เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 308 การแต่งงานของเวินอี๋
เวินอี๋รู้สึกคลื่นไส้จนทรมาน เธอยื่นหน้าออกไปทางหน้าต่างรถยนต์แล้วอาเจียนสองครั้งโดยไม่มีอะไรออกมา มู่เฉิงซีเห็นเธอเป็นแบบนี้จึงรีบจอดเทียบข้างท้าง ดึงหน้าเวินอี๋เข้าหาตนพร้อมมองอย่างพิจารณา ใบหน้าของเธอซีดขาว ทำให้เขาตกใจอย่างมาก “เป็นอะไรไป ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า”
เวินอี๋ขมวดคิ้วด้วยความอ่อนเพลีย “ฉันรู้สึกคลื่นไส้ค่ะ”
มู่เฉิงซีขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว “ผมพาคุณไปโรงพยาบาลเอง”
เวินอี๋รีบร้องห้าม “ไม่ต้องค่ะ ไม่ได้เป็นอะไรมาก ฉันอาจจะแค่กินอะไรผิดสำแดงเท่านั้น”
มู่เฉิงซียืนกรานจะวนรถกลับ ขับมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลเอกชนหนานกง “ให้หมอตรวจดูหน่อยผมถึงจะสบายใจ”
เมื่อไปถึงโรงพยาบาล มู่เฉิงซีไม่สนใจความดื้อดึงของเวินอี๋ เขาอุ้มเธอลงจากรถ แล้วเดินตรงไปที่ห้องตรวจบนชั้นสอง เวินอี๋ขัดขืนความเอาแต่ใจและเผด็จการของเขาไม่ได้ ทำได้เพียงก้มหน้างุดอยู่ในคอเสื้อของเขา ด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อเพราะความเขินอาย
คุณหมอตรวจเวินอี๋อย่างละเอียด จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุณผู้หญิงคนนี้สุขภาพร่างกายแข็งแรงดีครับ”
มู่เฉิงซีถามด้วยความร้อนใจ “แล้วทำไมเธอถึงคลื่นไส้ละครับ”
แน่นอนว่าหมอในโรงพยาบาลหนานกงต้องรู้จักมู่เฉิงซี ทั้งยังรู้ว่าเขาแต่งงานกับซย่าอี่มั่วแล้ว จึงมองเวินอี๋อย่างกระอักกระอ่วน แล้วหันกลับไปมองมู่เฉิงซีอีกครั้ง “สาเหตุที่คุณผู้หญิงอาเจียนเป็นเพราะ…”
“เพราะอะไร รีบพูดมาสิครับ!” มู่เฉิงซีเริ่มรู้สึกหงุดหงิดแล้ว ความเผด็จการและเด็ดขาดของตำรวจแผ่ออกมา
หมอตัวสั่นเทา จับจ้องไปยังแววตาของมู่เฉิงซีที่แสดงความกดดัน แล้วพูดเสียงเบา “คุณผู้หญิงคนนี้ตั้งครรภ์ครับ”
“!!!” ความรู้สึกของมู่เฉิงซีในตอนนี้ เหมือนทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหัน ราวกับมีทองคำก้อนตกลงมาจากฟ้า ตกกระแทกตัวของเขาจนรู้สึกตะลึงเล็กน้อย แต่กลับเป็นความรู้สึกที่โล่งอย่างมาก หลังจากหยุดชะงักไปพักหนึ่ง มู่เฉิงซีหัวเราะเสียงดัง อุ้มเวินอี๋แล้วเดินออกไปด้านนอก “คุณได้ยินไหมครับ เรามีลูกด้วยกันแล้ว!”
ตอนแรกเวินอี๋ก็รู้สึกตะลึงเหมือนกัน เธอค่อยๆ ดึงสติกลับมา หลังจากได้ยินเสียงหัวเราะของมู่เฉิงซี “เป็นไปไม่ได้ ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ เราเพิ่งมีอะไรกันเมื่อเช้านี้ แล้วจะท้องเร็วขนาดนี้ได้ยังไง”
“ฮ่าๆๆ…” เสียงหัวเราะของมู่เฉิงซีดังก้องไปทั่วโถงทางเดิน “ผมว่าคุณต้องซื่อบื้อไปแล้วแน่ๆ เราไม่ได้เพิ่งมีอะไรกันครั้งแรกในเช้าวันนี้สักหน่อย คุณต้องท้องตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อนแล้วแน่ๆ ไม่แน่คุณอาจจะท้องก่อนเหลิ่งรั่วปิงก็ได้”
เวินอี๋เองก็รู้สึกว่าตนเหมือนคนซื่อบื้อ เธอเบ้ปาก “แต่ก่อนหน้านี้ฉันไม่มีอาการอะไรเลยนะคะ ตอนนี้เพิ่งมีอาการ บางทีเด็กในท้องอาจจะไม่ใช่ของคุณก็ได้”
“ซี๊ด!” มู่เฉิงซีก้มหน้าลงแล้วกัดไปที่แก้มของเวินอี๋ “คุณจะบอกผมว่าเราเพิ่งเลิกกันไปแค่หนึ่งเดือน คุณก็ไปนอนกับผู้ชายคนอื่นแล้ว ผมจะตีคุณให้ขาหักไปเลย!”
เวินอี๋รู้สึกว่าตนเองโง่อีกครั้ง เธอหัวเราะแล้วมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของมู่เฉิงซี “ฉันอาจจะท้องด้วยตนเองก็ได้นะคะ”
“ฮ่าๆๆ…” มู่เฉิงซีหัวเราะเสียงเบา “คุณคิดว่าตัวเองมีสองเพศในร่างเดียวกันเหรอครับ”
“ฮ่าๆๆ…” เวินอี๋หัวเราะ ฟาดมือไปที่แขนของมู่เฉิงซี “คุณจะรีบออกมาทำไมคะ”
มู่เฉิงซีไม่ปล่อยให้เธอสงสัย “แน่นอนว่าเพราะจะไปจดทะเบียนสมรสด้วยกันไงครับ”
เวินอี๋ “ฉันยังไม่ทันคิดให้ถี่ถ้วนเลยนะคะ”
มู่เฉิงซีไม่สบอารมณ์ “คุณยังจะคิดอะไรอีกครับ ตอนนี้คุณท้องแล้ว หรือว่าคุณอยากจะมีลูกโดยไม่ผ่านการแต่งงาน”
ตอนแรกเวินอี๋อยากจะโต้เถียง แต่เมื่อตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ เธอก็รีบพูดด้วยความร้อนใจ “รีบกลับไปพบคุณหมอก่อนเถอะค่ะ มีหลายอย่างที่ยังไม่ได้ถาม”
มู่เฉิงซีขมวดคิ้วเป็นปม “ถามเรื่องอะไรครับ” ตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรสำคัญไปกว่าการที่เธอกลายเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาอีกแล้ว
เวินอี๋กลอกตามองบน “แน่นอนว่าต้องมีสิคะ เราต้องถามคุณหมอว่าฉันท้องมานานเท่าไหร่แล้ว เด็กในท้องแข็งแรงดีไหม แล้วต้องถามว่าเด็กในท้องมีกี่คน”
มู่เฉิงซีกลอกตาไปมา “จริงด้วย เมื่อกี้ผมลืมไปเลย”
ด้วยเหตุนี้ หมอที่เพิ่งมองตำรวจที่มีอำนาจสูงสุดในเมืองหลงและผู้หญิงปริศนาออกไปจากห้องตรวจด้วยความโล่งใจ เวลานี้ยังไม่ทันดึงสติกลับมาจากแววตาของมู่เฉิงซี ก็เห็นมู่เฉิงซีเดินอุ้มผู้หญิงปริศนาคนนั้นกลับเข้ามาในห้องตรวจ “หมอครับ ภรรยาของผมท้องกี่เดือนแล้ว เด็กในท้องแข็งแรงดีรึเปล่าครับ แล้วภรรยาของผมท้องลูกกี่คนครับ”
หมอไม่กล้ารอช้า รีบตอบคำถามทันที “ตั้งครรภ์ได้เดือนแล้วครับ เป็นลูกคนเดียว ทารกในครรภ์แข็งแรงดีครับ”
หลังจากมู่เฉิงซีฟังหมอพูดจบ เขาไม่หยุดพักแม้แต่เสี้ยววินาที อุ้มเวินอี๋ออกไปจากห้องตรวจอย่างกับพายุหมุน หมอที่ตรวจให้เวินอี๋ยืนตะลึง ภรรยาของเขาคือคุณซย่าอี่มั่วไม่ใช่เหรอ
แต่มู่เฉิงซีไม่มีเวลามาสนใจความสงสัยของหมอ ตอนนี้เขาอยากทำแค่เรื่องเดียว ซึ่งก็คือรีบจดทะเบียนสมรสกับเวินอี๋ แบบนี้เธอจะได้กลายเป็นของเขา วันข้างหน้าอย่าคิดหนีไปไหนอีก
มู่เฉิงซียิ้มสดใสราวกับแสงแดดเจิดจ้า “สุขภาพร่างกายของทุกคนไม่เหมือนกัน เวลาแพ้ท้องก็มีอาการแตกต่างกัน” เขาเลิกคิ้วขึ้น “ประจำเดือนของคุณไม่มานานเท่าไหร่แล้วคุณจำไม่ได้หรือไง ยัยบื้อ!”
เวินอี๋ตอบรับสั้นๆ ไม่ได้พูดอะไรอีก ประจำเดือนของเธอมาไม่ปกติอยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ได้สนใจอะไร แต่ตอนนี้เธอไม่อยากคิดเรื่องพวกนี้แล้ว เวินอี๋ก้มหน้าลงมองท้องน้อยของตนเอง เธอยกมือขึ้นมาช้าๆ แล้ววางบนท้องน้อย ลูบจับท้องของตนเอง มุมปากของเธอเผยรอยยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ นั่นเป็นออร่าของคนเป็นแม่ เธอเป็นผู้หญิงที่มีความอ่อนโยนอยู่แล้ว เมื่อรู้ว่าในท้องของตนเองมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ อาศัยอยู่ เธอก็ยิ่งอ่อนโยนและสวยสะพรั่งมากกว่าเดิม
มู่เฉิงซีขับรถไปด้วย พร้อมกับชำเลืองมองคนตัวเล็กที่ใจลอยไปไกล มู่เฉิงซียิ้มร่า เขารู้สึกว่าชีวิตของตนเองไม่เคยมีความสุขแบบนี้มาก่อน
กลิ่นความสุขอบอวลไปทั่วทั้งรถ
เมื่อไปถึงที่ว่าการอำเภอ มู่เฉิงซีจอดรถ แล้วหันไปบอกกับเวินอี๋ที่กำลังนั่งก้มหน้าใจลอย “ถึงแล้วครับ เราลงไปกันเถอะ”
เวินอี๋หลุดจากภวังค์ความคิดของตนเอง เธอมองไปยังป้ายชื่อที่ว่าการอำเภอด้วยความตกใจ พูดอย่างลังเล “จด…จดทะเบียนสมรสจริงๆ เหรอคะ”
มู่เฉิงซีหัวเราะ “มาถึงที่แล้ว ยังจะมีอะไรไม่จริงอีกครับ”
“แล้วคุณซย่าอี่มั่วจะทำยังไงคะ” คนจิตใจดีก็เป็นแบบนี้ ถึงแม้ซย่าอี่มั่วจะทำร้ายเธอ แต่เธอก็ยังนึกถึงความรู้สึกของซย่าอี่มั่ว
มู่เฉิงซีถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด “จะไปสนใจผู้หญิงคนนั้นทำไม”
ขณะพูด มู่เฉิงซีเดินลงจากรถ อ้อมไปอีกด้านหนึ่ง แล้วเปิดประตูรถให้เวินอี๋ แต่เวินอี๋ยังคงลังเล “ฉัน…ฉันไม่ได้เอาบัตรประชาชนมาค่ะ”
มู่เฉิงซีอุ้มเธอลงจากรถ “ผมเอามาให้คุณแล้ว”
เวินอี๋เพิ่งนึกขึ้นได้ เมื่อวานตอนเย็นตั้งแต่เขาพาเธอไปที่คอนโด เขาก็ยึดบัตรประชาชนของเธอไป จำกัดอิสระในการเดินทางของเธอ บัตรประชาชนของเธอจึงอยู่ที่เขา
เมื่อคิดได้แบบนี้ เวินอี๋โมโหขึ้นมาทันที เธอกลับเข้าไปนั่งในรถ “ฉันขอคิดดูก่อนค่ะ”
มู่เฉิงซีกัดฟันแน่น “ยังจะคิดอะไรอีก” เขารู้สึกว่าลูกคือเชือกที่ผูกมัดเวินอี๋เอาไว้แล้ว ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องเป็นภรรยาของเขา นี่เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ใครจะไปคิดว่าพอมาถึงที่ว่าการอำเภอแล้วเธอกลับยังบอกว่าจะขอเวลาคิดทบทวนอีก
เวินอี๋หันหน้าไปทางอื่นอย่างดื้อรั้น “ฉันต้องคิดดูก่อนว่าคุณเหมาะจะเป็นสามีของฉันรึเปล่า”
มู่เฉิงซีจับหน้าเล็กๆ ของเธอให้หันมาสบตาเขาด้วยความขุ่นเคือง “ผมไม่เหมาะที่จะเป็นสามีตรงไหน มีทั้งรถ มีทั้งบ้าน มีเงินฝาก หน้าตาก็ดี คุณจะไปหาสามีดีๆ แบบผมจากที่ไหนได้อีก”
เวินอี๋มองเขาด้วยความเย้ยหยันพร้อมกับเบ้ปาก “ใช่ค่ะ คุณมีทั้งบ้าน ทั้งรถ และเงินฝาก นอกจากนี้หน้าตาของคุณก็ดี แต่มีอย่างหนึ่งของคุณที่ฉันไม่ชอบมาก”
มู่เฉิงซีรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมากะทันหัน “ตรงไหนของผมที่ทำให้คุณไม่ชอบ”
เวินอี๋สู้สายตาของเขาอยา่งกล้าหาญ “คุณอารมณ์ร้อนเกินไป แล้วยังเผด็จการอีก เวลาโมโหทีไรทำให้ฉันตกใจแทบแย่”
มู่เฉิงซีถึงกับใบ้รับประทาน เขายอมรับว่าตนเองเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่ว่า “ผมปรับปรุงตัวก็ได้นี่ครับ หลังจากนี้ ผมจะไม่อารมณ์เสียต่อหน้าคุณ คุณพูดหนึ่งผมไม่มีวันเป็นสอง ดีไหม”
เวินอี๋กลายเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรี ปากเล็กๆ ของเธอเบะเอาไว้ ดวงตาคู่สวยกลอกมองไปมา อยากจะหาเหตุผลอะไรอีกสักนิด แต่มู่เฉิงซีไม่ให้โอกาสนั้นกับเธอ ริมฝีปากอุ่นๆ ของเขาประทับลงมาบนริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอ พร้อมกับอุ้มเธอลงจากรถ “เรียบร้อย เดี๋ยวจดทะเบียนสมรสเสร็จ กลับไปบ้านคุณค่อยๆ คิดแล้วกันนะครับ ไม่ว่าคุณจะมีเหตุผลอะไรผมก็ยอมคุณทั้งนั้น”
เวินอี๋ถูกมู่เฉิงซีอุ้มเข้าไปที่ว่าการอำเภอด้วยความมึนงง ถ่ายรูปและเซ็นชื่อด้วยความฉงน สุดท้ายในมือของเธอก็มีสมุดสีแดงเล่มเล็กๆ สองเล่ม แล้วถูกมู่เฉิงซีอุ้มกลับไปที่รถ
มู่เฉิงซีหันไปมองสายตาขุ่นเคืองของคนตัวเล็กที่มองมาทางตน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ที่รักครับ”
“ที่รัก” สองคำนี้ เหมือนก้อนหินสองก้อนเล็กๆ ตกลงไปในทะเลสาบที่นิ่งสงบ ระลอกคลื่นก่อตัวภายในใจของเวินอี๋ การแต่งงานที่ในอดีตเธอเฝ้ารอคอย มาวันนี้อยู่ในมือเธอแล้ว เมื่อก่อนเธอต้องอดทนกับเรื่องต่างๆ อยู่นาน ทั้งหมดก็เพื่อสมุดเล่มแดงสองเล่มนี้
เมื่อได้คิดได้แบบนี้ จู่ๆ เวินอี๋ก็ร้องไห้ น้ำตาเอ่อล้นออกมาเพราะความน้อยใจและดีใจ น้ำตาของเธอรินไหลลงมาราวกับสร้อยไข่มุกขาด
สีหน้าดีใจของมู่เฉิงซีกลายเป็นกระวนกระวายทำตัวไม่ถูก ประคองแก้มเวินอี๋อย่างระมัดระวัง “ที่รัก เป็นอะไรไปครับ”
จู่ๆ เวินอี๋ก็เอาทะเบียนสมรสทั้งสองเล่มฟาดไปที่แขนของมู่เฉิงซี “คุณมู่เฉิงซี คุณมันสารเลว เมื่อก่อนฉันรอคุณแทบตาย แต่คุณกลับไม่ยอมแต่งงานกับฉัน ตอนนี้พอฉันท้องคุณกลับรีบร้อนพาฉันมาจดทะเบียนสมรส คุณรักเด็กในท้องแต่ไม่ได้รักฉัน นี่มันไม่ได้เรียกว่าการแต่งงานด้วยความรัก แต่มันเรียกว่าการแต่งงานเพราะลูก”
เอ่อ…
มู่เฉิงซีไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ ไม่เป็นไร เขาจะคิดเสียว่าเป็นอารมณ์แปรปรวนของคนท้องแล้วกัน “ครับๆๆ ผมมันสารเลว แต่คุณเข้าใจแบบนี้มันไม่ถูกนะ ผมอยากแต่งงานกับคุณตั้งแต่ต้น แค่ว่าตอนนั้นผมทำพลาดไป แต่ผมก็รีบแก้ไขให้ถูกต้องและทันเวลา คุณอย่าคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องนี้เลยนะ คุณดูตอนนี้สิครับ เราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว มีลูกด้วยกันแล้ว เป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบมาก”
“ฮ่าๆๆ…” จู่ๆ เวินอี๋ก็หัวเราะ ใช่ ความสุขเกิดขึ้นกะทันหันตลอด
เมื่อเห็นเธอยิ้ม มู่เฉิงซีก็ยิ้มไปด้วย จากนั้นเขาก็สตาร์ทรถ “ไป กลับบ้านกันเถอะ”
ครั้งนี้ มู่เฉิงซีพาเวินอี๋กลับไปยังวิลล่ามู่หวา บ้านหลังนี้เป็นที่ที่พวกเขารักกัน เป็นบ้านที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เมื่อกลับมาที่นี่ จึงจะเท่ากับว่าทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม