เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 598-2 เป็นขั้นเป็นตอน บทสรุปตอนต้น
การประชุมฉุกเฉินของสถาบันวิจัยทางการแพทยแ
ชื่อเสียงของกู้ซีฉือแพร่กระจายไปไกลทั่วโลก ยิ่งมี ตระกูลเฉิงอยู่เบื้องหลัง สถานะในสถาบันวิจัยทางการแพทยแ ของเขาจึงสูงมาก แต่คนส่วนใหญ่ต่างได้ยินเพียงชื่อเสียงของ เขาเท่านั้น
การประชุมที่เขาจัด นักวิจัยเกือบทุกคนของสถาบันวิจัย ทางการแพทยแและผู้ดูแลต่างมากันครบแล้ว
ช่วงนี้ที่เมืองหลวงไม่ค่อยสงบ สถาบันวิจัยทางการแพทยแ และตระกูลเฉิงเป็นไปไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ดีกว่าตระกูลสวีอยู่ มาก
ตระกูลใหญ่มากมายใกล้เคียงเช่นตระกูลเฉิงล้วนมีภูมิ หลัง เนื่องจากเมื่อก่อนหน้านี้ตระกูลสวีลงทุนที่รัฐ M มากไป จนแทบจะเทหมดหน้าตัก เมื่อรากฐานสั่นคลอน และเพราะ ตระกูลเฉิงไม่ได้สลัดตระกูลสวีอย่างร้ายกาจ อย่างมากสุดก็ แค่การต่อสู้ภายในของเฉิงเวินหรูกับเฉิงเหราฮั่น พ่วงมาด้วย ตระกูลเนี่ยที่คอยจ้องจะตะครุบ
เมื่อเทียบกับตระกูลโอวหยางที่ไม่มั่นคงกับตระกูลสวีที่ เป็นเรือขาดหางเสือ[1]
ตระกูลเฉิงและตระกูลฉินนับได้ว่าสงบสุข
ผู้ดูแลของสถาบันวิจัยทางการแพทยแส่วนใหญ่มาจาก สาขาของตระกูลเฉิง
ขณะนี้ที่กู้ซีฉือจัดงานประชุมฉุกเฉิน ผู้คนมาเกือบครบ แล้ว
กู้ซีฉือยืนอยู่ด้านหน้าสุด มือทั้งสองของเขาวางที่โต฿ะ “แบ่งเป็นสองกลุ่มย่อย”
ผู้อํานวยการโรงพยาบาลเฉิงเว่ยผิงอ่านรายงานฉบับหนึ่ง ที่ส่งมา หลังจากอ่านจบทั้งหมด ในใจเริ่มวิตกเมื่อตระหนักได้ ว่าเรื่องนี้สําคัญ “คุณกู้ ฉันจะแจ้งแต่ละโรงพยาบาลใหญ่ให้ แยกผู้ปุวย!”
ที่ผ่านมาผู้คนทั่วโลกต่างพูดคุยถึงการเปลี่ยนแปลงของ ไวรัสที่ไม่รู้จัก
ก่อนหน้านี้นานมาแล้วมีผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ถ้านําไวรัส ออกมาจากห้องปฏิบัติการสักแห่งจะเพียงพอสําหรับกําจัด มวลมนุษยแได้หลายครั้ง
เทียบกับไวรัสที่ไม่รู้จักนี้ การต่อสู้ของสี่ตระกูลหลัก เทียบได้เลย
“เรื่องของไวรัส Y3 ไม่ต้องเผยแพร่” เวลานี้เกรงว่าผู้คน จะแตกตื่น สถานการณแเช่นนั้นจะยิ่งไม่สามารถควบคุมได้
“พวกเราเข้าใจ” เฉิงเว่ยผิงมองกู้ซีฉืออย่างเคร่งขรึม “แต่พวกเรายังไม่สามารถทําความเข้าใจโมเลกุลของโปรตีน ไวรัสได้…”
“เรื่องนี้ฉันติดต่อองคแกรทางการแพทยแแล้ว” กู้ซีฉือมอง คนของสํานักงานแล้วครุ่นคิด จึงพูดขึ้น “ตอนนี้ทั่วทั้ง ห้องปฏิบัติการขององคแกรทางการแพทยแกําลังวิจัย Y3 พวก
เราต้องจัดหาตัวอย่างและข้อมูลของไวรัส ผู้อํานวยการ โรงพยาบาลเฉิง คุณให้คนรับช่วงต่อเรื่องนี้”
องคแกรทางการแพทยแคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีอํานาจมาก ที่สุดของอุตสาหกรรมการแพทยแ
ไม่ว่าเรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับ ‘องคแกรทางการแพทยแ’ ทุก คนต่างวางใจลงไปครึ่งหนึ่ง
อารมณแของคนในสํานักงานเหมือนรถไฟเหาะ ตอนที่ได้ ยินไวรัส Y3 หัวใจของทุกคนในห้องประชุมล้วนตกลงไปอยู่ที่ ตาตุ่ม แต่ตอนนี้ที่ได้ยินว่าองคแกรทางการแพทยแได้ทําการลง มือ บรรยากาศจึงกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง
“ท้ายที่สุดก็มีคนขององคแกรทางการแพทยแมาช่วยเหลือ” ทุกคนในห้องประชุมถือข้อมูล “ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรก็ ล้วนเป็นเรื่องดีต่อสถาบันวิจัยและตระกูลเฉิง ไปประกาศให้ คุณชายใหญ่และคุณหญิงใหญ่!”
สถาบันวิจัยทางการแพทยแเป็นของตระกูลเฉิง เรื่องใหญ่ แบบนี้จําเป็นต้องหารือกับพวกเฉิงเวินหรู และควบคุมไม่ให้ แพร่ออกไปภายนอก
**
ไฟของห้องปฏิบัติการทางการแพทยแเปิดทั้งคืน
กู้ซีฉือติดต่อกับองคแกรทางการแพทยแ เฉิงเจวี้ยนกําลัง สํารวจข้อมูลหลักและทําการศึกษาต่างๆ
ฉินหร่านกับเฉิงเจวี้ยนถูกกั้นด้วยกระจก ตอนนี้เธอกําลัง โทรศัพทแกับฉินซิวเฉินด้วยเสียงคงเดิม “คุณจัดเตรียมคนไป รับเสี่ยวหลิงกลับมาให้เร็วที่สุด”
“เสี่ยวหลิง?” ฉินหลิงยังเรียนอยู่ต่างประเทศกับถังจวิน แต่ฉินหร่านพูดแบบนี้แสดงว่าเธอต้องมีความตั้งใจบางอย่าง เธอไม่บอก ฉินซิวเฉินจึงไม่ถามต่อ “โอเค ฉันจะไปเตรียม ตัว”
วางสาย ฉินหร่านจึงถอนหายใจโล่งอก เอนพิงด้านหลัง
เธอบีบนวดคอ
“ยังไม่นอนหรอ” เฉิงเจวี้ยนออกมาจากด้านในพร้อมกับ ผ้าห่มในมือ เมื่อเห็นฉินหร่าน เรียวคิ้วอันเย็นชาอ่อนโยนลง มาก
“นอนไม่หลับ” ฉินหร่านพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก
คุณภาพการนอนของเธอแย่อยู่เสมอ
เฉิงเจวี้ยนรู้ดี
เขามองดอกไม้จีนที่แขวนอยู่บนคอของเธอแล้วนิ่งไป ขน ตายาวลู่ลง อยากสัมผัสใบหน้าของเธอ
แต่ถูกฉินหร่านหลีกเลี่ยง
“ฉันได้ยินหมดแล้ว” ฉินหร่านถอนหายใจ เธอดึงเอาผ้า ห่มในมือของเฉิงเจวี้ยนมาห่อตัวเอง “ไวรัส Y3”
พูดถึงตรงนี้ ฉินหร่านเงยหน้ายิ้มมองเฉิงเจวี้ยน “คุณไม่ กลัวตายหรอ”
ก่อนหน้านี้ไม่รู้ ฉินหร่านจึงไม่ได้ใส่ใจ
แต่ตอนนี้ฉินหร่านกลัวแล้ว
ถึงเธอไม่เรียนแพทยแแต่เธอเก่งเรื่องชีววิทยา เป็นไวรัสที่ น่ากลัวกว่าอีโบลา เธอรู้ภัยคุกคามของไวรัสชนิดนี้
กู้ซีฉือยังไม่ได้ศึกษาวิธีการติดเชื้อของไวรัสชนิดนี้
เจ฿หร่านที่ผ่านมาไม่กลัวฟูาดิน ตอนนี้กลับกลัวเฉิงเจวี้ยน มีปัญหา
ได้ยินดังนั้น ดวงตาอันนิ่งสงบของเฉิงเจวี้ยนค่อยๆ ลึก ขึ้น ขนตาที่ลู่ลงสั่นไหว ใช้มือจับคอเสื้อฉินหร่านโดยไม่พูด อะไร ก้มหน้าลงอย่างแน่วแน่
ฝุามือเลื่อนลงจับมือของฉินหร่านแน่น
ฉินหร่านไม่ตอบสนองกลับ รู้สึกได้เพียงลมหายใจบาง เบาที่ร้อนระอุ รู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนฉ่าบนใบหน้าที่ชัดเจน
เฉิงเจวี้ยนอ่อนโยนและสง่างามอยู่เสมอ การกระทํา ตอนนี้กลับดื้อรั้นอย่างปุาเถื่อน
“อยู่ที่นี่เป็นเด็กดี ที่เหลือฉันจัดการเอง”
**
เฉิงเจวี้ยนลุกขึ้น ใช้มือปลดกระดุมเม็ดบนสุด
แขนเสื้อทั้งสองข้างถูกพับขึ้น เผยให้เห็นข้อมือเรียว
“เอาข้อมูลเดิมของพ่อฉันมาให้ฉัน” เขาพูด
กู้ซีฉือที่ตั้งอกตั้งใจวิจัยไวรัสไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องที่ เกิดขึ้นด้านนอกกระจก ได้ยินเสียง เขาเพียงเงยหน้า “ข้อมูล ของนายท่านเฉิงเหรอ ได้สิ”
กู้ซีฉืออยู่ที่นี่ปีกว่าแล้ว ล้วนเพื่อทําการศึกษาอาการปุวย ของนายท่านเฉิง
เขาหันหลัง หาไฟลแข้อมูลของท่านเฉิงจากคอมพิวเตอรแที่ เปิดไว้ของตนแล้วพิมพแออกมาทันที “ทําไมคุณถึงได้นึกถึง นายท่านเฉิง”
กู้ซีฉือศึกษามาหนึ่งปีมีข้อมูลมากมาย
ห้าสิบแผ่นถ้วน
ทั้งสองคนรอเขาพิมพแอย่างเชื่องช้า
เฉิงเจวี้ยนหยิบข้อมูลที่พิมพแออกมาแล้วพลิกทีละแผ่น
กู้ซีฉือเห็นท่าทีแบบนี้จึงรู้ว่าเขากําลังคิดอะไร “คุณไม่ ต้องสงสัย…”
เฉิงเจวี้ยนไม่พูดต่อ ตั้งหน้าตั้งตาอ่านอาการปุวยของ ท่านเฉิง
กระดาษห้าสิบแผ่น เขาอ่านจบทั้งหมดไม่ถึงห้านาที
ในขณะเดียวกัน กู้ซีฉือก็อ่านอาการปุวยของทั้งสองคน…
“หร่านหร่านก็มีอาการนอนไม่หลับ” หลังจากอ่านจบ กู้ ซีฉือจึงพบข้อเท็จจริงที่น่าตกใจ “เธอ…เธอมีอาการฉุนเฉียว เล็กน้อยและอารมณแไม่คงที่ ฉันคิดอยู่เสมอว่าการนอนไม่ หลับของเธอเป็นอาการปุวยทางพันธุกรรมในครอบครัว…”
เทียบอาการปุวยของเธอกับนายท่านเฉิงมีความทับซ้อน กันหลายอย่าง
ที่สําคัญที่สุดคือต้องใช้ดอกไม้จีนมาบรรเทาอาการ
กู้ซีฉืออ่านจบถึงกับหนาวไปทั้งกระดูก “รุ่นพี่ ทําไมคุณ ถึงได้นึกถึงพ่อของคุณกับเธอ…”
“พวกเขาทั้งสองใช้ดอกไม้จีน” กระดาษในมือของเฉิง เจวี้ยนค่อยๆ เปลี่ยนทรง
แต่ยังไม่ถูกต้อง ท่าทีของฉินหร่านกับท่านเฉิงและท่านส วีต่างกัน
ไม่อย่างนั้นเฉิงเจวี้ยนคงไม่สังเกตเห็นได้นานขนาดนี้
ราวกับคิดว่ากู้ซีฉือกําลังคิดอะไรอยู่ เฉิงเจวี้ยนเงยหน้า พูดขึ้นอย่างนิ่งเฉย “ก่อนหน้านี้ไวรัสในร่างกายของเธอไม่ได้ ถูกกระตุ้นเต็มที่ เหมือนกับเซลลแอื่นนับล้านในร่างกายของ เธอที่มีอยู่ ที่แค่ส่งผลต่อการนอนของเธอ แต่เพิ่งถูกคนของ ตระกูลสวีกระตุ้นเมื่อเร็วๆ นี้”
แบบนี้แล้ว จึงพูดได้อย่างสมบูรณแ
กู้ซีฉือก้มหน้า นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เฉิงเจวี้ยนมาหาเขาเพื่อ เอาข้อมูลการเสียชีวิตของท่านสวี เขาเร่งรีบเอาข้อมูลการ เสียชีวิตของท่านสวีออกมาจากกองข้อมูลแล้วอ่านอย่าง รวดเร็ว
เขาไม่เคยสงสัยถึงปัญหาการเสียชีวิตของท่านสวีเลย
เดิมทีกู้ซีฉือก็อยู่ตอนที่ท่านสวีเสียชีวิต เห็นการโทษ ตัวเองและความเจ็บปวดของฉินหร่าน
ไม่มีใครเข้าใจไปกว่ากู้ซีฉือ ฉินหร่านเป็นที่นิยมชมชอบ เป็นอย่างยิ่ง
แต่…
ตอนนี้…
เฉิงเจวี้ยนยิ้มเยาะ “สวีซื่ออิ่งรู้ว่าร่างกายตัวเองมีไวรัส เขารีบส่งคนไปที่รัฐ M เพื่อให้ลูกหลานหนีออกจากชะตา กรรมการถูกผู้คนควบคุม”
แต่ที่ไม่ควรสุดๆ คือการเสียชีวิตอย่างเดียวดาย ก่อน เสียชีวิตเตรียมการไว้ให้ฉินหร่าน
สวีซื่ออิ่งอาจจะให้ความสําคัญกับศักยภาพของฉินหร่าน รู้สึกละอายแก่เขา ให้ฉินหร่านปกปูองตระกูลสวีต่อไปจนภาย ภาคหน้า!
หรือบางทีเป็นเพราะเห็นแก่ฉินหร่านจริงๆ ต้องการให้ การตายของตัวเองเป็นแรงบันดาลใจให้ฉินหร่าน
เฉิงเจวี้ยนสําลักในลําคอ
สายตาล้ําลึกเยือกเย็น
เขาคิดมาตลอดว่าชีวิตของฉินหร่านก่อนอายุ 16 ปีมี พานหมิงเย่วแ เว่ยจื่อหัง ซ่งลี่วแถิงและพานหมิงเซวียนที่เขาไม่ เคยเห็นมาก่อน อย่างน้อย…
จะต้องสง่างามและสะดวกสบาย
เฉิงเจวี้ยนหลับตา
ตั้งแต่เด็กเขาใช้ชีวิตภายใต้การวางแผนของทุกคนและ เคยชินมานานแล้ว
จึงไม่ได้สนใจ
แต่ตอนนี้เป็นฉินหร่าน…
“ฉันจําได้ว่าตั้งแต่จําความได้แรกเริ่มเธอไม่เหมือนคน อื่น…” กู้ซีฉือพูดพึมพํา เขามองไปยังด้านหลังของฉินหร่านที่ อยู่ด้านนอก ในใจหนาวเหน็บอย่างขมขื่น แต่ไหนแต่ไรตอนที่ อยู่อวิ๋นเฉิงเขามักจะกังวลกับท่าทีของฉินหร่านเป็นอย่างมาก “มีใครเริ่มควบคุมเธอตั้งแต่ตอนที่เธอเกิด…”
“ดอกไม้จีน…” กู้ซีฉือสูดหายใจเข้าลึก ตอนนี้ไม่ใช่เวลา มาตรวจสอบพวกนี้ เขาเงยหน้ามองเฉิงเจวี้ยน “ที่สําคัญที่สุด ตอนนี้คือตามหาคนปลูกดอกไม้จีน แม้ว่าดอกไม้จีนจะ สามารถบรรเทาอาการของนายท่านกับเสี่ยวหร่านเอเอรแได้ พวกเราจะต้องหาสิ่งที่ต้องการเจอในนั้นแน่นอน รุ่นพี่ นี่ น่าจะเป็นช่องโหว่อันเดียว! คุณหาคนมาได้ไหม”
“ไม่ต้องบอกเรื่องนี้กับเธอ ให้เป็นหน้าที่ของฉัน” เฉิง เจวี้ยนหยิบโทรศัพทแติดต่อเฉิงมู่
เพราะความสัมพันธแของฉินหร่าน ดอกไม้จีนจึงอยู่ใน ความดูแลของเฉิงมู่และคุณพ่อหลินอยู่เสมอ อีกทั้งสองคนยัง ศึกษาสวนพืชด้วย
หลังจากหาเฉิงมู่แล้ว เขาจึงติดต่อหาเฉิงสุ่ยอีก และสั่ง การด้วยน้ําเสียงเฉยเมย
**
[1] เรือขาดหางเสือ ครอบครัวที่ขาดผู้ดูแลรับผิดชอบ, การงานที่ขาดหัวหน้า, กลุ่มทํางานหรือกลุ่มกิจกรรมที่ขาด ผู้นํ