม่ออกมาสนับสนุน ก็คงโดนแพทย์แผนตะวันตกก้าวนำ ของที่ต้องให้ออกมาตรการมาช่วยแบบนี้ ยังจะมีอะไรให้เรียนอีก ไม่มีอนาคตหรอก!’
‘ที่ออกมาชวนให้ไปเรียนแพทย์แผนจีนกันน่ะ รู้ไหมว่ามันเรียนยากแค่ไหน ฉันจะบอกให้ ว่าต้องเรียนแทบทั้งชีวิต กว่าจะเรียกว่าประสบความสำเร็จได้ก็ปาไปอายุ 50 – 60 ปี ลองไปหาดู สิ ว่ามีแพทย์แผนจีนคนไหนไม่แก่บ้าง? อยากจะใช้ทั้งชีวิตไปกับแพทย์แผนจีนจริงเหรอ? #ชวนคนเรียนแพทย์ จะต้องโดนฟ้าผ่า#’
ความเห็นเช่นนี้กระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว!
แถมกระแสเองก็ไหลตามทางนั้นอย่างดุเดือด
‘เดี๋ยวจะได้น้ำตาตก จนต้องผลิตน้ำตาเต็มสมอง!’
‘จินตนาการกันไม่ออกหรอกว่าเรียนแพทย์มันหนักแค่ไหน เอาจริงมันหนักโคตร ๆ เลยแหละ’
‘ฉันมีเพื่อนคนหนึ่ง และภรรยาเขาเองก็ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลด้วย พวกเขาขอร้องให้ฉันไปเรียนแพทย์ตลอดทั้งวัน คงเหนื่อยมากจากการเรียนมา ก็เลยจะเอาความแค้นมาลงกับสังคม!’
‘ถ้าเรียนแพทย์นะ ไม่ว่าจะมีวันหยุดอะไร ก็ไม่ได้หยุดหรอก ไหวรึเปล่าล่ะ?’
‘อยากเรียนแพทย์? คงไม่รู้กันหรอกว่าความเจริญก้าวหน้าในวงการมันยากแค่ไหน ในฐานะที่เป็นคนใน ฉันจะบอกให้ว่ามันยากมาก ถ้าเริ่มเรียนแพทย์แล้ว ก็จะถูกผูกติดกับมันไปทั้งชีวิต สุดท้ายก็กลายเป็นเนิร์ดคนหนึ่ง เรียนแพทย์น่ะเหนื่อยฉิบหายเลย’
……
เด็กนักเรียนมัธยมปลายและผู้ปกครองที่ได้อ่านข้อความเหล่านี้ถึงกับชะงักไป
เรียนแพทย์มันยากจริงหรือ?
แถมอนาคตเองก็แย่ด้วย?
แรงใจอยากจะเรียนแพทย์ที่ปะทุขึ้นมา ก็มอดดับลงไปในทันที ถ้าจะเลือกเรียนแพทย์คงจะต้องระมัดระวังหน่อยสินะ!
……
“ฮ่าฮ่า โผล่ออกมาไวเหมือนกันนะเนี่ย”
ซูเย่เห็น #ชวนคนเรียนแพทย์ จะต้องโดนฟ้าผ่า# กลายเป็นประเด็นร้อน แล้วก็หัวเราะเยาะเย้ยออกมา
“กะแล้วว่าพวกมันจะต้องโผล่ออกมา เรื่องยาจีนในครั้งก่อนไม่ได้ดัดนิสัยได้เลยสินะ ครั้งนี้ฉันไม่สุภาพด้วยแล้ว พวกแกจะได้ไม่ต้องออกมาขัดขวางอีกในอนาคต”
“ไอ้พวกบุคคลมีชื่อเสียงตัวใหญ่ทั้งหลาย หวังว่าจะไม่ได้รับเงินเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรมานะ ไม่งั้น หึหึ!”
เขาถ่ายรูปบรรดาคนที่ออกมาเกาะกระแสและส่งไปให้สวีหมินหมินทางวีแชต จากนั้นโทรหาเธอทางโทรศัพท์
“ช่วยผมหาคนที่ส่งไปทางวีแชตหน่อยครับ”
“ได้” สวีหมินหมินตอบกลับมาสั้น ๆ จากนั้นกล่าวต่อ “คุณคงจะรู้ว่าฉันต้องการอะไร”
“ไม่มีปัญหา!” ซูเย่ตอบกลับและตัดสายไป
ก็คงจะให้ช่วยพัฒนากำลังยุทธ์ใช่ไหม? เขาถนัดอยู่แล้ว!
เพียงครึ่งวัน
ซูเย่ก็ได้รับข้อมูลจากสวีหมินหมิน
ด้วยความสามารถในการสืบสวนที่แกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ของสวีหมินหมิน บรรดาคนดังหลายคนที่ขึ้นมาก่อกระแสสวนด้วยหัวข้อ #ชวนคนเรียนแพทย์ จะต้องโดนฟ้าผ่า# บนเวยป๋อ ล้วนพบ บว่ามีบัญชีธนาคารต่างประเทศ และได้รับเงินนอกมาทั้งนั้น
เมื่อได้ข้อมูลนี้มา
ซูเย่จึงยิ้มขึ้น
คนดังเหล่านี้มีผู้ติดตามนับล้าน และผู้สนับสนุนนับไม่ถ้วนบนเวยป๋อ พวกเขามักจะหาเรื่องขัดขวางความเจริญของประเทศ และรับเงินสนับสนุนจากต่างชาติ
พวกเขาริเริ่มสร้างกระแส #ชวนคนเรียนแพทย์ จะต้องโดนฟ้าผ่า# ขึ้นมาเพราะได้เงิน
จุดประสงค์นั้นง่ายมาก เพื่อทำลายชื่อเสียงของแพทย์แผนจีน พยายามขัดขวางความก้าวหน้าของวงการ และทำลายความเชื่อมั่นที่ทุกคนมีต่อประเทศชาติ
“พวกหมาจรจัดเห็นแก่กิน”
ซูเย่ยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น และเริ่มส่งหลักฐานไปทางข้อความส่วนตัวของคนดังที่ชื่อว่า ‘กลางหัวใจดวงสีแดง’ โดยไม่เปิดเผยชื่อ
กลางหัวใจดวงสีแดงได้ต่อสู้กับเหล่าคนดังพวกนี้มาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง พอได้เห็นหลักฐานมัดตัวหนาแน่นเช่นนี้ เขาจึงปล่อยออกไปอย่างไร้ความลังเล
หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว หลักฐานทั้งหมดก็กระจายไปทั้งเวยป๋อเป็นครั้งแรก
“พวกแมลงตัวน้อย ออกมาตายกันให้หมด! ฮ่าฮ่า!”